Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 74

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 74

บทที่ 74 ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

“ชีวิตคนเรามันสั้น จงทำในสิ่งที่ชอบ และรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ เพราะอดีตกับปัจจุบัน…มันห่างกันแค่วิเดียว “

** ทักทายกันทุกคนนะครับ คงจะสบายดีกันนะก่อนอื่นเลยนั้น ผมอยากจะบอกว่าขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่คอยติดตามอ่านกันมาถึงบทที่ 74 แล้วถ้าใครที่อ่านตั้งแต่บทที่ 1 จนถึงตอนนี้ผมถือว่าเป็นแฟนตัวยงของผมเลยนะครับ ผมไม่มีอะไรแจกหรอกครับมีแต่ใจ(ใจที่มันใหญ่กว่าตับ) ขอบคุณจากใจจริง ๆ อย่าหายไปไหนกันนะครับ คอยติดตามอ่านกันจนจบไปเลยนะครับ…ถ้าผมไม่มีพวกคุณคอยติดตามอ่านแล้วละก็ คงจะไม่มีผมถึงวันนี้ได้หรอกขอบคุณจากใจจริงๆครับ…งั้นเรามาเริ่มอ่านบทที่ 74 กันเลยดีกว่าครับ **

เป็นอันว่าเรื่องราวในครั้งนี้ ผมและไอ้เบนซ์ต่างก็เอาตัวรอดไปได้ด้วยดี ทั้งหมดมันก็มาจากการช่วยเหลือของป๋าเวียง ลูกพี่ที่ผมเคารพรักหมดใจ อีกทั้งการออกรับแทนผมกับไอ้เบนซ์ ของลูกน้องทั้งสองคนของมันอีกด้วย หลังจากที่ใช้เวลาคุยกันอยู่นานพอสมควร ป๋าจึงได้ข้อยุตินั่นก็คือการย้ายแดนของไอ้อาร์ตและไอ้บี เพื่อที่จะไม่ให้มีเรื่องเกิดขึ้นอีก ไม่งั้นเหตุการณ์มันจะบานปลายมากกว่านี้ขึ้นไปอีก เพราะว่าถ้าไม่มีไอ้บีกับไอ้อาร์ตแค่ 2 คน ในบ้านของมันก็ไม่มีใครกล้ายุ่งหรือก่อเรื่องอะไรอีก

ส่วนไอ้แว่น หลังจากที่มันออกจากห้องป๋า มันก็ยังยืนรอผมอยู่หน้าประตูแดน เพราะว่าป๋าเวียงได้เรียกผมกับไอ้เบนซ์เอาไว้ หลังจากที่ทราบถึงต้นสายปลายเหตุของป๋าแล้ว ว่าป๋านั้นต้องการอะไร ผมกับไอ้เบนซ์จึงต้องรีบไปทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ จนในที่สุดผมก็ได้ออกมาเจอกับมัน “อ้าวไอ้แว่นมึงยืนทำไร ไม่ไปบ้านไปนอนพักผ่อนล่ะ ” ผมที่เห็นไอ้แว่นยืนรออยู่จึงได้ถามไป “ก็ยืนรอพี่ไงครับ ป๋าเขาเรียกพี่ไปว่าอะไรอีกหรือเปล่า ” 

ไอ้แว่นมันคงเป็นห่วงและคิดมาก ถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อกี้นี้ ถึงได้ถามกับผม เพราะเท่าที่ผมเห็นสีหน้ามันก็พอจะเดาออก มันคงคิดว่าที่ป๋าเรียกผมให้อยู่ต่อ คงจะเกี่ยวกับมันเป็นแน่ “มึงเป็นอะไรเนี่ยไอ้แว่น มึงโดนตีหัวด้วยเปล่าเนี่ย ดูเบลอๆ นะมึง และก็ไม่ต้องห่วงพี่มากนัก กูดูแลตัวเองได้ เป็นห่วงตัวเองเถอะ มึงไปรอกูอยู่บ้านนะ เดี๋ยวกูไปทำธุระแป๊บ “

ผมบอกกับมันก่อนที่ผมจะแยกตัวไปทำธุระ ส่วนไอ้แว่นมันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ และเดินไปที่บ้านตามที่ผมสั่ง  ในตอนนี้ผมเองกำลังใช้ความคิดอยู่ว่าจะหายืมเงิน 2,000 บาทจากไหนดี ซึ่งในตอนนั้นไม่ใช่ว่าผมไม่มีนะครับ ผมมีแต่บุหรี่ไม่มีเงินสด และด้วยศักยภาพผมในตอนนั้น บอกเลยว่าถ้าเอ่ยยืมใคร ใครก็ติดเรื่องให้ผมได้หมดแหละครับ แต่ที่ผมต้องใช้ความคิดอยู่นั่นก็คือ ใครล่ะที่พอจะมีเงินสดในตอนนี้ต่างหาก 

ถ้าเปลี่ยนเงินสดเป็นบุหรี่ตัวผมหาไม่ยากเลย ที่ตัวตอนนี้ก็มี หรือ ว่าจะหยิบยืมใคร 20-30ซอง มันก็คงไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่นี่ป๋าเขาต้องการเป็นเงินสด แต่ไอ้เงินสดของผม ผมก็ได้รวบรวมเอาไปให้ป๋าฝากไว้ ตั้งแต่ก่อนชุดดำจะมาจู่โจมแล้ว ซึ่งคิดดูแล้วในแดนตอนนี้ ผมว่ามันหายากอยู่พอสมควร แต่ถึงมันจะยากก็คงจะไม่เกินความสามารถผมหรอก 

ในตอนแรกผมคิดที่จะไปยืมบังดุล แต่บังดุลเป็นพวกนักเล่น เงินแกคงต้องมีไว้หมุนไว้ใช้ แต่พอคิดไปคิดมา ผมว่าน้าชิดเนี่ยแหละเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเดินไปหาน้าชิด ซึ่งบ้านของแกก็อยู่ติดกับหน้าประตูแดนอยู่แล้วด้วย

“น้าชิดสวัสดีครับ น้าชิดสะดวกหรือเปล่าผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยครับ ” ผมยกมือไหว้ทักทายแกเมื่อเจอหน้ากัน 

“เออ .หวัดดี หวัดดี สะดวก สะดวก มานั่งก่อนใหญ่ ไหนมาเล่าให้น้าฟังก่อนสิว่าเมื่อวานมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นวะ น้ารู้ข่าวน้ายังงงเลยว่า พวกมึงไปมีเรื่องมีราวกลับไอ้อาร์ตมันได้ไง ” น้าชิตเลยถามกับผม ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ื ว่ามันเป็นมายังไงกันแน่ ซึ่งตัวผมเองได้ยินดังนั้น ก็เลยนั่งเล่าเรื่องถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบให้แกฟัง

“อาไ****เสียจะไม่จ่าย ได้จะเอานี่หว่า แถมออกลูกนักเลงอีก แบบนี้ก็สมควรโดนแล้ว น่าจะเล่นให้หนักกว่านี้ แล้วเมื่อเช้าที่ไปคุยกับป๋าเขาว่ายังไงบ้าง เขาพอจะช่วยอะไรได้บ้างรึป่าว “ น้าชิตถามถึงลูกพี่ ว่าลูกพี่เขาช่วยอะไรผมรึป่าว

“ช่วยสิน้าไม่ช่วยนี่แปลก ตอนแรกก็เรียกไปด่า ด่าแล้วก็ช่วย ตามสไตล์เขานั่นแหละ และก็ให้ลูกน้องไอ้เบนซ์ 2 คน มารับแทนผมกับไอ้เบนซ์มัน แล้วก็จับไอ้บีกับไอ้อาร์ตย้ายแดนด้วย จะได้ตัดปัญหาเรื่องที่จะตามมาอีก” ผมได้เล่าให้กับน้าชิตฟังจนหมด 

“เออ..แกทำถูกแล้ว ย้ายไปให้หมด ไอ้พวกเวร ๆ เอาไว้ไม่ได้เสียระบบแดนนี้หมด เออ..แล้วนี่มึงมามีเรื่องอะไรใหญ่ “น้าชิตถามกับผม

“มีดิน้า น้าตอนนี้น้าพอจะมีเงินสดสัก 2,000 ให้ผมยืมก่อนไหม คือว่าผมจะเอาไปใช้ธุระ เอาตอนนี้เลยนะน้า น้าจะคิดดอกเท่าไหร่ก็ว่ามาได้เลย น้าจะพอหาได้หรือเปล่าครับ” ผมได้บอกถึงจุดประสงค์ ที่มาหาแกในครั้งนี้ให้ฟัง

ดอกเดอกอะไรวะใหญ่ ไม่ต้องไปคิดหรอก น้าไม่เอาเอ็งสักบาทหรอกคนกันเองทั้งนั้น และว่าแต่เอ็งจะใช้ตอนนี้เลยหรอ รอหน่อยได้ไหม รอเด็กโรงครัวเข็นข้าวมาก่อน เงินอยู่ที่โรงครัวว่ะและเอ็งจะใช้ตังค์ทั้งหมด 2000 ใช่ไหม “ น้าชิตถามย้ำถึงจำนวนเงินของผม และแกก็ไม่เอาดอกสักบาทนึง แกบอกว่าพวกกัน คนกันเองจะคิดดอกไปทำไมกัน และด้วยนิสัยอย่างผม ก็รู้กันอยู่ว่าเป็นหนี้เมื่อไหร่ ต้องรีบหาใช้ให้ไวที่สุด

“รอเด็กโรงครัวมาก่อนก็ได้นะน้า ผมไม่ได้ใช้เองหรอก ลูกพี่เขาขอไปเที่ยว เลยต้องจัดการให้เขาสักหน่อย “ ผมบอกถึงสาเหตุ ที่ยืมตังค์แก 2,000 เป็นเพราะอะไร พอแกรู้แกก็หัวเราะชอบใจใหญ่ก่อนที่แกจะพูดว่า 

“แหม่ถ้ากูเป็นเจ้าหน้าที่นะ กูมีมึงเป็นลูกน้อง กูรักตายเลยจริงๆ เอ่ยอะไรไม่เคยขัดติดให้ทุกเรื่อง ” ได้ยินดังนั้นผมจึงบอกกับแกไปว่า

” มันก็ไม่ได้มากมายหรอกน้า นาน ๆ จะขอพวกผมสักที และที่สำคัญถ้าไม่ได้แกช่วยไว้ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ หลายเรื่องเลยด้วยซ้ำ ผมคงไม่มายืนอยู่จนป่านนี้หรอก แล้วผมว่าผมโชคดีที่มีลูกพี่อย่างแกคอยดูแล ” น้าชิตได้ฟังแล้วก็พูดขึ้นมา

“ตัวมึงมันดีด้วยไอ้ใหญ่ ใครได้รู้จักได้คบหากับมึงชอบมึงทุกคนแหละรวมถึงน้าด้วย” ได้ฟังคำยอดของน้าชิดผมจึงแซวแกไปว่า“น้าพูดซะผมเขินเลยนะ ถ้าผมเป็นผู้หญิง ป่านนี้ผมชอบน้าไปแล้วนะเนี่ย ” และเราทั้งสองคนก็ต่างหัวเราะชอบใจกันใหญ่ น้าชิตเรียกให้เด็กในบ้านเอาเป๊ปซี่เย็น ๆ มาเสริฟให้กับผม ผมเลยนั่งคุยกับแกนานไปหน่อย “เออน้า…เดี๋ยวถ้าผมรู้สึกเหงาๆ จะขอเขียนเลส(จดหมายขังหญิง) สักหน่อยนะ ” ผมเลยบอกกับแกเผื่อไว้ 

“ได้สิไอ้ใหญ่ สำหรับมึงฟรีตลอดชีพโว้ย” นี่คือคำพูดของเจ้าพ่อสัมปทาน จดหมายระหว่างแดน ซึ่งเงินรายได้หมุ่นเวียนต่อเดือนตกราวๆไม่ต่ำกว่าแสนบาทเลยทีเดียว

“งั้นผมก็ขอขอบคุณล่วงหน้าก่อนเลยนะน้า งั้นผมกลับบ้านก่อนครับ เดี๋ยวเช็คยอดบ่ายแล้วผมเดินมาหาน้าแล้วกัน และประมาณวันเปิดทำการแล้ว 2-3 วัน ผมจะเอาเงินมาใช้คืนนะน้า” ผมจึงขอตัวกลับ น้าชิดแกก็พยักหน้าเข้าใจแค่นั้น

แล้ววันนี้เป็นวันสิ้นปี ซึ่งในแดนจะมีงานเลี้ยงเกิดขึ้นซึ่งจะเลี้ยงกันบนห้องอย่างที่ผมเคยบอกไว้แล้วในบทที่ผ่านมา ซึ่งห้องไหนมีตังค์หรือไม่มีตังค์ มันก็จะดูจากที่ของกินกันครับ ว่าห้องไหนของกินเยอะหรือน้อย ถึงได้บอกไว้เลยว่า 2/5 ปีนี้ ของกินอลังการงานสร้างแน่นอน เฉพาะน้ำอัดลมตก 60 ขวดได้มั้ง

คือว่าเท่าที่ผมประเมินดู จากใบสั่งของแล้วกินกันทั้งคืนผมว่าก็ยังไม่หมด เอาไว้ผมจะเล่าต่อบทหน้านะครับ ว่าความสนุกในคุก ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นสนุกแค่ไหน สนุกอย่างไร เพราะว่าเจ้าหน้าที่เขาปล่อยฟรีเดย์ยันเที่ยงคืนเลยครับ รับรองมันส์ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ….. (โปรดติดตามตอนต่อไป) “หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ” # คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 74

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun

What's your reaction?

Excited
1
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0

You may also like

Story

ประวัติวันสงกรานต์ เทศกาลประเพณีที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน.

สงกรานต์เป็นเทศกาลปีใหม่ไทยแบบดั้งเดิมที่มีการเฉลิมฉลองทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งชาวต่างชาติจะรู้จักกันในชื่อว่า Water Festival หรือ เทศกาลแห่งน้ำ เพราะในวันนี้ผู้คนจะนิยมนำน้ำมาสาดใส่กันเพื่อคลายร้อนอย่างสนุกสนาน
Story

เปิดประวัติที่มาของสงครามนกอีมู สงครามสุดแปลกที่โลกนี้ต้องจดจำ

สงครามนกอีมู หรือที่เรียกว่าสงครามนกอีมูครั้งใหญ่ เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินการในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียในปี 2475 ปฏิบัติการนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมประชากรของนกอีมู ซึ่งก็ได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผลในภูมิภาคออสเตรเลีย
Story

เปิดประวัติที่มาของวัน “April Fool’s Day” หรือ “วันโกหก” วันสุดแสบแสนตลกของผู้คนทั่วโลก!

"วันโกหก" นักประวัติศาสตร์ได้เชื่อว่าวันนี้ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลฮิลาเรียของโรมันที่จัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เพราะเทศกาลนี้ผู้คนจำนวนมากจะออกมาแต่งกายตลก ๆ พร้อมกับมีการละเล่นที่เรียกเสียงหัวเราะของผู้คน ซึ่งก็คล้ายคลึงกับวันโกหกเป็นอย่างมาก และในยุคต่อมาก็ได้มีบันทึกไว้ในหนังสือ

Comments are closed.

More in:Story

Story

เปิดประวัตินิทานของ “อีสป” ต้นตำรับนิทานคติสอนใจผู้เป็นตำนานของโลกแห่งนิทาน

นิทานของอีสปเป็นนิทานที่ถูกแต่งขึ้นโดยทาสชาวกรีกที่มีขื่อว่า อีสป (Aesop) ที่นักวิชาการต่างลงความเห็นว่าเขานั้นน่าจะเกิดอยู่ในช่วง 620 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นทาสโดยกำเนิดตามกฏหมายของชาวกรีก
Breaking News

ซีเซียม-137 คืออะไร? อันตรายมากแค่ไหน?

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวที่ถูกพูดถึงมากมาย เกี่ยวกับประเด็นท่อเก็บสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ที่ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 ก็ได้มีรายงานว่าพบวัตถุดังกล่าวแล้ว แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมากจากข่าวนี้
Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 84

ผมและไอ้แว่นได้ลงมาตั้งแถวรอเยี่ยมญาติอยู่หน้าองค์พระประจำแดน ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวสำหรับพวกที่มีชื่อเยี่ยมญาติในแต่ละรอบ ผมสังเกตเห็นไอ้แว่นมันดูลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะถามอะไรผม แต่มันก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถามสักที