กลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง (ซันจิ) ทะเลอีสบลู Straw Hat Pirates ep1.1
อาหารเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพรรณไหนๆ ก็มักให้ความสำคัญกับอาหารก่อนเป็นอันดับแรกอยู่เสมอ และแน่นอนเมื่อให้ความสำคัญกับอาหารแล้ว รสชาติของอาหารก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับอาหารนั้นยิ่งขึ้น แล้วใครกันล่ะที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าของอาหารให้สูงขึ้น ถ้าไม่ใช้พวกพ่อครัวหรือเชฟนั่นเอง คนพวกนี้นี่เองที่เป็นส่วนช่วยให้อาหารที่มีความสำคัญอยู่แล้ว กับยิ่งสำคัญมากขึ้นไปอีก ไม่ใช่แค่การปรุงอาหารที่เป็นหน้าที่สำคัญแล้ว พวกเขายังสามารถที่จะจัดแบ่งอาหารเพื่อให้เพียงพอต่อทุกคนและยังเชี่ยวชาญทางด้านการถนอมและทำอาหารทุกๆอย่าง จึงไม่แปลกที่เชฟระดับแถวหน้า จะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากต่อคนทุกกลุ่ม ยิ่งเป็นการเดินทางที่ใช้เวลาหลายๆวันแล้ว การมีเชฟก็ยิ่งจำเป็นอย่างมาก ในหลายกลุ่มไม่ว่าจะเป็นทหารเรือหรือโจรสลัดก็ต้องมีเชฟประจำเรือเสมอ แน่นอนกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางเองก็เช่นกัน พวกเขาก็ให้ความสำคัญกับเชฟและเชฟประจำกลุ่มหมวกฟางนี้ ก็ถือว่าเป็นเชฟที่มากด้วยความสามารถทางด้านการทำอาหารเป็นอย่างสูง และยังเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ที่หัวใจของเขาเป็นของผู้หญิงทั้งโลก ชายผู้นั้นก็คือ “ซันจิ”
สมาชิกประจำ กลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ซันจิ
เชฟทำอาหารประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ซันจิ (sanji)
-ค่าหัวN/A(ยังไม่มีค่าหัวใน อีสบลู)
-อายุ19(ไทม์ไลน์ปัจจุบัน21)
-เกิด2มีนาคม/สูง180ซม.
-จากทะเล “อีสบลู”
เชฟทำอาหารประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ซันจิ เขาเป็นสมาชิกลำดับที่5 ที่เข้ามาในกลุ่มหมวกฟาง(ถ้านับตามการยอมรับซันจิจะถือว่าเป็นสมาชิกลำดับที่4ส่วนนามิจะเป็นลำดับที่5แทน) เขาทำหน้าที่เป็นเชฟหรือก็คือพ่อครัวประจำกลุ่มหมวกฟาง มีฝีมือทางด้านการทำอาหารที่สูง ไม่ว่าจะเป็นเมนูอะไร ซันจิก็สามารถที่จะรังสรรค์อาหารเหล่านั้นออกได้อย่างดีเยี่ยม เรื่องรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึง อาหารที่ซันจิทำนั้นต่างขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยเป็นอย่างมาก และไม่ใช่ฝีมือการทำอาหารที่เป็นเลิศของซันจิเท่านั้น ฝีมือทางด้านการต่อสู้ของเขาก็จัดว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
โดยฝีมือทางด้านการต่อสู้ของซันจิ ถ้าวัดระดับกันในกลุ่มแล้วซันจิก็มีฝีมือการต่อสู้จัดอยู่ในระดับเดียวกับโซโลและลูฟี่ เป็นหน่วยต่อสู้ประจำกลุ่ม ซันจิยังมีนิสัยที่บ้าผู้หญิงเป็นอย่างมากเขายึดถือว่าผู้หญิงนั่นเป็นสิ่งที่สวยงามที่ต้องได้รับการปกป้อง เขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามมาทำให้สิ่งสวยงามนี้ต้องร้องไห้เป็นอันขาดและซันจิเองก็ยึดถือในอุดมคติอีกอย่างหนึ่งของเขาว่า เขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามที่หิวต้องอดอาหารเป็นอันขาด กล่าวคือไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็น คนรวย คนจน ทหารเรือ หรือแม้แต่โจรสลัด ถ้าพวกเขาหิวและต้องการอาหารแล้ว ซันจิจะทำอาหารให้กินทันที โดยไม่สนใจว่าผลลัพที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เพราะเขาเข้าใจดีว่าความหิวนั้นมันเป็นเช่นไร
โดยที่ในอดีต เมื่อซันจิยังเป็นเด็ก เขาได้ทำงานเป็นพ่อครัวฝึกหัดประจำเรือเดินทะเลแห่งหนึ่งในทะเลอีสบลู ซึ่งเรือลำนี้เป็นเรือที่นำนักท่องเที่ยวต่างๆ ไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆทั่วทะเลอีสบลู(เรือสำราญ) เขาเป็นเด็กที่ขยันและตั้งใจทำงานเป็นอย่างมาก ไม่ค่อยชอบที่เพื่อนๆในครัวของเขาชอบที่จะกินของเหลือจากอาหารของลูกค้า เพราะเสียดายที่ลูกค้ากินไม่หมด เมื่อซันจิเห็นเช่นนั้นเขาได้รู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก มักจะพูดเตือนเพื่อนๆในครัวอยู่บ่อยๆ
ในขณะที่เรือกำลังจะแล่นไปยังจุดหมายต่อไปอยู่นั้น พวกเขาได้ถูกปล้นด้วยฝีมือของโจรสลัดที่นำโดยขาแดงเซฟ ในขณะที่พวกเซฟกำลังปล้นอยู่นั่น พวกเขาได้ไล่ต้อนให้ทุกคนบนเรือออกมาอยู่บนดานฟ้าเรือทั้งหมด ซันจิเองก็อยู่ในกลุ่มที่ถูกไล่ต้อนออกมาด้วยเหมือนกัน เมื่ออยู่บนดานฟ้ากันหมดแล้วพวกของเซฟก็ได้สั่งให้ทุกคนถอดของมีค่าออกมาทั้งหมด ในขณะที่กำลังปล้นของมีค่าจากทุกคนบนเรืออยู่นั่น เซฟได้สังเกตุเห็นลูกน้องของเขาคนหนึ่งที่ขนบางอย่างออกมา เขาได้สั่งให้ลูกน้องหยุดแล้วเข้าไปดูของห่อนั้น เมื่อดูเสร็จปรากฎว่าเซฟได้ทำการเตะลูกน้องของเขาในทันที เพราะของที่อยู่ในนั้นเป็นอาหาร ซึ่งคติประจำตัวของเซฟเขาจะปล้นแต่ของมีค่า จะไม่ยุ่งกับอาหารเป็นอันขาด และการที่ลูกน้องไปวุ่นวายกับอาหารของคนอื่นนั้น ทำให้เขารับไม่ได้เป็นอย่างมา จึงได้ทำการลงโทษลูกน้องของเขาไป
ในขณะที่เซฟกำลังลงโทษลูกน้องอยู่ ด้วยความกดดันที่เจอ จึงทำให้ซันจิสติหลุดขึ้นมา เพราะเขากลัวว่าหลังจากที่พวกเซฟได้ของมีค่าไปแล้ว พวกนั้นจะต้องฆ่าพวกเขาทิ้งแน่ ซันจิเลยแหกปากที่จะสู้ตายพร้อมทั้งบอกว่าเขาจะไม่ยอมถูกฆ่า ถ้ายังไม่ได้เจอออลบลู สิ้นเสียงคำว่าออลบลู พวกลูกน้องของเซฟทั้งหมด ได้หัวเราะออกมากันทุกคน พวกเขาขำต่อความไร้เดียงสาของซันจิ ที่เชื่อเป็นตุเป็นตะ ว่าออลบลูมีจริง พร้อมทั้งบอกให้ซันจิรู้อีกว่าพวกเขาได้ไปแกรนไลน์เพื่อค้นหากันมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เจอ ออลบลูที่ว่านี่เลย พวกเขาจึงหัวเราะอีกครั้ง การหัวเราะครั้งนี้ทำให้ซันจิรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ที่ความฝันอันยิ่งใหญ่ของเขากับถูกคนอื่นหัวเราะอย่างชอบใจ ถึงทุกคนในกลุ่มของเซฟจะหัวเราะใส่ซันจิ แต่มีเพียงคนเดียวที่ไม่หัวเราะนั่นคือ เซฟกัปตันกลุ่มโจรสลัดขาแดง
ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะอยู่นั้น ทันใดนั้นได้มีคลื่นลูกใหญ่ซัดมาที่เรือของพวกเขา อยู่ๆบรรยากาศก็เปลี่ยนไป พายุได้เข้าโจมตีเรือของพวกเขาทั้งสองลำ คลื่นได้ซัดเข้ามาอีกระลอกในการซัด ระลอกนี้ทำให้ซันจินั้น ได้กระเด็นตกจากเรือไป ในขณะที่ซันจิกำลังตกไปในทะเล ทันใดนั้นเซฟที่ได้เห็นเหตุการณ์ ก็ได้รีบกระโดดลงทะเลเพื่อช่วยซันจิในทันที
หลังจากที่เซฟได้ช่วยซันจิขึ้นมาจากทะเลแล้ว พวกเขาก็ได้ถูกคลื่นซัด มาติดที่บนโขดหิน ที่ถูกทะเลกัดเซาะจนอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมีความชันเป็นอย่างมากที่ถ้าพลาดตกลงไปก็หมดโอกาสที่จะกลับขึ้นมาข้างบนใหม่ได้เลย ข้างบนโขดหินไม่มีอะไรที่สามารถจะนำมาทำอาหารได้เลย จะมีก็แต่แอ่งน้ำเล็กๆที่มีน้ำฝนขังอยู่ให้ได้กิน แถมยังมีขนาดเล็ก ที่สามารถมองเห็นอีกฝากหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
เมื่อขึ้นมาถึงแล้ว เซฟได้ให้ห่อใส่ของเล็กๆใบหนึ่งแก่ซันจิ ที่ภายในห่อนั้นมีอาหารอยู่จำนวนหนึ่ง ที่เมื่อซันจิเห็นแล้ว เขาก็ได้ทักท้วงเซฟไปว่าทำไมเขาได้ห่อเล็ก ส่วนเซฟนั่นได้ห่อใหญ่มันไม่ยุติธรรม แต่ถึงแม้ซันจิจะโวยวายแต่ก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ กลับกันถ้าเขาไม่เอาของที่เซฟแบ่งให้แล้ว เขาจะไม่ได้อะไรไปเลย จึงทำให้ซันจิต้องยอมรับข้อเสนอของเซฟไว้ วันเวลาผ่านไป ซันจิก็ยังรอคอยความหวังที่จะมีเรือแล่นผ่านมาช่วยพวกเขา จนเวลาได้ผ่านไปเป็นเวลากว่า70วันแล้วก็ยังไม่มีเรือผ่านมา จนในตอนนี้เสบียงที่มีอยู่ก็ได้หมดลง ซันจิต้องทนอยู่กับความหิวเป็นเวลานาน จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว และได้พยายามที่จะไปหาเซฟที่ฝั่งตรงข้าม เพราะซันจิเข้าใจว่า เซฟยังมีอาหารเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก จากขนาดห่อที่เขามีอยู่
ซันจิจึงรีบเข้าไปและได้กรีดห่อเพื่อที่จะหาอาหาร แต่เมื่อเขากรีดเสร็จเขากับไม่พบอาหารแต่พบเพียงสมบัติจำนวนมากที่อยู่ในห่อนั้น ด้วยความงุนงงว่าทำไมถึงไม่มีอาหาร เขาจึงได้เข้าไปหาเซฟและได้พบความจริงที่ว่า อาหารทั้งหมดที่มี เซฟได้ยกให้ซันจิไปจนหมดแล้ว และที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้เพราะเขาได้กินขาของตัวเอง เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าตอนนั้น ทำให้ซันจิรู้สึกสงสาร พร้อมกับคำถามที่ว่า ทำไมเซฟต้องเสียสละเพื่อเขาด้วย เขาจึงถามเซฟและได้รับคำตอบว่า เพราะซันจิมีความฝันที่เหมือนกับเขาที่จะตามหา ออลบลูเหมือนกัน
แต่ในตอนนี้เขาได้เสียขาไปแล้วคงจะจบชีวิตแบบโจรสลัดเสียที ก็คงเหลือแต่ความฝันที่จะเปิดร้านอาหารลอยทะเลอย่างเดียวที่อยากจะทำให้สำเร็จ เมื่อได้ฟังอีกความฝันหนึ่งของเซฟจบลง ซันจิได้อาสาว่าเขาจะช่วยเซฟในการเปิดร้านอาหารเอง เพื่อตอบแทนบุญคุณของเซฟ
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ นอนรอความช่วยเหลืออย่างหิวโหย จนเวลาได้ผ่านมาถึง85วัน การช่วยเหลือก็มาถึง พวกเขาได้ถูกช่วยเหลือด้วยฝีมือของเรือสินค้าที่บังเอิญแล่นผ่านมา หลังจากได้รับการช่วยเหลือแล้ว เซฟได้ใช้สมบัติทั้งหมดที่ตัวเองมีอยู่ในการสร้าง ภัตราคารลอยทะเลขึ้นมาและเขาก็ตั้งชื่อมันว่า “บาราติเอ”แน่นอน ซันจิก็ได้อาสาที่จะเป็นลูกมือช่วยเหลือเขา ภัตตาคาร บาลาติเอ ภายใต้การนำของออเนอร์เซฟ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
เพียงเวลาไม่นานภัตตาคารลอยทะเลแห่งนี้ ก็ได้มีชื่อเสียงขึ้นอย่างมาก เป็นที่ล่ำลือในหมู่นักเดินทาง ที่บอกปากต่อปากว่าถ้าเกิดหิวกลางทะเลขึ้นมา ให้แวะไปที่บาราติเอซิ ที่นั่นจะไม่มำให้เราหิว แน่นอนในความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งก็ได้ซันจิช่วยด้วยอีกแรง โดยในตอนนี้ออเนอร์เซฟได้เป็นคนสอนทำอาหารและเทคนิคทั้งหมดที่ตัวเขามีแก่ซันจิ และไม่ใช่แค่เทคนิคการทำอาหารอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงศิลปะการต่อสู้ด้วย ที่เซฟได้สอนให้กับซันจิทั้งหมด ในตอนนี้เองซันจิจึงกลายเป็นเชฟระดับแถวหน้าแห่งวงการทำอาหารในทะเลอีสบลู
หลังจากที่ภัตราคารบาราติเอ ได้เปิดบริการมาอย่างหลายปี ได้ผ่านเหตุการต่างๆมาอย่างมากมาย จนเวลานี้ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักภัตราคารลอยทะเล ที่มีชื่อว่า “บาราติเอ”นี้เป็นแน่ วันหนึ่งพวกเขาก็เปิดร้านกันอย่างปกติ ในวันนี้ก็มีลูกค้ามาใช้บริการกันอย่างมากมาย แต่ที่แปลกอยู่อย่างคืออยู่ๆ ก็มีกระสุนปืนใหญ่ปริศนาได้โจมตีมาที่ ห้องนอนของออเนอร์เซฟ โดยคนที่ยิงมานั้นกับเป็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่่งที่ส่วมหมวกฟาง เด็กวัยรุ่นคนนั้นมีชื่อว่าลูฟี่
ถึงในเหตุการณ์นี้ออเนอร์เซฟจะไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไหร่ แต่เขาก็ได้เรียกความรับผิดชอบจากลูฟี่โดยจะให้ลูฟี่มาทำงานเป็นเด็กเสริฟอยู่ที่ภัตราคารนี้เป็นเวลา1ปี แต่ลูฟี่ได้ปฎิเสธเขาต่อเหลือแค่7วันเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ลูฟี่ก็ต้องทำงานให้กับภัตราคารแห่งนี้ ในระหว่างที่ทำงานลูฟี่ก็ได้พบเข้ากับซันจึ เขารู้สึกสนใจในตัวซันจิเป็นอย่างมาก จนเขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเอาซันจิมาเป็นพวกให้ได้ เพราะซันจินั้นเป็นคนดีที่จะไม่ยอมให้ใครต้องอดอาหารเป็นอันขาด ไม่ว่าคนนั้นจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม แต่คำขอของลูฟี่ก็ถูกซันจิปฎิเสธไป เพราะเขาไม่อยากจะเป็นโจรสลัด
ในขณะที่ลูฟี่กำลังตามตื้อซันจิให้มาเป็นพวกอยู่นั้น ได้เกิดเหตุการณ์ที่พวกกลุ่มโจรสลัดครีด ได้เข้ามาใช้บริการที่ร้าน ถึงแม้ในทีแรกทุกคนจะไล่ครีดให้ออกไป แต่ท้ายที่สุดซันจิก็ได้ออกมา แล้วทำอาหารให้ครีดกิน เมื่อครีดกินเสร็จแทนที่จะกลับไปเขาดันต้องการที่จะยึดเรือลำนี้แทน จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ การต่อสู้กันระหว่างกลุ่มโจรสลัดครีดและพวกเชฟแห่งภัตตาคาร บาราติเอขึ้น แน่นอนลูฟี่ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ได้เข้าร่วมต่อสู้ด้วย การต่อสู้จึงเป็นไปอย่างดุเดือด ต่างคนก็ต่างทุ่มพลังและทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกตัวเองมีเพื่อเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่ง จนในที่สุดการต่อสู้ก็ได้จบลง ชัยชนะเป็นของภัตตาคารบาราติเอและลูฟี่
หลังจากที่ขับไล่พวกครีดออกไปได้แล้ว ลูฟี่จึงได้มีโอกาสคุยกับซันจิอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้ชวนหรือตามตื้อซันจิให้เข้ากลุ่มแต่อย่างใด เพราะเขารู้เหตุผลที่ซันจิไม่อยากจากที่นี่ไป พวกเขาเลยคุยกันถึงเรื่องต่างๆ และซันจิก็ได้เล่าให้ลูฟี่ฟังถึงความฝันของเขาอย่างสนุกสนาน การคุยกันของทั้งคู่นั่นก็อยู่ในสายตาออเนอร์เซฟตลอด จนมาถึงช่วงพักกลางวันในขณะที่ทุกคนกำลังกินข้าวอยู่นั่น ซันจิกับลูฟี่ก็ได้มาร่วมทานอาหารกลางวันด้วย ในขณะที่กำลังกินอยู่นั้น ซันจิก็ได้สังเกตุเห็นว่าทุกคนต่างเย็นชาใส่เขากันหมดไม่เหมือนเมือก่อน ที่ต้องคุยเฮฮากันอยู่ตลอด
จนมาถึงเมนูซุปซึ่งเป็นเมนูที่ซันจิเป็นคนทำ ในขณะที่ทุกคนกำลังกินซุปอยู่นั้น พวกเขากับบอกว่าซุปที่ซันจิทำไม่อร่อยและเทซุปนั่นทิ้งกันจนหมด รวมถึงออเนอร์เซฟก็ด้วย เหตุการนี้ทำให้ซันจิโมโหเป็นอย่างมากที่อยู่ๆทุกคนก็เป็นบ้าไปกันหมด เขาได้เดินออกจากห้องไป เมื่อซันจิเดินออกจากห้องไปแล้ว ลูฟี่ที่ได้กินซุปนั่นก็บอกกับทุกคนว่าซุปนี้ก็อร่อยดีนี่นา ทุกๆคนที่อยู่ในนั้นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอาหารของซันจิทุกๆคนในนี้ให้การยอมรับหมดแหล่ะว่าอร่อย แต่ที่ทำแบบนี้เพราะต้องการให้ซันจิออกไปทำตามความฝันของตัวเองมากกว่า เมื่อพูดจบ ออเนอร์เซฟจึงขอให้ลูฟี่รับซันจิเข้าร่วมกลุ่มด้วย แต่ลูฟี่ปฎิเสธพร้อมทั้งบอกว่า เขาจะให้ซันจิเข้าร่วมได้ก็ต่อเมื่อซันจิมาบอกเขาเองว่าอยากเข้าร่วม ในขณะที่ทุกคนกำลังเถียงกันอยู่ ซันจิก็ได้เดินเข้ามาพร้อมบอกว่าเขาจะเข้าร่วมกลุ่มของลูฟี่และยังบอกอีกว่าเขาได้ยินที่ทุกคนคุยกันหมดแล้ว
หลังจากที่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมกลุ่มกับลูฟี่แล้ว ซันจิก็ได้เตรียมของใช้ส่วนตัวเพื่อที่จะออกเดินทาง ในขณะที่เตรียมเขาก็ได้คิดถึงแต่เรื่องต่างๆ นับตั้งแต่ที่เขารู้จักและได้รับการเลี้ยงดูมาโดยออเนอร์เซฟ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจอยู่หน่อยที่เขาจะต้องลาจากที่นี่ไปแล้ว แต่เขาก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งที่เมื่อตัดสินใจอะไรแล้ว เขาก็จะมุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว ในขณะที่กำลังจะเดินเพื่อไปขึ้นเรืออยู่นั่น ออเนอร์เซฟได้พูดทิ้งท้ายอวยพรให้ซันจิว่า ระวังอย่าให้เป็นหวัดหล่ะ แค่คำไม่กี่คำที่ได้ฟังนั้น มันทำให้ซันจิถึงกับร้องไห้ออกมา เขาหันไปก้มขอบคุณออเนอร์เซฟ บุญคุณที่ออเนอร์เซฟเลี้ยงดูเขามา เขาจะไม่มีวันลืม และสักวันเมื่อเขาทำความฝันเขาสำเร็จแล้ว เขาจะกลับมาหา และแล้วการเดินทางของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่นามว่า ซันจิ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น…..