คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่6 ep1
บทที่ 6. เรื่องเล่าภายในคุก 5. E.p1
ชีวิตคือการเรียนรู้ ได้ลองดูคือประสปการณ์ มองต่ำ เราเหลือ มองเหนือ เราขาด ยิ่งเราผ่านความทุกข์มามากเท่าไหร เราก็จะหาความสุขได้ง่ายเท่านั้น …
หลังจากที่ผมได้เล่าถึง สถานที่ต่างๆภายในแดนหมดแล้ว ต่อไปผมจะขอเล่าสถานที่ต่างๆรอบๆแดนที่ผมอยู่ให้คุณผู้อ่านได้รับรู้ว่า มีอะไรกันบ้างนะครับ นอกจากแดนเด็ดขาดชายที่ผมอยู่แล้ว ภายในเรือนจำแห่งนี้ ก็ จะมีแดนแรกรับ(ที่ยังไม่ได้ตัดสิน)และก็มีนักโทษที่ตัดสินแล้วอยู่ด้วย ปะปนกันไป แดนแรกรับจะรับนักโทษเต็มความจุอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 1800 คน ถ้ามีนักโทษเกินกว่าที่กำหนดไว้ดังกล่าว ก็ จะมีการจำแนกผู้ต้องขังที่ได้ตัดสินแล้ว เพื่อที่ทำการย้ายแดนมาแดนเด็ดขาดที่ผมอยู่ตามลำดับ การย้ายนักโทษระหว่างแดนนั้นไม่มีจำนวนที่ตายตัวว่ากี่คน แล้วแต่ว่ารอบนี้นักโทษเข้ามาใหม่มีจำนวนมากหรือน้อย เมื่อเทียบกลับจำนวนของนักโทษทีปล่อยตัวภายในเดือนนั้นๆ การย้ายนักโทษระหว่างแดน จะทำกันประมาณเดือนละครั้ง เป็นอย่างน้อย ขึ้นอยู่กับการเข้าหรือออกของนักโทษเป็นหลัก
แดนหญิง ภายในเรือนจำแห่งนี้ จะ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแดนชาย ไม่ได้อยู่ใกล้หรือติดกัน มีสนามฟุตบอล(สนามกลาง นักโทษเรียกกัน) และทางเดินภายในเรือนจำกั้นกลางเอาไว้ ภายในแดนหญิงก็จะมีสิ่งปลูกสร้างไม่ต่างอะไรจากแดนชาย จะมีเพิ่มเติมมาก็คือ ห้องเลี้ยงเด็กแรกเกิด ที่แม่โดนจับตอนท้องและ ได้คลอดลูกตอนที่แม่อยู่ในเรือนจำ เป็นสถานที่เลี้ยงเด็กอ่อนเพื่อให้เด็กแยกกันอยู่ กับพวกนักโทษคนอื่น แต่เวลาขึ้นห้องขังแม่และเด็กก็จะต้องอยู่รวมกับนักโทษหญิงคนอื่นๆตามปรกติ..
ทางเรือนจำมีนโยบายที่จะรับเลี้ยงเด็กให้เป็นเวลาไม่เกิน1ปี เพื่อให้แม่และเด็กได้ผูกพันธ์กัน โดยการกินน้ำนมของแม่เป็นหลัก พอครบกำหนดก็จะมีการติดต่อให้ ญาติๆของผู้ต้องขังนำเอกสารมายื่นเพื่อทำการติดต่อขอรับเด็กกลับไป ส่วนผู้ต้องขังถ้ากำหนดโทษไม่เกิน2ปี ทางเรือนจำจะอนุญาติให้แม่และเด็กได้อยู่ด้วยกันจนพ้นโทษ ขึ้นอยู่กับแม่ของเด็กจะเขียนคำร้องขอเลี้ยงดูลูกต่อด้วยตัวเอง ส่วนผู้ต้องขังที่มีอัตราโทษค่อนข้างสูง และประสพปัญหาไม่สามารถติดต่อญาติๆทางข้างนอกได้ เพื่อที่จะมารับลูกไปเลี้ยงดูต่อไป ทางเรือนจำก็จะประสานงานให้นักสังคมสงเคราะห์ เด็กและสตรี เข้ามาทำการรับตัวเด็กไปดูแลเป็นการชั่วคราว จนกว่าแม่เด็กจะพ้นโทษออกมาติดต่อขอรับลูกตัวเอง กลับมาเลี้ยงดูเมื่อแม่ของเด็กมีความพร้อมที่จะสามารถดูแลได้ โดยทางนักสังคมสงเคราะห์จะทำการประเมินด้วยตัวเอง
ต่อไป และภายในแดนหญิงก็จะมีร้านเสริมสวยภายในแดน นักโทษคนไหนต้องการตัดผมหรือทำสีผมต่างๆ ก็สามารถมาใช้บริการได้ ร่วมไปถึงผู้คุมอีกด้วยก็สามารถมาใช้บริการได้ และยังมีห้องนวดที่มีไว้บริการแก้ผู้คุมอีกด้วย(ส่วนมากนายผู้ชายใช้บริการเป็นส่วนใหญ่) ทั้งหมดนี้เป็นการฝึกวิชาชีพให้แก่นักโทษ เพื่อมีวิชาติดตัวไปประกอบอาชีพหลังพ้นโทษได้ ส่วนวิชาชีพนอกจากนี้ ก็จะมีการทำเบเกอร์รี่
ในชนิดต่างๆร่วมถึงเค้กวันเกิดทั้งหลายขนาด ในบริมาณราคาไม่เกิน300บาทอีกด้วย ทางด้านของกินนั้น นักโทษภายในเรือนจำสามารถทำการเบิกมากินกันได้อีกด้วย
ถัดมาจากขังหญิง ก็ จะเป็นแดนสูตรกรรม(โรงครัว ) จะมีนักโทษชายทั้งหมด ประมาณ150คน ส่วนมากจะมาจากแดนเด็ดขาดที่ผมอยู่ทั่งหมด นักโทษที่ทำงานอยู่โรงครัวนั้น เจ้าหน้าที่โรงครัวจะทำหนังสือร้องขอให้เจ้าหน้าที่ภายในแดนทำการคัดนักโทษที่เข้าเกณท์มีสิทธิ์ในการคัดตัว ตามที่ทางโรงครัวกำหนดเอาไว้ ในหลักเกณท์ คือ เป็นผู้ต้องขังมีโทษครั้งแรก มีกำหนดโทษเหลือไม่เกิน3ปี เป็นผู้ต้องขังที่ต้องโทษคดีทั่วไปเท่านั้น ส่วนคดียาเสพติดนั้นต้องเป็นผู้ต้องขังโทษครั้งแรกเท่านั้น และนักโทษต้องประพฤติตัวดี ไม่เคยมีความผิดในเรือนจำอีกด้วย หน้าที่ของนักโทษที่อยู่ในโรงครัวนั้น ก็ คือการทำอาหารเลี้ยงนักโทษทั้งหมดที่อยู่ในเรือนจำ 3มื้อต่อหนึ่งวัน ภายในโรงครัวก็จะแบ่งเป็นแผนกๆ ไป ก็จะมีแผนกหันผักหันเนื้อสัตว์ แผนกหุ่งข้าว แผนกทำกับข้าว(หน้าเตา) ในการทำอาหารให้นักโทษในแต่ระมื้อนั้น จะมีปริมาณที่ทางกรมราชฑันณ์กำหนดไว้ให้ในอัตราสัดส่วนที่พอดีกับจำนวนนักโทษในเรือนจำนั้นๆ
แต่ก็มีนักโทษบางส่วนได้มีการลักรอบจำหน่ายอาหารเมนูพิเศษ ที่บรรดาเหล่านักโทษทั้งหลายรู้กันอยู่ว่า จะทำการติดต่อขอซื้อที่นักโทษคนไหน ในรคาเท่าไหรนั้นขึ้นอยู่กับเมนูที่ทำมาให้ ซึ้งเราไม่สามารถสั่งได้ว่าอยากกินอะไร แต่ส่วนมากจะเป็นไก่คั่วเกลือทอด ในราคาถุงละ60-80บาท แล้วแต่ว่าสถานการณ์ของช่วงนั้น ว่าเจ้าหน้าที่เข้มงวดในการตรวจค้นแค่ไหน ถ้าช่วงไหนตึงมากๆ ก็ 80 ช่วงไหนปรกติก็60บาท การที่นักโทษทำแบบนี้นั้น มันมีความผิดฐานลักลอบนำเอาของที่หลวงจัดหามาให้ ทำการจำหน่ายเพื่อหารายได้เข้าตัวเอง เจ้าหน้าที่สามารถจับส่งนักโทษที่กระทำผิดไปขึ้นศาลต่อคดีเพิ่มได้อีกด้วย แต่รายได้จากความเสี่ยงที่ผมได้กล่าวไว้นั้น มันช่างหอมหวานซะเหลือเกิน เท่าที่ผมได้รับรู้มา
นั้น(จากปากเด็กโรงครัวที่มีเอี่ยวในเรื่องนี้ด้วย) ได้บอกว่าภายใน1เดือน(ไม่นับเสาร์-อาทิตย์) ตกอยู่ที่ประมาณ4หมื่นบาท คุณผู้อ่านลองเอา12คูณเข้าไปซิว่า1ปีนั้นมีรายได้ตกอยู่ที่ประมาณเท่าไหร 480000 บาท กำไรเห็นๆไม่มีต้นทุนใดๆทั้งสิ้น เป็นนักโทษคนไหนก็ทำทั้งนั้น เป็นผมเองถ้ามีโอกาสได้ไปอยู่จุดตรงนั้น ผมยอมรับเลยว่าทำแน่นอน 100% แต่ใช้ว่าได้มาอยู่โรงครัวแล้ว ใครจะทำได้ มันต้องมีพวกผ้อง เพื่อนฝูง และ ที่สำคัญที่สุด คือ หน้าเสื่อ(Blck) ที่สามารถช่วยเหลือเราได้ เพื่อที่จะกันพวกนักโทษด้วยกันเอง เอาเรื่องไปฟ้องเจ้าหน้าที่ เพราะคนกลุ่มนี้มันไม่สามารถมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ได้ แต่ส่วนมากรายได้ต่างๆที่หาได้ในคุกนั้น ไม่มีใครเขาเก็บไว้กินคนเดียวหรอกครับ ของทุกอย่างถ้าเราได้มา เราต้องมีการ แจกแจง หลังจากที่เราแบ่งสันปันส่วน กับพวกที่รวมขบวนการเดียวกันแล้ว เราจะต้องมียอดจากรายได้ทั้งหมด แบ่งให้กับผู้ต้องขังคนอื่นๆ เพื่อเป็นสินน้ำใจ อาจจะไม่ได้ให้ทั้งหมด แต่สวนมากแล้วคนที่เราให้นั้น จะเป็นพวกที่มีบทบาทประจำจุดนั้นๆเพื่อที่จะอำนวยความสะดวก(เปิดทาง)ให้แก่เรา พูดกันตามตรงมันก็คือค่าปิดปาก หรือ ส่วย ที่เราๆทั้งหลายเคยเสียให้กับ พวก “ลูกเสือพกปืนกันไงครับ” จากรายได้
ต่อเดือน 40000 แบ่งคนในกลุ่มแล้ว เฉลี่ยให้กับคนอื่นๆ ถ้าให้ผมเดาในความคิดผม จะเหลือเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่น่าต่ำกว่าหมื่นแน่นอน คือ เอาง่ายๆปีหนึ่งต้องมีเงินแสนแน่นอน เพราะอยู่โรงครัวเรื่องของกินตัดออกไปได้เลย เราไม่ต้องเสียเงินซื้อให้ยุ่งยาก อยากกินอะไรก็ทำกินได้ทุกอย่าง เท่าที่ในเรือนจำมี เนื้อเป็นเนื้อ เน้นๆ ไม่ใช่เหมือนตอนทำแล้วส่งมาในแดน มีแต่ผัก กับ กระดูกติดเนื้อนะ ไม่ใช่เนื้อติดกระดูก ก็เท่าที่ผมสังเกตุดู พวกที่ได้ออกไปทำงานโรงครัว แต่ก่อนอยู่ในแดน หุ่นเพรียวลมน่าดู แต่ เดี๋ยวนี้ออกโรงครัวแล้ว หุ่นแม่งอ้วนพลีกันแทบทุกคน ก็อย่างว่า คนที่ติดคุก ไม่ ต้องการอะไรมากมายเลยครับ ขอแค่ได้กินอิ่ม และ นอนหลับ แค่นี้ก็เหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์กันแล้ว ล่ะครับ อยู่ในคุกเราต้อง “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ”…ผมก็ขอจบE.p1 แต่เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ แล้วพบกันใหม่E.p หน้านะครับ… Bey Bey ครับ(หมีขาว ขั่ว โลกเหนือ)
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending