Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่3

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่3

บทที่ 3.เรื่องเล่าภายในคุก 2.

การสูญเสียอิสระภาพ มันช่างแสนทรมานทั้งกายและใจ ไม่ว่าเราจะมองไปทางไหน ก็เห็นเพียงแต่กำแพงสีขาวล้อมรอบ ปิดกั้นทัศนียภาพ ของ ตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทาง โรงเรียน วัด ผู้คน ทุกๆอย่างที่โลกภายนอกมีเอาไว้  โลกที่ผมอยู่ในตอนนี้ เป็นโลกหลังกำแพงสูงที่เรียกว่าคุก มันเป็นสถานที่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความอันตราย ถ้าคุณก้าวพลาดนั่นหมายถึงชีวิตคุณ มันเป็นสถานที่ที่สามารถทำให้ใครหลายๆคน ต้องเสียความเป็นตัวเองไป ความเห็นแก่ตัวและการดิ้นรนเอาชีวิตรอด ไม่ว่ามันจะเป็นวิธีไหนก็ตาม จะถูกจะผิดไม่มีใครสน ผมได้เห็นอะไรหลายๆอย่างในสันดานมนุษย์ ได้เห็นธาตุแท้ของใครบางคน ผมเบื่อและเอือมระอาเหลือเกิน  กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเห็น มีสิ่งเดียวที่ผมพอทำได้ คือเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า เนี่ยแหละ คือวิวทิวทัศน์ที่ผมคิดว่าสวยงามที่สุดในตอนนี้…

4ปี6เดือน  “นี่ผมต้องทนกับสภาพแบบนี้ไปอีก4ปี6เดือน หรอว่ะ ผมคิด”…เบื่อชิบหายที่ต้องมาเจอกับอะไรซ้ำๆซากอย่างนี้ ด้วยวัย31ปีในตอนนั้นกับการติดคุกเป็นรอบที่3 มันไร้ซึ่งความสนุกอีกแล้วกับอายุที่ขึ้นเลข3อย่างนี้ มันคงเป็นเพราะที่เราโตขึ้นพร้อมความรับผิดชอบที่มันมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้การเข้ามาทัวร์คุกรอบนี้ของผม ไร้ซึ่งชีวิตชีวา น่าเบื่อหน่ายไปหมดทุกอย่าง จนผมคิดว่าผมเป็นโรคซึมเศร้าไปแล้ว…….”

หลังจากผมเล่าเรื่อง ลักษณะเรือนนอนห้องขังไปแล้ว ต่อไปผมจะพาคุณผู้อ่านทุกคน ไปรู้จักกับตึกอีกหลังหนึ่งคือตึกกองงาน เป็นตึก3ชั้นแนวยาวคะเนด้วยสายตาผมคิดว่ายาวประมาณ10-12เมตร “สงสัยกันไหมว่าทำไมต้องมีกองงาน” ผมจะเล่าให้ฟัง มันคือการฝึกวิชาชีพให้แก่นักโทษ เพื่อที่จะได้เอาไปประกอบอาชีพหลังพ้นโทษได้ ทุกเรือนจำต้องมี มันเป็นนโยบายของกรมราชทัณฑ์ที่ให้ทุกเรือนจำหางานฝึกวิชาชีพให้แก่นักโทษ ทีนี้ ก็เป็นหน้าที่ของเรือนจำนั้นๆที่จะเอางานอะไรมาฝึกวิชาชีพให้แก่นักโทษ

ส่วนมากหลักๆเลยก็จะมี งานช่างไม้ พับถุงกระดาษ ทำหัวไฟแช็ค ทำแก้วน้ำกระดาษ ถักอวน ถักแห ปักเลื่อม ฯลฯ  และเรือนจำที่ผมอยู่นั้นชั้นล่างจะเป็นกองงานช่างไม้ ส่วนมากนักโทษที่อยู่กองงานนี้นั้น จะเป็นพวกที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องช่างมาก่อน งานไม้ที่ทำก็จะมี โต๊ะกินข้าว เก้าอี้หนัง โต๊ะรับแขก อะไรที่ข้างนอกทำได้ ในคุกก็ทำได้ และดีอีกด้วย ผมอยากจะบอกคุณผู้อ่านว่า “งานฝีมือของคนคุกไม่แพ้ใครในโลกจริงๆ”  คุณผู้อ่านคงเคยเห็นตามข่าวในทีวี ตามสื่อโซเชียลต่างๆกันมาบ้าง ว่างานฝีมือจากคนในคุก นั่นสวยงามขนาดไหน และใครที่อาศัยอยู่แถวเรือนจำบางขวางในทุกปี เขาก็จะจัดงานของดีกรมราชทัณฑ์ จัดแสดงโชว์งานไม้และงานอื่นๆจากเรือนจำในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศไทย ให้ประชาชนเลือกซื้อเลือกหากันตามใจชอบ โดยรายได้ที่ได้จากงานนี้ ก็จะหักให้กับเหล่านักโทษที่ร่วมทำเช่นกัน

ต่อไปคือชั้น2 ชั้นนี้ไม่ได้เป็นกองงาน แต่ได้ทำเป็นเรือนนอนเพราะนักโทษมันมากเกินไป มีอยู่ทั้งหมด3ห้องเรียกว่าห้อง พิเศษ2-3-4 รองรับนักโทษได้ประมาณ150-170คนต่อหนึ่งห้อง ต่อไปคือชั้น3เป็นกองงานที่ผมทำอยู่ เป็นกองงานที่ผมกับพวกเพื่อนที่กินอยู่ด้วยกันในคุก(เรียกว่าบ้าน ที่ผมได้เกรินเอาไว้ในบทที่2) เป็นผู้ดูแลทั้งหมด คือผมจะบอกว่าแต่ละกองงานจะมี 1.ผู้คุมหนึ่งคนคอยควบคุมดูแลประจำกองงานและเป็นคนคอยหางานป้อนนักโทษในสังกัด 2.หัวหน้ากองงาน ก็คือนักโทษที่มีความสามารถสั่งงานบรรดานักโทษในกองงานได้ และจะเป็นคนรับงานแจ้งยอดงาน กับผู้คุมกองงานอีกที 3.เสมียนกองงาน มีหน้าทีตรวจเช็คจำนวนนักโทษที่มีชื่ออยู่ในกองงาน คอยแจกงานให้นักโทษทุกคนที่ทำงาน และคอยเช็คงานตอนที่นักโทษเอามาส่งตอนเสร็จงานว่าครบรึเปล่า 4.ผู้ช่วยงาน(เรียกกันว่าหัวหน้าล็อคงาน) และที่ผมได้บอกไปว่ากองงาน3(ชั้น3)

ผมกับเพื่อนเป็นคนดูแลทั้งหมด ผู้คุมกองงานของชั้น3 ผมเรียกเขาว่า”ลูกพี่”แทนที่จะเรียกว่า นาย เหมือนผู้คุมทั่วไป เพราะความที่สนิทสนมกันมากและพวกผมทำงานกันดี ไม่มีปัญหามาให้เขา มีงานส่งครบตามจำนวนที่ผู้ว่าจ้างส่งเข้ามาให้ทำ ลูกพี่เลยไว้ใจให้พวกผมดูแลและจัดการทุกอย่างทั้งหมดแทน ส่วนหัวหน้ากองงาน ก็คือไอ้เพื่อนผมคนที่มันปล่อยไปแค่7วันก็เกมส์เข้ามาอีกไงล่ะ”จำกันได้เปล่า” และกองงาน3ที่ผมอยู่ มันแบ่งเป็น2กองงานด้วยกันคือ กองงานพับถุง “หัวหน้ากองงานเป็นคนคุม ส่วนกองงานเย็บแห ผมเองครับคุณผู้อ่านที่เป็นหัวหน้ากองงาน

เรามาดู”กองงานพับถุง”กันก่อน พับถุงแบ่งออกเป็น 8ล็อค ล็อคละ15-20คน ใน8ล็อคก็มีหัวหน้าแต่ละล็อคอยู่ และหัวหน้าล็อคทุกล็อคก็คือเพื่อนผมที่กินอยู่ในบ้านนั้นเอง เสมียนเองก็ใช่ ส่วน”กองงานแห”มีอยู่6ล็อค ล็อคละ15-20คน ส่วนหัวหน้าล็อคทุกล็อคไม่ต้องบอกคุณผู้อ่านคงเดากันออกนะครับ แต่กองงานแหนั้นจะมีครูฝึกเพิ่มเข้ามาอีกหน้าที่หนึ่ง ก็จะมี8คน แต่8คนนี้ไม่ได้กินอยู่ด้วยกันนะครับ คือใครเคยเย็บแหเป็น ตรวจเช็คงานได้แก้งานที่เสียได้ ผมก็เลือกคนนั้นมาเป็นครูฝึก และกองงาน3นี้ ใครที่ทำงานทุกคนต้องมียอดส่ง ให้ทันเวลาที่กำหนด พับถุงยอดวันต่อวัน ส่วนเย็บแหกว่าจะเสร็จมันนาน ก็เอายอดไปที่1ปาก(ฝืน)ต่อ1เดือน ไม่มียกเว้น “งานนี้ก็บันเทิงเริงใจพวกผมซิครับคุณผู้อ่าน”

ทำไมผมถึงพูดแบบนี้ออกไป คุณผู้อ่านไม่รู้หรอก “ผมจะบอกให้ฟัง” ในคุกถ้าผู้ต้องขังคนไหนก็ตามที่ผู้คุมแต่งตั้งหรือมอบหมายให้มีหน้าที่ประจำจุดต่างๆภายในแดน มีอภิสิทธิ์เหนือกว่านักโทษคนอื่น นั่นก็หมายถึงรายได้ที่สามารถหาได้ในคุกนี้เช่นกัน     แบบนี้คุณผู้อ่านคงพอที่จะเข้าใจ กับคำว่าบันเทิงที่ผมพึ่งพูดไป ก็ในเมื่อกองงาน 3 ผมและผองเพื่อนในบ้าน เป็นเจ้าของสัมปทานแต่เพียงผู้เดียว จึงทำให้ทุกสิ้นเดือน พวกผมมีรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการตัดยอดงาน การซื้อขายงาน หรือการโยกย้ายตำแหน่งในกองงาน ถ้าผู้ต้องขังในกองงาน 3 คนใดอยากจะสบาย ไม่อยากลำบาก ขี้เกียจทำงาน ต่างก็ต้องเข้ามาติดต่อผมและผองเพื่อนแต่ผู้เดียว

มันไม่มีอะไรฟรีในคุกหรอกครับคุณผู้อ่าน ยิ่งนักโทษคนใดอยากจะสบายเกินคนอื่น เงิน คือคำตอบของทุกอย่าง “หลายคนอาจบอกว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต แต่จงเชื่อไว้เถอะครับว่าทุกสิ่งที่อยากได้มันต้องใช้เงิน” ผมจะแจกแจงราคาของความสบายที่ต้องจ่ายกันว่าเท่าไหรนะครับ การตัดยอดงาน พับถุงอยู่ที่ 360 บาท(นม6แพ็ค)ต่อคนต่อเดือน แหอยู่ที่ 1,000 ถึง 1,200 บาท(นม 17ถึง 20 แพ็ค)ต่อคนต่อเดือน และทำไมราคามันถึงแตกต่างกับพับถุงมากขนาดนี้ เพราะมันใช้เวลาทำนานเป็นเดือนถึงจะเสร็จ

ต่อไปการซื้อขายงาน อันนี้ไม่เกี่ยวกับพวกผม มันเป็นรายได้ของคนที่ทำงานกับคนที่ซื้องานจะตกลงกัน ถึงจะไม่เข้าไปเกี่ยวแต่ก็มีเอี่ยวนะครับ เพราะพวกนี้ผมมีสัมประทานให้ไม่กี่คนหรอกครับ ส่วนราคาการจ้างไม่กำหนด แต่ห้ามราคาถูกกว่าพวกผมพอ

กฎขอบังคับมีแค่นี้เอง ถ้ารู้ว่าฝ่าฝืน สัมประทานเปลี่ยนมือทันที และเอี่ยวที่ผมบอกคือ ทุกสิ้นเดือน นมจะมาในแบบสินน้ำใจโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรเลย

การโยกย้ายตำแหน่งคือนักโทษที่ไม่อยากที่จะทำงานเลย(ยอดลอย) กับพวกที่ขอเป็นโยธา ราคาไม่เท่ากัน ยอดลอย 5000บาทขาดตัวไม่รับนม ขอเงินสดกับเงินโอนเท่านั้น”คุณผู้อ่านรู้ใช่ไหมครับในคุกห้ามใช้เงินสดกันมันผิด”ถูกต้องครับมันผิดกฎในเรือนจำ “แล้วมีใช้กันได้ไง” (เรื่องเงินสดในคุกผมขอเล่าในตอนหน้านะครับ)ส่วนเงินโอนก็เป็นญาติผมกับญาตินักโทษติดต่อกันข้างนอกครับ และสุดท้ายคือขอเป็นโยธากองงาน ไม่มีจ่ายรายเดือนจ่ายครั้งเดียวสบายยันปล่อย แต่มีออฟชั่นเสริมนิดหน่อยคือเป็นโยธาจุดไหนต้องทำความสะอาดจุดนั้น ใช้เวลาทำไม่นานหรอกครับ2รอบ คือก่อนเปิดและปิดกองงาน

โยธาก็คือพนักงานทำความสะอาดนั้นเอง ราคาอยู่ที่ 3000-5000บาท แต่ไม่ใช่มีเงินอย่างเดียวแล้วจะย้ายได้เลยมันยังมีปัจจัยย่อยอีกหลายอย่างคือ โยธาขาดคนไหมและความสนิทสนมของพ่อบ้านที่มันอยู่กับพวกผมว่าเป็นยังไง ถ้าไม่ชอบขี้หน้ากันก็หมดสิทธ์คุย ในแต่ละเดือนรายได้ที่ผมจะได้ จากกองงานของผมเฉพาะตัวผมคนเดียวตกเดือนละ2400-3000หักให้ลูกพี่ไป1000 ที่ต้องให้คือการแสดงออกถึงความเคารพรักในเมื่อเขาไว้ใจเราทำให้เรามีรายได้ เราก็สมควรที่จะให้ลูกพี่ของเราสุขสบาย พวกผมให้เขาเดือนละ3000บาททุกเดือน นอกจากวันเกิดเขาและวันขึ้นปีใหม่ก็จะให้พิเศษหน่อย นอกเหนือจากนี้ก็แล้วแต่เขาจะเอ่ยมาว่าขาดเหลืออะไร พวกผมก็พร้อมเสิร์ฟให้ลูกพี่เสมอ ก็เหมือนกับสำนวนไทยที่ว่า”น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า”คุณผู้อ่านคิดว่าผมพูดถูกไหมครับ

ตัวผมนั้นไม่เคยคิดที่จะเก็บเงินกลับบ้านหรอกครับ ผมแค่หาเงินเก็บไว้กินไว้ใช้ และหาความสุขใส่ตัวเองบ้างก็เท่านั้น อีกอย่างก็จะได้แบ่งเบาภาระพ่อแม่ผม ที่จะต้องหาเงินมาเยี่ยมผมทุกเดือน 1,500 บาทต่อเดือน เพราะพวกท่านคิดเสมอว่าคนข้างในนั้นหาเงินใช้เองไม่ได้ เขากลัวผมจะลำบากอยากกินอะไรก็ไม่ได้กิน ขนาดผมบอกกับท่านว่า ถ้าเดือนไหนต้องการใช้เงินจะบอก แล้วค่อยฝากเข้ามาให้ผม แต่ยังไงพวกท่านก็ฝากให้ผมทุกเดือนอยู่ดี

ความรักของพ่อแม่ คือความรักที่ผมเชื่อว่ามันเป็น รักที่บริสุทธิ์ ที่สุด มากกว่าความรักใดๆในโลกนี้ ความรักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ มันคือความรักของผู้ให้อย่างแท้จริง”ไม่มีพรอันใดประเสริฐเท่าพรของพ่อแม่หรอกครับคุณผู้อ่าน “เวลามันมีแต่ลดลงไปทุกวันอย่าปล่อยให้เวลามันหมดลงจนเราทำได้แค่บอกรักท่านผ่านรูปภาพเลยนะครับ” แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าสวัสดีครับ…(หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending

What's your reaction?

Excited
1
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0

You may also like

Story

ประวัติวันสงกรานต์ เทศกาลประเพณีที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน.

สงกรานต์เป็นเทศกาลปีใหม่ไทยแบบดั้งเดิมที่มีการเฉลิมฉลองทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งชาวต่างชาติจะรู้จักกันในชื่อว่า Water Festival หรือ เทศกาลแห่งน้ำ เพราะในวันนี้ผู้คนจะนิยมนำน้ำมาสาดใส่กันเพื่อคลายร้อนอย่างสนุกสนาน
Story

เปิดประวัติที่มาของสงครามนกอีมู สงครามสุดแปลกที่โลกนี้ต้องจดจำ

สงครามนกอีมู หรือที่เรียกว่าสงครามนกอีมูครั้งใหญ่ เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินการในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียในปี 2475 ปฏิบัติการนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมประชากรของนกอีมู ซึ่งก็ได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผลในภูมิภาคออสเตรเลีย
Story

เปิดประวัติที่มาของวัน “April Fool’s Day” หรือ “วันโกหก” วันสุดแสบแสนตลกของผู้คนทั่วโลก!

"วันโกหก" นักประวัติศาสตร์ได้เชื่อว่าวันนี้ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลฮิลาเรียของโรมันที่จัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เพราะเทศกาลนี้ผู้คนจำนวนมากจะออกมาแต่งกายตลก ๆ พร้อมกับมีการละเล่นที่เรียกเสียงหัวเราะของผู้คน ซึ่งก็คล้ายคลึงกับวันโกหกเป็นอย่างมาก และในยุคต่อมาก็ได้มีบันทึกไว้ในหนังสือ

Comments are closed.

More in:Story

Story

เปิดประวัตินิทานของ “อีสป” ต้นตำรับนิทานคติสอนใจผู้เป็นตำนานของโลกแห่งนิทาน

นิทานของอีสปเป็นนิทานที่ถูกแต่งขึ้นโดยทาสชาวกรีกที่มีขื่อว่า อีสป (Aesop) ที่นักวิชาการต่างลงความเห็นว่าเขานั้นน่าจะเกิดอยู่ในช่วง 620 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นทาสโดยกำเนิดตามกฏหมายของชาวกรีก
Breaking News

ซีเซียม-137 คืออะไร? อันตรายมากแค่ไหน?

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวที่ถูกพูดถึงมากมาย เกี่ยวกับประเด็นท่อเก็บสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ที่ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 ก็ได้มีรายงานว่าพบวัตถุดังกล่าวแล้ว แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมากจากข่าวนี้
Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 84

ผมและไอ้แว่นได้ลงมาตั้งแถวรอเยี่ยมญาติอยู่หน้าองค์พระประจำแดน ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวสำหรับพวกที่มีชื่อเยี่ยมญาติในแต่ละรอบ ผมสังเกตเห็นไอ้แว่นมันดูลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะถามอะไรผม แต่มันก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถามสักที