Story

ตำนานการแข่งขัน กีฬาของเหล่าทวยเทพ โอลิมปิกยุคโบราณ สู่เส้นทาง โอลิมปิกสมัยใหม่ในยุคที่ “กีฬาไร้พรมแดน” 

ตำนานการแข่งขัน กีฬาของเหล่าทวยเทพ โอลิมปิกยุคโบราณ สู่เส้นทาง โอลิมปิกสมัยใหม่ในยุคที่ “กีฬาไร้พรมแดน” 

กาลเวลาได้หมุนย้อนเดินถอยหลังอีกครั้ง กลับไปสู่ยุคอดีต ยุคทีผู้คนยังคงบูชาเหล่าทวยเทพ ยุคที่คำว่าศาสนายังไม่ได้ถูกบัญติขึ้นมาบนโลกใบนี้ นานนับร้อยๆปี ในยุคอดีตที่แสนยาวนาน มันได้ผ่านเรื่องราวต่างๆมากมาย และทุกเรื่องราวก็มักมีเรื่องเล่าอยู่เสมอ จากเรื่องเล่าหนึ่งสู่อีกเรื่องหนึ่ง กาลเวลาได้แปรเปลี่ยนหลอมรวมกันจนกลายเป็นตำนาน 

ดั่งที่ได้ถูกจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ เพื่อให้คนรุ่นต่อๆไปรับรู้ และเล่าขานถึงเรื่องราวของตำนาน ทั้งหลายเหล่านั้นดังเช่น เกมกีฬาที่มีมาอย่างยาวนาน และยังเป็นอนุสรณ์ทางประวัติศาตร์ ที่ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ในยุคสมัยปัจจุบัน โอลิมปิกเกม เริ่มต้นจริงๆ เมื่อใดยังระบุได้ไม่ชัดเจน 

แต่ในยุคสมัยนั้น การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ประชาชนชาวกรีกต่างก็มีความเชื่อว่า มันเริ่มต้นขึ้นมาจากเหล่าทวยเทพ เป็นเกมกีฬาของเหล่าทวยเทพ ที่ได้จัดขึ้นมาเพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่เทพเจ้าซูส เทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดบนเทือกเขาโอลิมปัส ซึ่งเป็นสถานที่อาศัยของเหล่าทวยเทพทั้งหลาย

และประชาชนในยุคสมัยกรีกโบราณ ได้นำกีฬาเหล่านี้ มาจัดการแข่งขันขึ้น เรียกกันว่า “โอลิมปิก” ในสมัยยุคกรีกโบราณได้มีการจัดมหกรรมกีฬา อย่างน้อย 4 รายการเรียกว่า คลาสสิกเกม (classical Games) ประกอบไปด้วย โอลิมปิกเกมส์ที่โอลิมเปียไพยเธียนเกมส์ที่เดลฟาย,เนเมียนเกมส์ที่เนเมอาและอิสธ์เมียนเกมส์ที่โครินธ์ ซึ่งหลังจากนั้นก็เกิดมหกรรมกีฬาขึ้นในกรีกโบราณตามมาอีกเกือบ 150 เมือง อาทิเช่น โรม เนเปิลส์ แอนทิอัค และอเล็กซานเดรีย ในสมัยยุคกรีกโบราณนั้น ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าการแข่งขันกีฬาได้ถูกเชื่อมโยงเกี่ยวกับการบูชาเทพเจ้า ต่อมาชาวกรีกได้ฟื้นฟูเกมกีฬาโบราณก็เพื่อนำความสามัคคี กลับมาสู่วิถีชีวิตของชาวกรีก

โอลิมปิกยุคโบราณ

อริสโตเติลได้ทำการวิเคราะห์และคำนวนถึงระยะเวลาที่แน่ชัด จึงระบุได้ว่าโอลิมปิกยุคโบราณเริ่มต้นครั้งแรกในปี 776 ก่อนคริสตศักราช เป็นเกมกีฬาในหมู่ตัวแทน จากเมืองรัฐต่างๆ ทั่วประเทศกรีกถูกเรียกกันว่า ชาวกรีกเกมส์ และจะมีแต่เพียงชาวกรีกเท่านั้นที่จะสามารถลงแข่งขันได้

ส่วนผู้หญิงนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ารวมการแข่งขันใดๆทั้งสิ้น และระหว่างการเฉลิมฉลอง ของการแข่งขันได้มีการแจก ตรา olympic Troce ที่จะให้กับเหล่านักกีฬา เพื่อที่จะสามารถเดินทางจากเมืองของตัวเอง ไปแข่งขันยังเมืองต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย เป็นเหมือนค่าผ่านทาง หรือ สัญลักษณ์ยืนยันตัวเอง ของบรรดานักกีฬาในหัวเมืองต่างๆ เพื่อที่จะเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย  

ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกยุคโบราณนั้น รางวัลของผู้ที่ชนะในการแข่งขันจะเป็นมาลัยใบมะกอก หรือ มงกุฎ ก็ได้ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ชนะ 

ในช่วงเวลานั้น นอกจากเกมการแข่งขันแล้ว ยังถูกแอบแฝงมาด้วยเกมการเมือง ที่กล่าวว่าการแข่งขันกีฬานั้น เมืองรัฐใดเป็นผู้ชนะ ก็เปรียบเสมือนได้มีอำนาจเหนือกว่าเมืองอื่นไปในตัว และนักการเมืองก็มักใช้เกมกีฬาเหล่านี้ เพื่อที่จะเจริญความสำพันธ์กับเมืองต่างๆอีกด้วย และในเกมการแข่งขัน นักบวชจะถวายเครื่องบูชาแก่เทพเจ้า เพื่อเป็นการทำความเคารพ และให้การแข่งขันกีฬาดำเนินไปได้ด้วยดี

รูปปั่นเทพเจ้าซูสที่โอลิมเปีย ถือว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ยุคโบราณ ที่นักบวชจะต้องมาทำพิธีก่อนเริ่มการแข่งขัน

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโบราณ มีเหตุกราณ์ที่บันทึกไว้น้อยมาก ไม่เหมือนโอลิมปิคสมัยนี้ และก็มีเพียงชายชาวกรีกเท่านั้น ที่ได้อนุญาตให้เข้ารวมการแข่งขัน ส่วนผู้หญิงนั้นหมดสิทธ์ที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน ถึงแม้พวกเธอจะมีเงินทองมากมาย เป็นถึงเจ้าของรถม้าที่ใช้ในการแข่งขันก็ตาม และถ้ารถม้าของพวกเธอเป็นฝ่ายชนะ พวกเธอก็หมดสิทธ์ ที่จะได้มีชื่อจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ว่าเป็นหนึ่งในผู้ชนะอีกด้วย ส่วนนักกีฬาทุกคน จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน ตามกฏเกณฑ์ นักกีฬาจากนครอื่นและมาจากอาณาจักรอื่น ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน นอกจากชาวกรีกเท่านั้น ที่มีสิทธ์เข้าร่วมแข่ง 

กีฬาโอลิมปิกโบราณ ส่วนมากมักจะจัดขึ้นที่โอลิมเปียเท่านั้น ไม่นิยมไปจัดที่อื่น แตกต่างจากโอลิมปิกสมัยนี้ ที่กีฬานั้นไร้พรมแดน ต่างก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน มีการให้รางวัลสำหรับผู้ชนะ ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ได้รับเกียรติ และความสำเร็จของพวกเขาก็ได้บันทึกไว้สำหรับคนรุ่นต่อไป

สมัยที่ยังเป็นการแข่งขันโอลิมปิกโบราณ แรกเริ่มเดิมทีเลยนั้น ในประวัติได้ระบุไว้ว่า มันเริ่มมาแต่พันปีก่อนคริสตกาล โดยให้นักกีฬาเปลือยกายเพื่อที่จะได้โชว์ สรีระร่างกายที่กำยำและแข็งแรง ปีนขึ้นไปแข่งกีฬากันบนยอดเขา ของเทือกเขาโอลิมปัสเพราะชาวกรีกในสมัยนั้น มีความเชื่ออยู่ว่า การขึ้นไปแข่งบนยอดเขาโอลิมปัสนั้น ก็เพื่อให้เหล่าบรรดาเทพเจ้าได้ชม จึงทำให้การแข่งขันโอลิมปิกโบราณนั้นสุภาพสตรีก็ไม่มีสิทธิ์ได้ขึ้นไปบนเขา เพื่อเข้าไปชมได้ 

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโบราณจัดขึ้นทุก 4 ปี โดยแข่งขันกันบนยอดเขาโอลิมปัสเรื่อยมา จนถึง 776 ปี ก่อนคริสตกาล ก็ได้ทำการย้ายการแข่งขันลงมา ที่เชิงเขา ทางขึ้นยอดเขาโอลิมปัสแทน เพราะบนยอดเขาโอลิมปัส สถานที่ไม่กว้างนัก จนไม่สามารถรองรับประชาชน ผู้เข้าไปชมที่มีอยู่เป็นจำนวนมากขึ้นทุกทีได้ ก็เลยได้ให้มีการจัดการแข่งขันขึ้นใหม่ที่เชิงเขา และยังสร้างสถานที่จัดการแข่งขันอย่างถาวร เอาไว้เพื่อใช้ในการแข่งขันและมีไว้เพื่อรองรับ เหล่าขุนนางจากเมืองรัฐต่างๆ ที่มาเข้าชมนักกีฬาของรัฐตัวเอง ทำการแข่งขัน 

ซึ่งการแข่งขันโอลิมปิกโบราณ นั้น มีจัดด้วยกันอยู่ 5 ประเภทกีฬา นั่นก็คือ วิ่ง กระโดด มวยปล้ำ พุ่งแหลน แล้วสุดท้ายคือ ขว้างจักร นักกีฬาทุกคนต้องแข่งขันทั้งหมด 5 ประเภท และผู้ชนะในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโบราณก็จะได้รับรางวัลเป็นมงกุฎโอลิมปิก ที่ประกอบไปด้วยช่อมะกอก อีกทั้งจะได้รับรางวัลใหญ่นั่นก็คือ การได้รับเกียรติเดินทางไปเที่ยวพักผ่อน ตามเมืองรัฐต่างๆ ทั่วราชอาณาจักรกรีก ในฐานะตัวแทนของพระเจ้าผู้พิชิต 

ว่ากันว่าการแข่งขันได้จัดขึ้น ณ เชิงเขาโอลิมปัสแขวง english ที่เดิมเป็นประจำทุก 4 ปีและถือปฏิบัติสืบต่อกันมาไม่มีการยกเว้น เมื่อถึงเวลากำหนดการแข่งขัน ทุกรัฐจะต้องให้เกียรติ ถึงขนาดที่ว่าหากกำลังทำสงครามกันอยู่จะต้องหยุดพักรบ แล้วมาดูนักกีฬาของตนแข่งขัน จนกว่าจะเสร็จจากการแข่งขันแล้ว ถึงได้กลับไปทำสงครามกันต่อ 

การแข่งขันโอลิมปิกโบราณได้เปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันไปบ้าง ในระยะต่อๆมา โดยมีการพิจารณาเอาไว้แล้วว่าลดหรือเพิ่มประเภทของกีฬาเรื่อยมา แต่มีกีฬาที่ยังคงอยู่ ไม่เคยโดนเปลี่ยนก็คือ กรีฑา 5 ประเภท ที่เป็นการจัดการแข่งขันให้แข็งกันในครั้งแรก กรีฑา 5 ประเภทนี้ ได้รับเกียรติให้คงไว้ ซึ่งเรียกกรีฑา 5 ประเภทนี้ว่า “เพ็นตาธรอน” หรือ ที่เรารู้จักกันใน “ปัญจกรีฑา”  ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังมีการแข่งขันกันอยู่ แต่อาจเปลี่ยนประเภทของปัญจกรีฑาเพราะทุกอย่าง ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเสมอ

ส่วนผู้ชนะในแต่ละครั้ง ของกีฬาโอลิมปิกสมัยโบราณ จะได้ถูกจารึกชื่อเอาไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับคนรุ่นหลังสืบไป ตั้งแต่เริ่มมีการแข่งขันครั้งแรกเมื่อ 776 ปี ก่อนคริสตกาล จวบจนถึง 225 ปี ก่อนคริสตกาล รายชื่อผู้ชนะในการแข่งขัน ถูกนำมาเขียนชื่อ กำหนดเอาไว้โดยนักบุญซีซ่า แต่การรวบรวมรายชื่อผู้ชนะทั้งหมดจริงๆ แล้วเป็นของ julius ที่เป็นคนรวบรวมเอาไว้ทั้งหมด

“การแข่งขันครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด และชื่อของผู้ชนะ จะถูกเขียนโดยชาวกรีก อีกหลายคนเพื่อบันทึกไว้ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ “

**  รายชื่อผู้ชนะการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโบราณ  **

โอลิมปิกครั้งที่ 1776 ปี ก่อนคริสตกาล ผู้ชนะโคลัมบัส ออฟ ลิส เป็นนักกีฬาคนแรก ที่ได้ถูกจารึกชื่อไว้ ในหน้าประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิกโบราณ

โอลิมปิกครั้งที่ 21 696 ปี ก่อนคริสตกาล ผู้ชนะ pantacles แห่งเอเธนส และ ครั้งที่ 22 692 ปี ก่อนคริสตกาล ก็เป็นผู้ชนะคนเดิม เขาจึงได้รับรางวัล diaulos และเขาก็ยังเป็น ผู้ชนะคนแรกจากเอเธนส์ แล้วก็ยังเป็นนักวิ่งคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถป้องกันตำแหน่งได้ในอีก 4 ปี หลังจากได้รับชัยชนะครั้งแรกของเขา

โอลิมปิกครั้งที่151,152 และ 153 ในช่วง 176 ปี ก่อนคริสตกาล ถึง168 ปี ก่อนคริสตกาล ผู้ชนะคือ อริสตัน แห่ง อันติสซาใน เรสบอส เขาคือผู้ชนะคนเดียว ในระยะเวลาทั้งหมด 12 ปี ที่ผ่านมา ขณะนั้น เขาคือชายผู้แข็งแกร่ง ที่สุดของกรีก ในเวลานั้นจึงทำให้การแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่154 ถ้าเขาเป็นผู้ชนะอีกครั้ง เขาก็จะได้ถูกจารึกชื่อไว้ว่า เป็นนักกีฬาคนแรกที่สามารถชนะมาได้ 4 ครั้งติด ในกีฬาโอลิมปิกโบราณ 

เมื่อถึงวันแข่ง เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่154 หรือ 164 ปีก่อนคริสตกาล ได้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างกำยำ ได้มาเข้าร่วมทำการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เขาคือตัวแทนจากเมืองรัฐซึ่งเป็นรัฐที่ตั้งอยู่ ระหว่างชายขอบสุดของอาณาจักรกรีก เขาคือเด็กหนุ่มผู้ที่ทำให้อริสตันต้องพ่ายแพ้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ อริสตันฝันสลายในทันที เขาคงไม่มีโอกาสที่จะมีชื่อเสียงในหน้าประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิกโบราณ อีกแล้วและเด็กหนุ่มผู้ที่ชนะเขาเป็นเพียงนักกีฬาจากเมืองรัฐเล็กๆซึ่งเป็นป้อมปราการด่านหน้าของจักรวรรดิกรีก 

เมืองที่มีแต่เหล่านักรบผู้กล้าเป็นนักรบที่แข็งแกร่งในการสู้รบเป็นคู่ เมืองที่จับคู่เด็กให้มาฝึกซ้อมร่วมกันเป็นเวลา 10 ปี และเด็กหนุ่มผู้นี้ ที่เอาชนะอริสตันแห่งอันติสซาลงได้ ต่อมาหลังจากนั้น ตัวเขาก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ผู้ปกครองเมืองของตัวเอง เมืองนี้มีชื่อว่า สปาต้า(sparta) และ เด็กหนุ่มนักกีฬาคนนี้มีชื่อว่า “ลีโอนีดาส” แห่งสปาต้า 

ลีโอนีดาสชนะการแข่งทั้ง 3 รายการ และในกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 155 ในอีก 4 ปีต่อมา หรือ 160 ปีก่อนคริสตกาล ลีโอนีดาสก็ชนะอีกเป็นครั้งที่ 2 และในการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 156 หรือ 156 ปีก่อนคริสตกาล ผู้ชนะก็ได้แก่ลีโอนีดาสแห่งสปาต้าอีกเช่นเคย 12 ปี เขาได้ชนะกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน และการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 157 อีก 4 ปีต่อมา หรือ 152 ปีก่อนคริสตกาล สิ่งที่อริสตันคิดว่าตัวเขาเองจะเป็นผู้สร้างเรื่องราวประวัติศาสตร์ให้ตัวเอง ที่จะได้เป็นคนแรกในชัยชนะทั้ง 4 ครั้ง 

มันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในการแข่งขันครั้งนี้ อริสตันได้เข้ามาดูการแข่งขันด้วยเช่นกัน อริสตันเขาได้มาดูลูกศิษย์ของเขาที่ชื่อ aureus แห่งอันติซา เขาฝึกซ้อมและเคี่ยวเข็ญ ลูกศิษย์คนนี้อย่างหนัก ก็เพื่อวันนี้ วันที่เขาจะได้เห็นความพ่ายแพ้ของลีโอนีดัส แต่แล้วก็เหมือนเทพเจ้าเล่นตลก คนที่ทำลายความฝันของอริสตันกลับกลายเป็นชายผู้ชนะทั้ง 4 ครั้ง ลีโอไนดัสแห่ง sparta เป็นผู้ชนะในสามเผ่าพันธุ์ หรือ ชนะกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน เขาคือชายคนแรกและคนเดียวในประวัติศาสตร์โอลิมปิกโบราณ ที่มีมาและเขาก็ชนะทั้ง 12 มงกุฎโอลิมปิกใน 4 การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ผ่านมา 16 ปีกับการที่เป็นนักกีฬา  

การแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 157 ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาที่ลงแข่ง ไม่มีใครแข็งแกร่งเท่าชายคนนี้อีกแล้ว ” ลีโอไนดัส “แห่งสปาต้า  ชื่อของเขาได้ถูกบันทึกเอาไว้ ในหน้าประวัติศาสตร์กรีกโบราณอยู่หลายเรื่องเลยทีเดียว และในเวลาต่อมาไม่นาน อริสตันที่ทนความเจ็บปวดตัวเองไม่ไหว ก็ได้มาจบชีวิตตัวเองลง ที่หน้าแท่นบูชาเทพเจ้าซูส 

แต่ก่อนที่เขาจะปิดชีพตัวเองนั้น เขาได้พูดต่อว่าเทพเจ้าซุสว่า ทำไมเทพซูส ส่งข้ามาเกิดแล้ว ใยท่านถึงได้ส่งลีโอไนดัสมาเกิดด้วยท่านช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ และนับจากที่ลีโอไนดัสแห่งสปาต้า เข้าแข่งกีฬาโอลิมปิกโบราณ จึงทำให้นับจากนั้น กีฬาโอลิมปิกได้มีผู้ให้ความสนใจและเข้าชมเป็นจำนวนมาก 

ต่อมาหลังจากนั้น ก็มีบางประเภทกีฬา ที่ผู้หญิงสามารถลงแข่งได้ ถือกำเนิดขึ้นอีกด้วย กีฬาโอลิมปิกได้รับการสนับสนุนจากประชาชน เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของกีฬาโอลิมปิกเลยก็ว่าได้ ผู้ที่ชนะต่างสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ในแต่ละครั้งที่ได้มีการแข่ง จนเมื่อถึงโอลิมปิกครั้งที่ 262 ได้ปิดฉากลง นั่นเป็นกีฬาโอลิมปิก ครั้งสุดท้ายของประเทศกรีก หรือ 269 ปี ก่อนคริสตกาล สุดท้ายแล้ว ก็ยังไม่มีใครสามารถทำลายสถิติ ลบหน้าประวัติศาสตร์ของลีโอไนดัสแห่งสปาตันลงได้  

แล้วหลังจากนั้น อาณาจักรกรีกก็เริ่มถึงคราวที่ต้องล่มสลายลง และได้เปลี่ยนเป็นอาณาจักรโรมันเข้ามาแทนที่ ชาวโรมนั้นก็ได้เอากีฬาโอลิมปิก ขึ้นมาแข่งขันกันอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ได้รุ่งเรืองเท่าที่ควร ประชาชนไม่ค่อยให้การสนับสนุนเท่าไหร่ สู้ยุคกรีกไม่ได้เลย 

จนในที่สุดปีคริตศักราช 393 จักรพรรดิ ธีโอดอร์ซีดุซแห่งโรมันได้มีคำสั่งประกาศยกเลิก การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เพราะท่านทรงเห็นว่าการแข่งขันไม่ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อสุขภาพที่ดีของตนเอง แต่ถูกจัดขึ้นเพื่อการละเล่น มาเล่นหวังเงินรางวัล และผู้เล่นก็ต่างปรารถนา แต่เงินธนาสินจ้างมากกว่าการเล่นกีฬาจริงๆ รวมทั้งมีการพนันขันต่อกัน เป็นทางวิบัติ ซึ่งมันผิดจากวัตถุประสงค์เดิม 

ผู้เข้าแข่งขันต่างก็อยากที่จะได้ช่อมะกอกกันอย่างเดียว ซึ่งเป็นรางวัลของผู้ชนะ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงสั่งให้ล้มเลิกการแข่งขันเสีย ตลอดระยะเวลา1,200 ปี ที่มีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกได้จัดขึ้น ณ บริเวณที่แห่งเดียวคือเชิงเขาโอลิมปัสแคว้น english จึงเรียกการแข่งขันนี้ตามชื่อของสถานที่ว่า  การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั่นเอง….. #ตำนานการแข่งขันโอลิมปิกยุคโบราณ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun

What's your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
1
Silly
0

You may also like

Story

ประวัติวันสงกรานต์ เทศกาลประเพณีที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน.

สงกรานต์เป็นเทศกาลปีใหม่ไทยแบบดั้งเดิมที่มีการเฉลิมฉลองทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งชาวต่างชาติจะรู้จักกันในชื่อว่า Water Festival หรือ เทศกาลแห่งน้ำ เพราะในวันนี้ผู้คนจะนิยมนำน้ำมาสาดใส่กันเพื่อคลายร้อนอย่างสนุกสนาน
Story

เปิดประวัติที่มาของสงครามนกอีมู สงครามสุดแปลกที่โลกนี้ต้องจดจำ

สงครามนกอีมู หรือที่เรียกว่าสงครามนกอีมูครั้งใหญ่ เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินการในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียในปี 2475 ปฏิบัติการนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมประชากรของนกอีมู ซึ่งก็ได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผลในภูมิภาคออสเตรเลีย
Story

เปิดประวัติที่มาของวัน “April Fool’s Day” หรือ “วันโกหก” วันสุดแสบแสนตลกของผู้คนทั่วโลก!

"วันโกหก" นักประวัติศาสตร์ได้เชื่อว่าวันนี้ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลฮิลาเรียของโรมันที่จัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เพราะเทศกาลนี้ผู้คนจำนวนมากจะออกมาแต่งกายตลก ๆ พร้อมกับมีการละเล่นที่เรียกเสียงหัวเราะของผู้คน ซึ่งก็คล้ายคลึงกับวันโกหกเป็นอย่างมาก และในยุคต่อมาก็ได้มีบันทึกไว้ในหนังสือ

Comments are closed.

More in:Story

Story

เปิดประวัตินิทานของ “อีสป” ต้นตำรับนิทานคติสอนใจผู้เป็นตำนานของโลกแห่งนิทาน

นิทานของอีสปเป็นนิทานที่ถูกแต่งขึ้นโดยทาสชาวกรีกที่มีขื่อว่า อีสป (Aesop) ที่นักวิชาการต่างลงความเห็นว่าเขานั้นน่าจะเกิดอยู่ในช่วง 620 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นทาสโดยกำเนิดตามกฏหมายของชาวกรีก
Breaking News

ซีเซียม-137 คืออะไร? อันตรายมากแค่ไหน?

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวที่ถูกพูดถึงมากมาย เกี่ยวกับประเด็นท่อเก็บสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ที่ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 ก็ได้มีรายงานว่าพบวัตถุดังกล่าวแล้ว แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมากจากข่าวนี้
Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 84

ผมและไอ้แว่นได้ลงมาตั้งแถวรอเยี่ยมญาติอยู่หน้าองค์พระประจำแดน ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวสำหรับพวกที่มีชื่อเยี่ยมญาติในแต่ละรอบ ผมสังเกตเห็นไอ้แว่นมันดูลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะถามอะไรผม แต่มันก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถามสักที