มหาศึก คนชนเทพ จิ๋นซีฮ่องเต้ (Qin Shi Huang)
จิ๋นซีฮ่องเต้ เขาเป็นหนึ่งในตัวแทนของฝ่ายมนุษย์ในการต่สู้กับฝ่ายเทพ จิ๋นซีฮ่องเต้ คือปฐมกษัตริย์ที่ผนวกและรวมประเทศจีนให้เป็นปึกแผ่น เขาถือว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกของประเทศจีน มีความสามารถในด้านการปกครองและการทหารเป็นอย่างมาก ต่างมีผู้คนที่ชื่นชอบและผู้คนที่เกลียดเขาเองก็เยอะ แต่ถึงกระนั้นเขาก็มีความสามารถที่รวมประเทศจีนได้ เพราะเหตุนี้เองเขาถึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่สำคัญของบรุนฮิล จิ๋นซีฮ่องเต้จึงถือว่าเป็นหนึ่งในตัวแทนของฝ่ายมนุษย์ที่มีความสามารถที่จะนำเอาชัยชนะมาสู่มนุษย์ได้…
ประวัติ แห่งยุค (ประเทศจีน)
จิ๋นซีฮ่องเต้ หรือ ฉินสื่อหวงตี้ ถือกำเนิดขึ้นในปีพ.ศ.283 หรือ 260ปีก่อนคริสตกาล ในยุคจ้านกว๋อ(ราชวงศ์โจวตะวันออก) ซึ่งในยุคนั้นประเทศจีนประกอบด้วย7แคว้นใหญ่ คือ แคว้นจ้าว แคว้นหาน แคว้นเว้ย แคว้นฉู่ แคว้นเยียน แคว้นฉี และแคว้นฉิน ในเวลานั้นเกิดสงครามและการแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน แต่ละแคว้นก็ต่างเข้าแย่งชิงซึ่งความเป็นใหญ่ ต่างรบ ราฆ่าฟันกันเสมอ เป็นเวลากว่า500ปี ที่ไม่มีทีท่าว่าจะยุติลง
ฉินสื่อหวงตี้เองก็ได้ถือกำเนิดขึ้นที่แคว้นฉิน ซึ่งถูกเรียกว่าแคว้นที่ทุรกันดารและไร้ซึ่งความเจริญ ล้าหลังมากกว่า6แคว้นที่เหลือ ในวัยเด็กท่านได้ฟันฝ่าและต่อสู้ทั้งศึกภายใน ภายนอก จนสามารถก้าวขึ้นมาครองบัลลังก์ได้สำเร็จตั้งแต่ในวัยเยาว์เพียง13ปีเท่านั้น เมื่อได้ขึ้นครองราชแล้ว ท่านก็ได้แสดงความปรีชาสามารถให้เหล่าขุนนางทั้งน้อยใหญ่ให้ได้เห็น จิ๋นซีได้ปรับเปรี่ยนการปกครองใหม่ โดยการไล่เหล่าขุนนางที่ไร้ซึ่งความสามารถออกไปทั้งหมด และเสนอให้ใครก็ตามที่มีความสามารถทั้งในและนอก โดยไม่สนถึงถิ่นกำเนิด ได้ขึ้นมาช่วยกันเปลี่ยนแปลงแคว้นฉิน ทั้งระบบเศรษฐกิจ กฎหมาย และการปกครอง
เพียงเวลาไม่นาน ท่านก็ได้นำพาแคว้นฉิน แคว้นที่ครั้งหนึ่งถูกมองข้ามว่า เป็นแคว้นที่มีค่าน้อยที่สุดในบรรดาแคว้นทั้งหมด แต่ในเวลานี้ จิ๋นซีฮ่องเต้ก็สามารถนำพาแคว้นฉินให้มีความเจริญทัดเทียมกับอีก6แคว้นสำเร็จด้วยเวลาเพียงไม่นาน นอกจากนี้แล้ว ท่านยังถูกขึ้นชื่อเรื่องความเด็ดขาดในการปกครอง รวมถึงการกำจัดเหล่าขุนนางที่ไร้ประโยชน์ และคิดไม่ซื่อกับท่านได้อย่างเหี้ยมโหด โดยหนึ่งในนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ท่านสั่งประหาร เล่าไอ่ ชู้รักของพระมารดาที่พยายามเตรียมการสังหารพระองค์ที่พระตำหนักเสียนหยาง แต่ถูกมหาดเล็กในวังโจมตีกลับและจับตัวเขาได้สำเร็จ บทลงโทษที่กบฏผู้นี้ได้รับคือการถูกม้าแยกร่างเป็น 5 ส่วน และนำศพไปผูกประจานกลางเมือง พร้อมทั้งประหาร 3 ชั่วโคตร ดังนั้น ลูก 2 คนของเขาและพระมารดาจึงกลายเป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายในครั้งนี้ ส่วนพระมารดาหลังจากนั้นได้ถูกจับไปนำขังไว้ในพระตำหนักเย็น ไม่ให้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน จนเสียชีวิตลงในที่สุด เป็นการแสดงถึงความเด็ดขาดและอำนาจที่พระองค์มี หลายครั้งผู้คนต่างก็ตั้งให้ท่านเป็น กษัตริย์จอมเผด็จการ
หลังจากที่ท่านจัดระเบียบ และบริหารแคว้นฉินจนสมบูรณ์แบบแล้ว แผนและวิสัยทัศของท่านไม่ได้หยุดเพียงแค่แคว้นฉินเท่านั้น แต่ในเวลานี้ท่านปราถนาที่จะรวม6แคว้นที่เหลือเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่ซึ่งตลอดเวลากว่า500ปีที่ผ่านมานี้ไม่มีใครสามารถที่จะทำได้ นับเป็นความท้าทายและความทะเยอทะยานเป็นอย่างมาก ที่กษัตรย์องหนึ่งจะฝันถึง แต่ด้วยความปรีชาสามารถของจิ๋นซีฮ่องเต้ รวมทั้งกลอุบาลต่างๆ ที่ใช้เพื่อให้6แคว้นนั่นแตกคอกัน จนนำมาถึงสงครามในที่สุด
เพียงเวลาแค่10ปี คือระหว่าง231-221ก่อนคริสตกาล จิ๋นซีฮ่องเต๋ก็สามารถรวม6แคว้นที่เหลือเป็นหนึ่งได้สำเร็จ นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีกษัตริย์องค์ใดที่สามารถรวบรวมแคว้นต่างๆเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าปฎิเสธได้เลยว่า จิ๋นซีฮ่องเต๋นั้นยิ่งใหญ่ถึงที่สุด ท่านจึงกลายเป็นปฐมกษัตริย์องค์แรกที่รวบรวมประเทศจีนขึ้นมาได้สำเร็จ
ในช่วงที่จิ๋นซีฮ่องเต้ปกครองแผ่นดินจีน ด้านหนึ่งพระองค์คือมหาราชที่ได้สร้างความเจริญให้กับแผ่นดินจีนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
-การสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวขึ้นในประเทศ ด้วยการรวมศูนย์อำนาจการปกครองไว้กับพระองค์ แล้วแบ่งเขตการปกครองในประเทศออกเป็น 36 มณฑล
-การกำหนดให้ใช้ตัวอักษรภาษาจีน เป็นอย่างเดียวกันหมดทั่วประเทศ แม้ว่าภาษาพูดจะผิดเพี้ยนกันแต่ว่าภาษาเขียนนั้นใช้เหมือนกัน
-การกำหนดใช้กฎหมายอย่างเป็นเอกภาพทั่วประเทศ
-การกำหนดให้ใช้เงินตราอย่างเดียวกัน
-การกำหนดให้ใช้มาตราชั่ง ตวง วัดอย่างเดียวกัน
นอกจากนี้ท่านยังให้สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นคือ กำแพงเมืองจีน(1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลก) กำแพงเมืองขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบ7แคว้นเอาไว้ เพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันพวกเผ่าซ่งหนู มองโกล และเติร์ก เหล่าคนเถื่อนที่คอยลอบโจมตีอยู่เรื่อยๆ และยังถือเป็นการประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ของท่านให้ทุกคนได้เห็นอีกด้วย
ถึงแม้หลายคนจะมองว่าท่านนั้นเป็นกษัตริ์ที่มีความปรีชาสามารถ นำพาประเทศให้มีความเจริญ แต่คนอีกจำนวนมากก็มักกล่าวหาว่าท่านนั้นคือทรราช เพราะความยิ่งใหญ่ที่ท่านมี มักแลกมาด้วยชีวิตประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งยังออกกฎหมายเกี่ยวกับการเก็บภาษีที่ประชาชนจะต้องจ่ายภาษีสูงถึง2ใน3ของทรัพย์สินทั้งหมดที่หามาได้ จึงทำให้ประชาชนอีกจำนวนมากต่างอดอยากแร้นแค้นเป็นทุกข์ อีกทั้งกฎหมายในการบังคับใช้นั้นรุนแรงและเด็ดขาด ขนาดกล่าวได้ว่าแค่เด็กขโมยซาลาเปาเพียงลูกเดียวก็สามารถถูกตัดสินประหารชีวิตได้เลย รวมถึงในบางคดีไม่ใช้แค่ผู้กระทำผิดรับโทษเพียงคนเดียว แต่ยังรวมถึงครอบครัวจะต้องได้รับโทษด้วยเหมือนกัน ด้วยสิ่งเหล่านี้ที่ท่านนำออกมาใช้กับประชาชน จึงทำให้ท่านมักจะถูกโจมตีจากเหล่าปราชต่างๆในยุคนั้น โดยเฉพาะนักศึกษาจากลัทธิขงจื๋อ ที่มักจะเขียนบทความ บทกวีถากถางเยาะเย้ยตำหนิติเตียนการปกครองสมัยนั้น ซึ่งก็สร้างความขุ่นเคืองพระทัยต่อจิ๋นซีฮ่องเต๋เป็นอย่างยิ่ง พระองค์จึงมีคำสั่งให้เผาหนังสือต่างๆ เช่น ประวัติศาสตร์ บทรวมกวีนิพนธ์ บทร้อยแก้ว โดยเฉพาะหนังสือของสำนักขงจื๊อเสียให้หมด คงเหลือไว้ก็แต่พวก ตำราทางการแพทย์ เกษตรกรรมและตำราอื่นๆ
จากนั้นไม่นานจิ๋นซีฮ่องเต๋ก็ได้จับนักศึกษาสำนักขงจื๊อฝังทั้งเป็นรวมทั้งสิ้น 400 กว่าคน นับเป็นอาชญากรรมที่โหดเหี้ยม ที่ถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์มาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากความสามารถทางด้านการทหารและการปกครองของท่านแล้ว จิ๋นซีฮ่องเต๋ในบางครั้งก็ถูกผู้คนต่างๆมักขนานนามท่านว่าเป็นนักพรตหรือพ่อมด เพราะท่านนั้นมีความสนใจ ในด้านไสยศาสตร์เวทย์มนต์ รวมถึงโหราศาสตร์และหลักฮวงจุ๋ย ท่านมีความเชื่อเรื่องโลกหลังความตายและปราถนาที่จะมีชีวิตอยู่เป็นอมตะ บ่อยครั้งท่านให้เหล่าขุนนาง ทหาร รวมถึงนักพรตต่างๆ ออกตามหายาอายุวัฒนะที่จะทำให้ท่านเป็นอมตะ นอกจากนี้ท่านยังได้สั่งให้เหล่าขุนนางเกณฑ์ประชาชนมาเป็นแรงงาน ในการสร้างสุสานขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันถูกเรียกว่า “สุสานจิ๋นซีฮ๋องเต้” ที่ภายในประกอบด้วยกองทหารดินเผา รวมถึงสิ่งของต่างๆ ที่ท่านได้เตรียมไว้มากมาย เมื่อถึงคราวที่ท่านต้องเดินทางไปยังปรโลกจะได้มีกองกำลังและข้าราชบริพาร ไว้ปกป้องท่านจากศัตรูต่างๆที่ท่านได้เคยสังหารลงไป สิ่งต่างๆนี้เองที่ล้วนเป็นความเชื่อที่ท่านเชื่อเป็นอย่างมาก อย่างในบันทึกที่เคยบันทึกไว้ว่า จิ๋นซีฮ่องเต๋ท่านเป็นคนที่ระมัดระวังตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ในทุกคืนจะไม่มีใครร่วงรู้ได้เลยว่าท่านนั้นพำนักอยู่ในห้องไหนในราชวัง แม้แต่องครักษ์เองที่เฝ้า ก็ไม่รู้ อีกทั้งในเวลาต่อๆมาท่านยังฝันร้ายอยู่บ่อยครั้ง ว่าศัตรูที่ท่านเคยสังหารต่างมาปรากฎตัวในความฝันของท่าน พร้อมทั้งบอกว่าเวลาของท่านนั้นใกล้มาถึงแล้ว ก็ยิ่งเป็นการเร่งให้ท่านพยายามที่จะค้นหาการเป็นอมตะมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการสร้างสุสานขึ้นมา
ในบันทึกจากหลายๆแหล่ง ได้บันทึกช่วงชีวิตสุดท้ายของท่านไว้แตกต่างกันอย่างมาก บ้างก็บอกว่าท่านนั้นป่วยตายด้วยโรคประจำตัว หรือ หลงเชื่อกินยาพิษที่เข้าใจว่าคือยาอายุวัฒนะลงไป ซึ่งในปัจจุบันก็ยังหาสรุปไม่ได้ แต่น้ำหนักจะลงไปที่บันทึกที่กล่าวว่า ในปี 210 ก่อนคริสตกาล จิ๋นซีฮ่องเต้ออกตรวจราชการทางภาคใต้ โดยมี หลี่ซื่อ ขันทีเจ้าเกา และพระโอรสองค์เล็ก หูไห่ ตามเสด็จด้วย เดือน 7 ทรงเดินทางมาถึงเมืองซาปิง ทรงประชวรหนัก สั่งให้เจ้าเกาเขียนพระโองราชการเรียกตัวองค์ชายองค์โต ฝูซู ที่ดูแลชายแดนทางเหนือ กลับนครหลวงและสืบราชบัลลังก์ต่อไป ทรงสิ้นพระชนม์ลงเมื่อ เดือน 7 ปีนั้นเองที่เมืองซาปิง (ปัจจุบันอยู่มณฑล เหอเป่ย)
แต่เจ้าเกากลับเก็บพระราชโองการนั้นไว้ และสบคบคิดกับหูไห่ เกลี่ยกล่อมหลี่ซือให้เข้าร่วม ปลอมพระราชโองการให้ ฝูซู และแม่ทัพเหมิงเถียนฆ่าตัวตาย และสถาปนาหูไห่เป็นจักรพรรดิฉินที่ 2 แทน
หลังจากนั้น หูไห่สืบราชบัลลังก์เป็น ฉินเอ้อซื่อ (จักรพรรดิฉินที่ 2) แต่เขาเป็นกษัตริย์ที่ไร้ความสามารถ โฉดเขลา และโหดร้าย ทรงเชื่อเจ้าเกาขันทีชั่ว สั่งประหารโอรส และพระธิดา ของพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งก็คือพี่น้องของพระองค์ ส่วนเจ้าเกาก็กุมอำนาจในราชสำนัก และครอบงำ ฉินเอ้อซื่อ และกำจัดหลี่ซือ ฉินเอ้อซื่อ ยังคงสั่งการเกณฑ์แรงงานก่อสร้างพระราชวัง และสุสาน ขูดรีดภาษีจากราษฎรต่อไป จนทำให้ประชาชนก่อกบฏขึ้นมา นำโดยเฉินเซิง และอู๋กว่าง(กบฎชาวนา) ในปีที่2 ของรัชกาล ฉินเอ้อซื่อ
แม้ทางการจะปราบกบฏเฉินเซิง และ อู๋กว่างลงได้ แต่ มีกบฏกลุ่มต่างๆเกิดขึ้นมากมายทั่วแผ่นดิน ที่เข้มแข็งก็มี 2 กลุ่ม นำโดย เซี่ยงอวี้ และ หลิวปัง โดยหลิวปังสามารถนำทัพตีนครหลวงเสี่ยนหยางได้ก่อนในปี 206 ก่อนคริสตกาล พระเจ้าฉินหวางจื่ออิงยอมจำนน ราชวงศฉินจึงถูกโค่นลงในที่สุด นับรวมเวลาที่ราชวงฉินปกครองประเทศได้ทั้งสิ้น15ปีเพียงเท่านั้น
นับเป็นอันปิดตำนานจิ๋นซีฮ่องเต๋ กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งประเทศจีน ที่สามารถรวบรวมแผ่นดินจีนได้เป็นหนึ่ง และท่านยังสร้างสิ่งสำคัญที่ในภายหลังได้ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง กำแพงเมืองจีนและสุสานจิ๋นซี เป็นอันประกาศถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ที่ไม่ว่าจะผ่านกาลเวลามานานแค่ไหน ชื่อเสียงของท่านก็ยังคงอยู่ ว่าท่านนั้นคือกษัตริย์ที่เป็นทั้งมหาราชและทรราชในคนเดียวกัน…
ในส่วนอนิเมะ เรื่องมหาศึกคนชนเทพ
ในส่วนของอนิเมะมหาศึกคนชนเทพนั้น ได้หยิบยกนำเอาตัวประวัติของ จิ๋นซีฮ่องเต๋มาดัดแปลงนำมาใช้เป็นหนึ่งในตัวละคร ของมหาศึกคนชนเทพ โดยจิ๋นซีได้ปรากฎตัวครั้งแรกในมังงะเล่ม1 ที่เป็นตอนพิเศษประวัติของลิโป้ ในมังงะเล่มนั้นได้กล่าวถึงว่า จิ๋นซีเป็นหนึ่งในผู้ปกครองแคว้นฉินหนึ่งใน7แคว้นใหญ่ของแผ่นดินจีน และประวัติที่เหลือของท่านรวมถึงพลังต่างๆ ก็ไม่ได้กล่าวถึงอีก แต่จากข้อสันนิษฐานก็ขอเดาว่าในประวัติจิ๋นซีเป็นกษัตริย์ที่มีความปรีชาสามารถเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านการปกครองและการทหาร รวมถึงตำนานที่กล่าวถึงว่า ท่านเป็นพวกที่ชื่นชอบการเล่นไสยศาสตร์เวทย์มนต์ ในอนิเมะจิ๋นซีอาจจะใช้ไสยเวทย์ หรือ คุณไสยในการต่อสู้ก็อาจเป็นได้ แต่ไม่ว่าจะด้วยความสามารถด้านไหน ยังไงจิ๋นซีฮ่องเต้ก็ยังเป็นวีรชนคนกล้าที่บรุนฮิลได้คัดเลือกมาแล้ว เพื่อลงต่อสู้ในศึกครั้งนี้ ฉะนั้นความสามารถที่จิ๋นซีมีอยู่จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เขาอาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งความหวัง ที่สามารถนำชัยชนะมาสู่มนุษย์โลกทั้งหมด…
(ข้อมูลข้างต้นรวมถึงพลังของจิ๋นซีฮ่องเต๋ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจากที่กล่าวมาได้ เพราะข้อมูลพลังของเขายังไม่เปิดเผย รวมถึงคู่ต่อสู้ของเขาก็ด้วย แต่ดูจากลักษณะและประวัติ รวมถึงตำนานของเขาแล้ว ผู้เขียนก็ขอคาดเดาไว้ว่า จิ๋นซีอาจจะได้สู้กับอนูบิสเทพแห่งความตาย เพราะท่านนั้นเกลียดความตายและปราถนาการมีอยู่เป็นอมตะ ก็อาจจะทำให้ทั้งคู่มาแบทเทิลกันก็อาจจะเป็นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คู่ต่อสู้เกิดจากการคาดคะเนของผู้เขียนเอง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ ขอบคุณครับ..)
มหาศึก คนชนเทพ จิ๋นซีฮ่องเต้ (Record of Ragnarok)
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending