กลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง (นามิ) ทะเลอีสบลู Straw Hat Pirates
การเดินทางไม่ว่าจะใกล้หรือไกล เพื่อที่จะถึงจุดหมายแล้ว ก็ต้องมีการวางแผนที่ดีอย่างเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า นักท่องเที่ยวหรือแม้แต่โจรสลัดเอง การวางแผนก่อนการเดินทางมักจะถูกใช้และให้ความสำคัญก่อนเป็นอันดับแรก จึงไม่แปลกที่พวกเขามักจะให้ความสำคัญ กับคนที่จะคอยวางแผนการเดินทาง หรือก็คือ “ต้นหนเรือ”
ที่จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้การเดินทางนั้นประสบความสำเร็จ ไม่ว่าการเดินทางจะยากลำบากเพียงใด ถ้าได้ต้นหนเรือที่ดี ก็สามารถที่จะนำพาให้การเดินทางนั้น ราบรื่นได้อย่างเสมอ และแน่นอน กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางก็ให้ความสำคัญกับการตามหาต้นหนเรือที่จะมาเข้ากลุ่มเช่นกัน
โดยต้นหนเรือประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางนั้น ก็ถือว่าเป็นต้นหนเรือ ที่มากด้วยฝีมือและมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก เป็นหนึ่งในลูกเรือที่เข้ามาอยู่ในกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางเป็นลำดับที่3 ชื่อของต้นหนเรือ คนนี้ก็คือ “นามิ”
ลูกเรือประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
ต้นหนเรือประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง แมวขโมย นามิ (Nami)
-ค่าหัวN/A(ยังไม่มีค่าหัวใน อีสบลู)
-อายุ18(ไทม์ไลน์ปัจจุบัน20)
-เกิด3กรกฎาคม/สูง169ซม.
-จากทะเล “อีสบลู”
กลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง นามิ เป็นลูกเรือคนที่3ประจำกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง เธอมีหน้าที่หลักคือการเป็นต้นหนเรือ เสมือนหน่วยมันสมองประจำกลุ่ม ไม่ถนัดการต่อสู้ แต่ถ้าถูกบังคับให้ต้องต่อสู้ เธอก็สามารถที่จะต่อสู้ได้ดี โดยฝีมือการต่อสู้ของเธอนั่น เป็นการใช้ประโยชน์จากสภาพภูมิอากาศรอบตัว นำมาประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ กล่าวคือ เธอสามารถที่จะควบคุม อ่านค่าความกดอากาศที่อยู่ในบริเวณรอบๆตัวเธอ ได้อย่างดีเยี่ยม สามารถที่จะสร้างสายฟ้าหรือลมพายุหมุน จนถึงกับสร้างหมอกเพื่อช่วยสร้างภาพลวงตาขึ้นมาได้ จึงไม่แปลกที่เธอจะสามารถเอาชนะศัตรูที่มีฝีมือสูงกว่าเธอได้อย่างเสมอ
ไม่ใช่แต่ความสามารถในการควบคุมดินฟ้าอากาสของเธอจะดีเยี่ยมแล้ว ความสามารถทางด้านมือไวของเธอก็เป็นเลิศไม่แพ้กัน โดยฝีมือทางด้านการขโมยของเธอนั้น ทำให้เธอมีชื่อเสียงอย่างมาก ในหมู่โจรสลัดต่างก็ให้สมญานามเธอว่า “แมวขโมย” แต่ใครมั่งหล่ะจะรู้ถึงเหตุผลที่เธอต้องมาเป็นหัวขโมย ต้องคอยเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะขโมยสิ่งมีค่าต่างๆที่สามารถจะแปรเปลี่ยนเป็นเงินให้กับเธอได้ ไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอต้องการเงินเพื่อที่จะให้ตัวเองสบายแต่เพราะมีเหตุผลหนึ่งที่สำคัญมากๆกับเธอ
เหตุผลนั้นเองที่ทำให้เธอกลายเป็นเธอในแบบทุกวันนี้ ย้อนไปในอดีต นามิตอนเด็กนั่น เธอเป็นเด็กโชคร้ายที่ต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปด้วยฝีมือของกลุ่มโจรสลัด แต่ในโชคร้ายก็ยังมีโชคดีที่ในเวลาต่อมาเธอได้ถูกช่วยและถูกอุปถัมภ์ โดยคนที่นำเธอมาเลี้ยงนั้น มีชื่อว่า เบลเมม ทหารเรือหญิงคนหนึ่งในกองทัพเรือ
เธอถูกเลี้ยงมาพร้อมกับพี่สาวอีกคน คือ โนยิโกะ พวกเธอทั้งคู่ต่างถูกนำออกมาจากเกาะแห่งหนึ่งที่เกิดสงครามหรือถูกโจมตีโดยพวกโจรสลัด เหตุการณ์ในครั้งนั้นเบลเมมที่เป็นทหารเรืออยูาในเวลานั่นก็ได้เข้าร่วมต่อสู้ด้วย การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดและจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของกองทัพ ในสงครามนั่นทำให้หน่วยทหารเรือของเบลเมมทุกคนถูกสังหารเสียชีวิตลงทั้งหมด เหลือไว้เพียงแค่เธอที่นอนหายใจรวยริน รอความตายอยู่นั่น ในขณะที่ตาของเธอกำลังจะปิด ทันใดนั้นเอง เธอได้เห็นโนยิโกะที่เดินอุ้มนามิมาหา เบลเมมจึงลุกขึ้นมามองดูทั้งสองคน ด้วยภาพเหล่านี้เองที่ทำให้เธอมีแรงที่จะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง และเป็นเหตุผลที่จะทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอจึงตัดสินใจออกจากทหารเรือและผันตัวเองเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่อาสาจะเลี้ยงดูสองคนนี้แทนเอง เธอจึงมุ่งหน้ากลับบ้านเกิดพร้อมทั้งเด็ก2คน
บ้านเกิดของเบลเมมเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่เงียบสงบ อยู่บนเกาะแห่งหนึ่งในทะเลอีสบลู มีชื่อว่าหมู่บ้านโกซา หลังจากที่ผ่านการเดินทางมาหลายวัน ในที่สุดเบลเมมก็พาทั้ง2คนมาจนถึงหมู่บ้านของเธอได้ เธอได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านเป็นอย่างดี ทุกๆคนต่างก็รักและเป็นห่วงเธอ เมื่อมาถึงเธอก็พบว่านามิและโนยิโกะนั่นไม่สบาย อาจจะเพราะว่าการเดินทางที่แสนลำบาก ตรากตรำมาเป็นเวลาหลายวัน จะทำให้นามิและโนยิโกะล้มป่วย เธอจึงรีบนำนามิและโนยิโกะไปพบกับหมอประจำหมู่บ้านเพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน
ในระหว่างการรักษา เก็นเพื่อนในวัยเด็กที่ตอนนี้นั่นเป็นผู้ใหญ่บ้านประจำหมู่บ้านโกซา ก็ได้เข้ามาถามถึงที่มาที่ไปของเด็กทั้งสองคน ว่าเบลเมม ไปเจอกับทั้งคู่ที่ไหน เบลเมมจึงเล่าเรื่องราวต่างๆให้กับเก็นฟัง เมื่อเก็นฟังจบแล้ว จึงถามว่าเบลเมมจะทำอย่างไรกับเด็กทั้งสองคน ให้เขาช่วยติดต่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของรัฐบาลให้ไหม เบลเมมปฎิเสธพร้อมให้เหตุผลว่า ตอนนี้ทั่วทุกแห่งทั่วโลก ต่างตกอยุ่ในยุคสมัยที่บ้าคลั่งกันหมด ในทุกๆวันต่างมีเด็กที่ต้องเป็นกำพร้ามากมาย ตอนนี้พวกเขาก็คงงานล้นมือกันหมดแล้ว ไม่มีเวลามาสนใจเด็กๆเหล่านี้หลอก
เธอจึงตัดสินใจที่จะรับเลี้ยงเด็กสองคนนี้เป็นลูกบุญธรรม แน่นอนในทีแรกเก็นก็จะคัดค้านในความคิดของเบลเมม แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้เพราะเบลเมลนั่นเป็นคนที่หัวแข็งเอาอย่างมาก จึงต้องยอมตามใจให้เธอเลี้ยงดูทั้งสองคน นามิกับโนยิโกะจึงได้มาเป็นลูกบุญธรรมของเบลเมมนับตั้งแต่วันนั้น
วันเวลาได้ผ่านไป เบลเมมก็เลี้ยงดูทั้งคู่เรื่อยมาเป็นอย่างดี เสมือนกับแม่แท้ๆก็ไม่ปาน ถึงแม้ว่าฐานะทางบ้านจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เบลเมมก็ไม่เคยที่จะให้ทั้งคู่นั่นได้อดเลย โดยบ้านของเมลเบลนั่น มีไร่ซึ่งตกทอดมาในครอบครัวของเธอ เป็นไร่ส้มที่ในอดีตเป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อของเกาะแห่งนี้เป็นอย่างมาก แต่ด้วยยุคสมัยอันเลวร้ายทำให้ผลผลิตต่างๆไม่สามารถที่จะส่งออกไปขายเพื่อสร้างเงินให้กับเธอได้มากอย่างเท่าที่ควร ถึงแม้ว่าจะมีรายได้ที่ไม่ดีนักแต่ก็ไม่เคยทำให้ทั้ง3คนนั้นเป็นทุกข์เลยกลับกัน พวกเธอกับมีความสุขกันเป็นอย่างมากขอเพียงได้อยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว ในบางครั้งโกซาเองก็เข้ามารับอาสาดูแลทั้งคู่ให้เหมือนกัน รวมทั้งทุกๆคนในหมู่บ้านเองก็ต่างช่วยดูแลเด็กทั้งสองคน พวกเขาต่างมอบความรักและความอบอุ่นให้กับทั้งคู่ หมู่บ้านแห่งนี้จึงเป็นหมู่บ้านที่นามิและโนยิโกะนั่นรักเป็นอย่างมาก
แต่แล้ววันหนึ่ง ความสงบสุขของหมุ่บ้านโกซาก็ถูกทำลายลง ด้วยน้ำมือของ กลุ่มโจรสลัดมนุษย์เงือกอารอน ที่เข้ามาโจมตีหมู่บ้านของพวกเขา การมาถึงของพวกอารอนนั้น ทำให้หมู่บ้านที่เคยสงบสุข ได้แปรเปลี่ยนเป็นดั่งนรกบนดินในทันที พวกอารอนได้ยื่นข้อเสนอให้กับทุกคน ถ้าใครอยากมีชีวิตอยู่ จะต้องจ่ายค่าคุ้มครอง โดยราคาจะอยู่ที่ผู้ใหญ่100,000เบรีและเด็กที่50,000เบรี โดยทุกๆคนจะต้องนำมาจ่ายให้กับพวกเขาทุกเดือน ถ้าใครไม่ยอมจ่ายจะถูกฆ่าทิ้งทันที ชาวบ้านทุกคนจึงต้องยอมที่จะจ่าย ทางบ้านของนามิก็เช่นกันพวกเธอก็ต้องจ่าย แต่โชคร้ายที่พวกเธอไม่ได้มีเงินมากขนาดที่จะจ่ายได้ จึงเป็นเหตุให้เบลเมม แม่บุญธรรมของ นามิและโนยิโกะ ถูกสังหารลงในวันนั้น เพราะเธอไม่สามารถที่จะปฎิเสธได้ว่าเธอไม่มีลูก ในขณะที่เธอกำลังจะถูกฆ่า เธอได้บอกกับนามิและโนยิโกะว่า อย่าได้โทษยุคสมัยอันเลวร้ายนี่เลย โทษไปก็ไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลง กลับกันเราต้องเข้มแข็งและสู้เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะถ้าเรามีชีวิตอยู่ต่อจะต้องมีสิ่งดีๆ ตามมาแน่ในอนาคต หลังจากเธอพูดจบ เธอก็ได้ถูกสังหารลงโดยฝีมือของอารอน
หลังจากที่เบลเมมถูกสังหารนั่น เหล่าชาวบ้านที่เห็นเหตุการต่างได้รู้สึกโกรธแค้นจากการกระทำของอารอนเป็นอย่างมาก พวกเขาต่างเข้ามาต่อสู้หวังจะล้างแค้นให้กับเบลเมม แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ลำพังแค่ชาวบ้านธรรมดาจะเอาอะไรไปสู้กับมนุษย์เงือกที่มีพละกำลังมากกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่า พวกเขาจึงพ่ายแพ้ลงอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่พวกมนุษย์เงือกกำลังจะลากลับ หลังจากจัดการสั่งสอนชาวบ้านจดหมดแล้ว ทันใดนั้น ฮาจิหนึ่งในเสนาธิการประจำกลุ่มได้บังเอิญ ไปพบเข้ากับแผนที่เดินทะเลในบ้านของเบลเมม จึงทำให้อารอนสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเดิมที พวกเขาพยายามที่จะตามหาคนเขียนแผนที่เดินทะเล ที่เก่งแบบนี้มานานแล้ว และเจ้าของแผนที่พวกนี้กับเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ชื่อว่านามิ อารอนจึงสั่งให้จับนามิไปทันที
หลังจากที่นามิถูกจับไปนั้น เก็นโซกับพวกชาวบ้านต่างรวมตัวกันหวังที่จะไปช่วยเหลือนามิให้ได้ พวกเขาพร้อมที่จะสู้จนตัวตายถ้าเพื่อช่วยนามิแล้ว ในขณะที่พวกชาวบ้านตัดสินใจที่จะไปช่วยนามิแล้ว นามิก็ได้บังเอิญเดินกลับมา เธอบอกว่าไม่ต้องไปช่วยเธอเพราะตอนนี้เธอทำงานให้กับพวกนั้นแล้ว คำตอบของเธอสร้างความงุนงงให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก จนทุกคนก็คิดว่า นามิต้องถูกบังคับอย่างแน่นอน แต่เมื่อได้เห็นสัญลักษณ์ของกลุ่มโจรสลัดอารอน จึงทำให้ทุกคนรู้ว่านามิเข้ากับพวกนั้นจริง จึงสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวเมืองเป็นอย่างมากที่เธอยอมไปเข้าร่วมกลุ่มคนที่ฆ่าแม่ของเธอ ทุกคนจึงต่อว่าและได้ไล่นามิออกจากหมู่บ้าน พร้อมทั้งบอกไม่ให้เธอเข้ามาเหยียบในหมู่บ้านนี้อีกต่อไป
หลังจากที่ทุกคนขับไล่นามิออกจากหมู่บ้านแล้ว โนยิโกะที่ไม่เคยเคยคิดว่าน้องสาวของเธอนามินั่นจะหักหลังทุกคนในหมู่บ้านไปเข้ากับพวกอารอน เธอจึงออกตามหาและได้มาพบเข้ากับนามิ ที่หลุมฝังศพของเบลเมม โนยิโกะจึงถามเหตุผลจากนามิว่าทำไมถึงทำเช่นนี้ และก็ได้รู้ความจริงจากนามิว่า ที่เธอยอมเข้ากับพวกอารอนนั่นเพราะได้ทำข้อตกลงกับพวกอารอนไว้ว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่ตัวเองสามารถที่จะหาเงินมาได้เป็นจำนวน100ล้านแล้ว อารอนจะยอมปล่อยหมู่บ้านเธอให้เป็นอิสระ เพื่อที่จะทำให้หมู่บ้านของเธอเป็นอิสระ นามิจึงเริ่มต้นการเป็นขโมยสาวมานับตั้งแต่ตอนนั้น โดยที่เป้าหมายหลักในการขโมยเพื่อหาเงินของเธอคือพวกกลุ่มโจรสลัดต่างๆ ที่ในตอนนี้มีมากมายบนท้องทะเล
ถึงจะเสี่ยงแต่ก็นับว่าคุ้มถ้าทำสำเร็จและยังไม่รู้สึกผิดเท่าไหร่ที่ขโมยสมบัติมาจากพวกโจรสลัด นานวันชื่อเสียงของเธอก็เริ่มโด่งดังขึ้น แม้ในการขโมยหลายๆครั้งเธอจะได้รับบาดเจ็บกลับมา แต่เธอก็ไม่เคยท้อหรือล้มเลิกความตั้งใจนี้เลย
จนในที่สุด ความฝันที่เธอจะรวบรวมเงินจนได้ครบ100ล้านก็ใกล้จะเป็นจริงแล้ว โดยในการขโมยครั้งใหญ่ที่เธอเข้าไปขโมยสมบัติของกับตันบากี้นั้น ทำให้เธอได้พบเข้ากับกลุ่มโจรสลัดเล็กๆกลุ่มหนึ่ง ที่ในตอนนั้นมีสมาชิกแค่เพียง2คนเท่านั้น กลุ่มนั้นมีชื่อว่า กลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ถึงในตอนแรกเธอจะไม่ได้อยากเข้าร่วมกลุ่มหมวกฟางซะเท่าไหร่ เพราะว่าเธอนั่นเกลียดพวกโจรสลัดเอาอย่างมาก แต่ด้วยสถานการบังคับ เธอจึงต้องร่วมมือกับพวกลูฟี่เพื่อสู้กับกลุ่มโจรสลัดบากี้ เธอจึงยอมตกลงที่จะเข้าร่วมกลุ่ม แต่แค่ชั่วคราวเท่านั้น การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ในที่สุดพวกกลุ่มหมวกฟางก็สามารถที่จะเอาชนะกลุ่มบากี้ลงได้ และนามิเองก็ได้ผลประโยชน์จากชัยชนะในครั้งนี้ เป็นสมบัติอันมากมายของกลุ่มโจรสลัดบากี้ เธอจึงตัดสินใจที่จะร่วมมือกันกับลูฟี่ โดยที่เธอจะเป็นต้นหนเรือให้
หลังจากเหตุการณ์ที่เมืองออเร้น เธอและพวกลูฟี่ก็ได้เดินทางผจญภัยด้วยกันต่อ ผ่านเหตุการต่างๆมากมาย จนเธอได้เห็นแล้วว่าพวกลูฟี่นั่น แตกต่างจากพวกโจรสลัดกลุ่มอื่นๆที่เธอเคยเจอมา พวกลูฟี่นั่นใจดีและชอบช่วยเหลือคนอื่น จึงทำให้เธอค่อยๆรู้สึกเปิดใจกับกลุ่มหมวกฟางขี้นมาจนมีความคิดที่อยากจะอยู่กับกลุ่มนี้จริงๆ จนกระทั่งเธอได้ทราบข่าวเกี่ยวกับกลุ่มโจรสลัดเงือกอารอน ที่พักนี้มักจะออกทำการอาละวาดกันอยู่บ่อยๆและในข่าวนี้ยังบอกอีกว่า อารอนในตอนนี้มักที่จะคลั่งขึ้นมาอยู่เรื่อย จึงทำให้เธอนั่นเป็นห่วงหมู่บ้านเธอเป็นอย่างมาก เธอจึงทำในสิ่งที่ไม่คาดฝันนั่นคือ การขโมยเรือโกอิ้ง แมรี่ เรือประจำกลุ่มของโจรสลัดหมวกฟางเพื่อเธอจะเอาเรือนี้แล่นกลับไปบ้านของเธอ
เมื่อมาถึงบ้านของเธอแล้ว เธอได้เข้าไปหาอารอนและถามถึงสัญญา ข้อตกลงที่ได้เคยตกลงกันไว้ แน่นอนอารอนจำได้และบอกว่าข้อตกลงของเรายังเหมือนเดิม ซึ่งคำพูดนี่นั่นทำให้นามิรู้สึกใจชื่นขึ้นมาเป็นอย่างมาก เพราะในขณะนี้ ความฝันที่เธอจะไถ่หมู่บ้านของเธอกลับคืนมาใกล้จะเป็นจริงแล้ว เธอขาดเพียงแค่ไม่กี่ล้านก็จะครบ100ล้านเบรีแล้ว แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกร้ายกับเธอ เพราะในขณะที่เธอกำลังจะออกไปเพื่อ ทำการปล้นครั้งสุดท้าย กลุ่มทหารเรือนอกแถวที่ได้ถูกพวกอารอนซื้อไว้ ได้ทำการบุกมาที่บ้านเธอ พร้อมทั้งได้ทำการยึดสมบัติทั้งหมดที่เธอหามาได้ เพราะสมบัติของพวกโจรสลัดนั่นเป็นของผิดกฎหมายจึงทำให้ถูกยึด แน่นอนนามิไม่มีทางยอมเป็นอันขาด เธอเข้าต่อสู้เพื่อหยุดพวกนั้น แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะขัดขวางพวกทหารเรือได้กับกันเธอกับถูกเล่นงานจนสะบักสะบอนเสียเอง
ในขณะที่เธอกำลังถูกเล่นงานนั่น โนยิโกะและคุณเก็นทนเห็นการกระทำของพวกทหารเรือพวกนี้ไม่ได้ จึงได้เข้าไปช่วยนามิ ในขณะที่ต่อสู้อยู่ โนยิโกะได้พลาดท่าถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่เพียงแค่เธอ คุณเก็นก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน เมื่อเห็นแบบนั้น นามิจึงต้องยอมให้พวกทหารเรือเอาสมบัติไป เมื่อพวกทหารเรือขนสมบัติออกไปแล้ว คุณเก็นจึงได้บอกความจริงแก่นามิว่า เขาและพวกชาวบ้านทั้งหมดในหมู่บ้านต่างรู้ความจริงแล้วว่า นามินั่น ได้ตกลงกับพวกอารอนไว้ว่าจะหาเงินนมาไถ่หมู่บ้านแห่งนี้และพวกเขาเองก็ไม่อยากที่จะไปขัดขวางนามิ เพราะไม่อยากให้นามินั่นรู้สึกผิด เพื่อสักวันหนึ่งนามิอยากจะหนีไปจากหมู่บ้านเมื่อไหร่ จะได้ไม่รู้สึกผิดทีหลัง แต่ในตอนนี้ พวกเขาต่างรู้แล้วว่าพวกอารอนนั้นหลอกใ้ช้นามิมาตลอดและจะไม่มีวันปล่อยหมู่บ้านนี้ให้เป็นอิสระแต่แรกอยู่แล้ว พวกเขาจึงจะลุกขึ้นสู้ ไม่ใช่เพื่อหมู่บ้านอย่างเดียวแต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อนามิด้วย หลังจากคำพูดของเก็นจบลง ทุกคนในหมู่บ้านต่างกู่ร้องและพร้อมที่จะสู้ ถึงแม้ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้พวกเขาจะไม่มีวันชนะ
แต่พวกเขาจะไม่มีวันยอมที่จะอยู่และใช้ชีวิตอย่างทาสแบบนี้อีกต่อไปแล้ว แน่นอนนามิได้รีบเข้ามาห้ามทุกคน เพราะเธอไม่อยากที่จะเห็นชาวบ้านที่เธอรักนี้ต้องตาย แต่ความพยายามของเธอกับไร้ผลชาวบ้านทุกคนได้ตัดสินใจที่จะสู้กันหมดแล้ว เธอจึงร้องไห้ที่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือพวกนั้นได้และเมื่อได้เห็นรอยสักของกลุ่มอารอนทีหัวไหล่แล้ว ก็ทำให้เธอรู้สึกโกรธเกลียดเป็นอย่างมาก จนได้นำมีดขึ้นมาแทงที่รอยสักนั้น เพื่อเป็นการระบายความโกรธที่เธอมีต่ออารอน
ในขณะที่เธอกำลังแทงแขนตัวเองอยู่นั่น ลูฟี่ก็ได้เข้ามาห้ามเธอ ในทีแรกเธอได้ต่อว่าลูฟี่ว่า ทำไมถึงไม่หนีไป เธอไล่ให้ไปตั้งหลายครั้งแล้ว ทำไมถึงยังอยู่อีก แต่ลูฟี่กับไม่ตอบอะไรเลย จนในที่สุดเธอถึงร้องขอให้ลูฟี่ช่วยเธอด้วยและแน่นอน ลูฟี่ไม่มีวันปฎิเสธคำขอเธออย่างแน่นอน การต่อสู้ระหว่างกลุ่มโจรสลัดอารอนและกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางก็ได้เริ่มขึ้น การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ต่างคนก็ต่างใช้เทคนิค วิชาการต่อสู้ทุกอย่างเข้าห่ำหั่นกัน และจบลงที่ความพ่ายแพ้ของกลุ่มอารอนในที่สุด
หลังจากที่กลุ่มอารอนได้แพ้ลง ความสงบสุขและสันติสุข ก็ได้กลับคืนมาที่เกาะโคบายาชิแห่งนี้ การเลี้ยงฉลองที่ได้รับอิสระถูกจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึง3วันแล้ว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเอาง่ายๆ ทุกคนต่างออกมาฉลองกันอย่างมากมายและการฉลองเหล่านี้ก็ยังจะมีอยู่อีกหลายวัน
ในเช้าวันหนึ่งหลังจากที่การฉลองได้เกิดขึ้นกันมาอย่างหลายวัน ก็ถึงวันที่กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางจะต้องลาจากแล้ว ทุกๆคนในหมู่บ้านจึงต่างมารวมตัวกันเพื่อส่งพวกกลุ่มหมวกฟางและแน่นอนพวกเขาต่างก็มา อำลาและส่งนามิด้วย ในขณะที่ทุกคนกำลังรออยู่นั่น นามิก็ได้ปรากฎตัว เธอได้สั่งให้เรือแล่นออกไป และเธอก็ได้วิ่งผ่านฝูงชนอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความงุนงงให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก หลายคนก็บอกให้เธอใจเย็นบอกลากันก่อน หรือบางคนก็ยังมีของฝากที่จะให้เธอก่อนออกเดินทาง แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่สามารถ หยุดการวิ่งของนามิได้
จนในที่สุดเธอก็ได้กระโดดขึ้นไปบนเรือโกอิ้งแมรี่ได้สำเร็จ และหันมายิ้มให้กับทุกคนพร้อมทั้งบอกว่า ขอบคุณนะสำหรับค่าขนมระหว่างการเดินทาง เมื่อสิ้นสุดคำพูดของนามิ ทุกคนจึงได้รู้ในทันทีว่ากระเป๋าตังของพวกเขานั่นได้ถูกนามิขโมยไปหมดแล้ว ทุกคนต่างตะโกนต่อว่าตามหลังมาว่า เอาจนได้นะยัยตัวแสบ!! และนั่นหล่ะคือการอำลาของนามิต่อหมู่บ้านที่เธอรักเป็นที่สุด และก็เป็นการเริ่มต้นเปิดม่านแห่งการเดินทางที่เธอจะทำตามฝันอันยิ่งใหญ่ของเธอ ในการเขียนแผนที่รอบโลก การเดินทางของนามิก็ได้เริ่มขึ้น…..