Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่38

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่38

บทที่38 การรับน้องใหม่บนห้องนอน

” หากไม่ยอมจับดาบลงสนามรบ  ใยจะค้นพบบทเรียนชีวิต “

** ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะขึ้นห้องสักที หลังจากที่ตัวผมได้เล่าเรื่องพาทัวร์ภายในแดน มา 3 ตอนเต็มๆุ สังเกตได้ว่าไอ้แว่นดูจะชอบอกชอบใจ กับการที่ย้ายมาแดนนี้กับผมเป็นอย่างมาก เพราะว่าตัวมันนั้นไม่เคยสัมผัสความลงตัวที่แสนสบายอย่างนี้มาก่อน ตั้งแต่มันติดคุกมา เพราะว่าที่แดนนู้นมันช่างต่างกับแดนนี้ลิบลับ มันดูเหมือนกับว่า มันไม่ใช่สถานที่เดียวกันเลย  แต่สำหรับตัวผมนั้น ผมสัมผัสมาหมดแล้ว มันก็เลยรู้สึกเฉยๆ  เพราะผมรู้ว่ามันยังมีเรื่องที่ตื่นเต้นและสนุก รอผมอยู่อีกเยอะ และยังมีให้ผมสัมผัสอีกมาก ก็โทษของผมมันเยอะอยู่นิครับ ก็ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นมากเป็นธรรมดา เพราะว่าสถานที่ ที่เรียกว่าคุก มันไม่เคยอยู่นิ่งนานหรอกครับ **

หลังจากที่ทุกคนได้อาบน้ำเสร็จแล้ว ใครมีหน้าที่ทำความสะอาดในโรงงาน ก็ต่างทำหน้าที่ของตนเองจนเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาปิดโรงงาน และลงมากินข้าวตามบ้านกันต่อไป เพราะว่าในแดนนี้ ประชากรบ้านอ.เมือง มีเยอะก็เลยแบ่งเป็นบ้านต่างๆ นั้งกินกันเป็นกลุ่มๆ กลุ่มนึง10คนบ้างน้อยกว่านี้ก็มี แล้วแต่ความต้องการหรือความสนิทของแต่ละคน ส่วนบ้านไอ้บอยดำ รวมผมกับไอ้แว่นก็ 16 คน วงใหญ่อยู่เหมือนกันนะครับ และสิ่งที่เปลี่ยนไป จากรอบที่แล้วที่ผมติดคุกนั้นก็คือการกินข้าวนี่แหละครับ ซึ่งแต่ก่อนนั้นเราจะกินกันบนโรงงาน ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น เพราะว่าแต่ก่อนกับข้าวของฝาก ยังถือมาฝากให้ที่เรือนจำ ตอนเยี่ยมญาติได้นั่นเอง

แต่ตอนนี้นั้นหมดสิทธิ์ครับ ทุกเรือนจำทั่วประเทศเหมือนกันหมด มันคือกฎข้อบังคับใหม่ของทางกรมราชทัณฑ์ที่ระบุ ไม่ให้ญาติทำกับข้าวมาให้นักโทษ จึงทำให้พวกเราต้องมากินข้าวที่โรงเลี้ยงโดยปริยาย ซึ่งผมบอกได้เลยว่า แต่ก่อนที่กับข้าวญาติยังมีเข้ามาได้ แกงหลวงในโรงเลี้ยงพวกผมไม่เคยแตะเลยสักมื้อ

แต่เดี๋ยวนี้ไม่แตะไม่ได้หรอกครับ อดตายกันพอดี เพราะจะกินแต่กับข้าวถุงละ 30 บาท คงจะหาเลี้ยงกันไม่ไหวหรอกครับ เพราะในบ้านมี 16 คน จะซื้อกี่ถุงล่ะครับถึงจะพอกินกันทั้งบ้าน บ้านไม่ได้รวย พ่อไม่ได้เป็นนายกนะครับ

พวกเราชักแถวกัน เดินมาที่โรงเลี้ยงมายังจุดที่บ้านเรานั่งกินกัน ซึ่งในตอนนี้กับข้าวและจานข้าว ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว โดยคนที่จัดแจงเรื่องนี้ก็คือ ไอ้ชาติลูกมือไอ้บอยดำ มันมีหน้าที่จัดเตรียมกับข้าว ข้าว แล้วก็แกงหลวง ไอ้บอยดำมันมียอดอยู่อย่างละ 1 หม้อ ซึ่งมันก็ต้องแบ่งให้อีก บ้านละถ้วย หลายบ้านอยู่เหมือนกัน ยอดของไอ้บอยจะมี 5 ถ้วย และจะได้ตักเป็นบ้านแรก  จึงทำให้พอมีเนื้อมีหนังให้กินได้บ้าง ส่วนกับข้าวเบิกมีอยู่ 5 ถุง ซึ่งผมดูแล้วไม่ค่อยพอกินหรอกครับ สงสัยผมกับไอ้แว่นต้องออกกันวันละ 2 ถุงเป็นแน่ 

“ไอ้บอยเรื่องกับข้าวเดี๋ยวกูกับไอ้แว่นช่วยวันละ 2 ถุงรู้เรื่องตามนี้นะ ” ไอ้บอยพยักหน้าและพวกเราทั้งหมด ก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตากินกัน เสร็จแล้วผมรู้ได้เลยว่าไอ้แว่นมันยังไม่อิ่ม ผมก็เลยพามันเดินไปกินขนมที่ร้านไอ้คมและก็จะแวะไปนั่งพักนั่งเล่นก่อนขึ้นห้องอีกด้วย

เดินไปถึงร้านไอ้คม ไอ้คมมันก็ชี้ที่ นม1กล่อง ขนม1ห่อ ที่มันแยกว่างเอาไว้ให้ผม โปรโมชั่นนี้มีสำหรับผมที่เดียว ส่วนไอ้แว่นซื้อครับ “ไอ้คมเอาให้น้องกูอีกชุดนึง พรุ่งนี้มันเยี่ยมญาติ  เดี๋ยวกูให้มันซื้อของให้มึง 300 มึงจะเอาอะไรก็จดมาแล้วกัน แล้วพรุ่งนี้ตอนมันจะออกไปเยี่ยม กูจะให้มันเดินมาหามึงก่อน เอาให้มันกินหักไปทุกวัน ทุกวัน ตามนี้นะ ” ผมได้บอกกับไอ้คมไป 

“ขอบใจมึงมากดีเลยว่ะ ช่วงนี้กูหาตัดบิลยาก แบบนี้กูจะได้มีของขายเยอะๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้เองเดินมาหาพี่ใต้ต้นตะขบร้านพี่ขายอยู่ตรงนั่นนะ” มันหันมาพูดกับไอ้แว่นและชี้นิ้วให้ไอ้แว่นเห็นจุดที่มันตั้งร้านขายของอยู่ ” ครับพี่คม เดี๋ยวตอนเยี่ยมผมจะเดินมาหาพี่ก่อนนะครับ “ มันได้ตอบกลับไอ้คมไป แล้วก็หยิบนมกับขนมขึ้นมากิน 

“ไอ้ใหญ่แล้วมึงจะเอาอะไร ขึ้นไปกินบนห้องไหม ” พอไอ้แว่นได้ยิน ในสิ่งที่ไอ้คนพูดกับผม มันถึงกับชะงักแล้วหันมาพูดกับผม “เอาของขึ้นไปกินบนห้องนอนได้ด้วยหรอพี่ ” ผมพยักหน้าให้กับมันและให้มันเป็นคนเลือก ของที่จะขึ้นไปกินบนห้อง “ส่วนอันนี้ ” ผมยังไม่ทันพูดจบ ไอ้คมก็รีบโบกมือ  เป็นเชิงให้หยุดพูดทันที “ค่อยว่ากันทีหลัง ” มันบอกกับผม นี่แหละครับคือความง่ายๆของมันที่มีให้กับผม ซึ่งนิสัยมันไม่ง่ายให้กับใคร จะมีแค่ผมละมั้งที่ง่ายสำหรับมัน..

หลังจากที่ผมกินอะไรเสร็จเรียบร้อย นั่งเล่นรับลมเย็นๆสักพัก  ก็ถึงเวลาขึ้นห้องนอน หลังจากที่ประตูเรือนนอนได้เปิด เหล่านักโทษก็รีบวิ่งขึ้นไปห้องใครห้องมัน ชั้นใครชั้นมัน โดยที่เจ้าหน้าที่ยังเดินมาไม่ถึงครึ่งทางเลยด้วยซ้ำ ไม่มีการตรวจค้นใดๆจากเจ้าหน้าที่ทั้งนั้น ไม่ต้องมานั่งต่อแถวตามห้อง หรือไม่ก็แก้ผ้าให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นทีละคน ก่อนขึ้นห้องเหมือนกับที่เจอที่แดนนู้น สร้างความประหลาดใจให้กับไอ้แว่นเป็นอย่างมาก 

“โอ้โหมันฟรีเดย์ขนาดนี้เลยหรอพี่ แดนนี้เนี่ยสุดยอดจริงๆ ” มันพูดขึ้นมาตามความรู้สึกของมันจริงๆ ผมว่าอย่างนั้นนะ จึงทำให้ผมกับมันยังไม่ต้องรีบขึ้นเท่าไร ก็เลยปล่อยให้คนอื่นขึ้นกันไปก่อน เพราะผมไม่อยากจะไปเบียดแย่งกันขึ้นห้อง เพราะยังไงแล้วพวกเราก็ต้องได้ขึ้นกันหมดอยู่ดี เขาคงไม่ปล่อยให้เราอยู่ข้างล่างหรอกครับ  

ส่วนไอ้คนที่รีบขึ้นเป็นคนแรกๆมันมีเหตุผล  และเหตุผลหลักๆเลย ก็คือมันจะขึ้นไป ตีซิก(ใช้ภาษามือ)กับที่ขังหญิงคู่ที่มันเขียนจดหมายด้วย  ยืนกันเต็มหน้าห้องไปหมดและแต่ละคนจะมีจุดที่ยืน และแสดงสัญลักษณ์ เพื่อแสดงให้รู้ว่าคู่ใครเป็นคู่ใคร บางคนอาจจะชูมือสองมือหรือทำท่าซารางเฮโย ไม่ก็โบกผ้าเช็ดหน้า และอีกอย่างก็คือใช้ผ้าเช็ดหน้าสีนั้นสีนี้  เป็นสัญลักษณ์เพื่อให้คู่ของตัวเองรับรู้  จะได้ไม่ตีซิกผิดคู่นั่นเอง 

ผมเห็นแต่ละคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ช่างดูมีความสุขกันซะเหลือเกิน  ก็อย่างว่าล่ะครับ ความสุขในคุกมันหายาก  อะไรที่บางคนรู้หรือเห็น อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพ้อเจ้อก็ตามที แต่มันก็มีคนส่วนมากที่คิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้น มันคือความสุขที่เขาต้องการ เราจะไปว่าเขาไม่ได้หรอกครับ  ก็มันนานาจิตตัง  ต่างคนต่างความคิดครับ

พอเราถึงห้อง 2/5 ก็มานั่งต่อกันเป็นแถว เพื่อที่จะรอเจ้าหน้าที่ขึ้นมาเช็คยอดผู้ต้องขัง ก่อนที่จะปิดประตูเรือนนอนต่อไป พวกเรานั่งรอเจ้าหน้าที่ประมาณ 10 นาที ก็ถึงเวลาที่จะต้องเช็คยอดห้อง โดยมีไอ้อ๊อฟตู้เป็นคนเช็คยอดนั่นเอง มันเดินนับยอดไปทีละคนจนครบ และมันก็รายงานให้เจ้าหน้าที่ฟัง  เป็นอันจบ ต่อมาก็เป็นการขานชื่อเรียกยาม โดยมีไอ้เจ๋งเสมียนห้องเป็นคนรายงาน ให้ยามในคืนนี้รู้ว่าใครขึ้นกันบ้าง  

โดยปกติแล้วห้อง 2/5 จะจ้างแท็กซี่ให้ขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ส่วนน้อยที่จะขึ้นยามกันเองครับ พอเสร็จจากตรงนี้ ก็แยกย้ายกันนั่ง หรือ นอนตรงที่ของใครของมัน แต่ละคนจะมีที่นั่งที่นอนประจำกันทุกคนครับ และส่วนมากพวกที่นอน  ส่วนใหญ่ก็จะมีพวกบ้าน อ. เมืองจับจองพื้นที่ไว้หมดแล้ว จึงทำให้ต้องมาบีบให้คนอื่นๆนั่งกันแทน มันก็เป็นแบบนี้เหมือนกันทุกห้องแหละครับ บ้านไหนใหญ่ที่สุดในห้อง บ้านนั้นก็จะสบายที่สุดเป็นธรรมดา ส่วนคนนอกนั้นก็ตามมีตามกรรม ตามความสนิทสนมกันเท่านั้นเอง

“ไอ้ใหญ่เดี๋ยวมึงขึ้นไปนอนบนเหล่าเต็ง(ชั้น 2)กับไอ้อ๊อฟตู้ 2 คนนะ ส่วนมึงไอ้แว่น ไปนู่นบาร์เบียร์สลัมบอมเบย์ตามสเต็ป เฮ้ย!ไอ้พวกท้ายบล็อกแหวกทางให้ไอ้แว่นเด็กใหม่นั่งคนนึง อ้าวเฮ้ย!!ยืนทำเหี้ย!!อะไรไปไวๆดิ จะได้นอนดูทีวีกันสักที ”  ไอ้บอยดำบอกกับผมและไอ้แว่น ผมกับไอ้บอยดำหันมาสบตากันแป๊บนึง ก็รู้กันว่ามันคือธรรมเนียม ที่จะต้องแกล้งเด็กมาใหม่ เพราะไอ้บอยมันไม่ให้แว่นนอนตรงนั้นหรอกครับ ผมก็รู้ว่ามันจะแกล้งไอ้แว่นเอาฮาเฉยๆ มันเป็นคนชอบแกล้งจะตาย 

ผมรู้นิสัยมันดี  เล่นซะไอ้แว่นยืนเอ๋อเเดก ที่มันต้องเห็นที่นอนของมัน มันรีบหันมามองหน้าผมเลิกลัก ทำทีเหมือนกับว่าให้ผมช่วยพูดอะไรสักหน่อย แต่ผมก็ทำเนียนนะครับ ผมทำเป็นไม่มองหน้ามัน ไม่สนใจมัน ก้มหน้าปีนบันไดขึ้นเหล่าเต๊ง ไปที่นอนของผมทันที ทิ้งให้ไอ้แว่นยืนเซ่อซะจน ไอ้บอยดำต้องตะคอกอีกครั้ง เพื่อกระตุ้นให้มันรีบๆ เดินไปไวๆ ไอ้เหี้ยบอยก็ตีบทแตก  ไอ้แว่นมันก็เลยต้องจำใจ ก้มหน้าเดินไปตรงที่สลัมบอมเบย์ ที่มันนอนทันที  

เห็นดังนั้น ผมก็คิดนะครับว่าตอนนี้ ในใจไอ้แว่นมันต้องคิดด่าผมอยู่แน่ๆ ว่าไอ้เหี้ยเอาอีกแล้ว มึงทำกูอีกแล้วหรอ ที่แดนนู้นมึงก็บอกจะให้กูนอนดีๆ พอกูย้ายมาแดนนี้ ข้างล่างดูดีชิบหาย กูก็เลยคิดว่าข้างบนแม่งจะดี ที่ไหนได้เหี้ย!! กว่าแดนโน้นซะอีก..ผมคิดเอาเองในใจนะครับ ว่ามันคงนึกด่าผมแบบนั้น เล่นเอาผมก็อดขำไม่ได้เลยจริงๆ…ยังครับการแกล้งไอ้แว่น มันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอกครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังอีก ในตอนหน้านะครับ สวัสดีครับ…(โปรดติดตามตอนต่อไป) “หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ ” #คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่38

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun

What's your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0

You may also like

Story

ประวัติวันสงกรานต์ เทศกาลประเพณีที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน.

สงกรานต์เป็นเทศกาลปีใหม่ไทยแบบดั้งเดิมที่มีการเฉลิมฉลองทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งชาวต่างชาติจะรู้จักกันในชื่อว่า Water Festival หรือ เทศกาลแห่งน้ำ เพราะในวันนี้ผู้คนจะนิยมนำน้ำมาสาดใส่กันเพื่อคลายร้อนอย่างสนุกสนาน
Story

เปิดประวัติที่มาของสงครามนกอีมู สงครามสุดแปลกที่โลกนี้ต้องจดจำ

สงครามนกอีมู หรือที่เรียกว่าสงครามนกอีมูครั้งใหญ่ เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินการในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียในปี 2475 ปฏิบัติการนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมประชากรของนกอีมู ซึ่งก็ได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผลในภูมิภาคออสเตรเลีย
Story

เปิดประวัติที่มาของวัน “April Fool’s Day” หรือ “วันโกหก” วันสุดแสบแสนตลกของผู้คนทั่วโลก!

"วันโกหก" นักประวัติศาสตร์ได้เชื่อว่าวันนี้ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลฮิลาเรียของโรมันที่จัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เพราะเทศกาลนี้ผู้คนจำนวนมากจะออกมาแต่งกายตลก ๆ พร้อมกับมีการละเล่นที่เรียกเสียงหัวเราะของผู้คน ซึ่งก็คล้ายคลึงกับวันโกหกเป็นอย่างมาก และในยุคต่อมาก็ได้มีบันทึกไว้ในหนังสือ

Comments are closed.

More in:Story

Story

เปิดประวัตินิทานของ “อีสป” ต้นตำรับนิทานคติสอนใจผู้เป็นตำนานของโลกแห่งนิทาน

นิทานของอีสปเป็นนิทานที่ถูกแต่งขึ้นโดยทาสชาวกรีกที่มีขื่อว่า อีสป (Aesop) ที่นักวิชาการต่างลงความเห็นว่าเขานั้นน่าจะเกิดอยู่ในช่วง 620 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นทาสโดยกำเนิดตามกฏหมายของชาวกรีก
Breaking News

ซีเซียม-137 คืออะไร? อันตรายมากแค่ไหน?

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวที่ถูกพูดถึงมากมาย เกี่ยวกับประเด็นท่อเก็บสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ที่ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 ก็ได้มีรายงานว่าพบวัตถุดังกล่าวแล้ว แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมากจากข่าวนี้
Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 84

ผมและไอ้แว่นได้ลงมาตั้งแถวรอเยี่ยมญาติอยู่หน้าองค์พระประจำแดน ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวสำหรับพวกที่มีชื่อเยี่ยมญาติในแต่ละรอบ ผมสังเกตเห็นไอ้แว่นมันดูลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะถามอะไรผม แต่มันก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถามสักที