คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 65
บทที่ 65 จุดเดือด ep.3
” เคล็ดลับความสุข คือ การทำในสิ่งที่รัก เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ คือ การรักในสิ่งที่ทำ “
** ทักทาย…เพื่อน พี่ น้อง ร่วมโลกทุกคนกันด้วยนะครับ ช่วงนี้เราอาจจะเจอกันบ่อยสักหน่อย เพราะว่าในตอนนี้ ไฟในตัวของผู้เขียนได้ลุกโชน อีกครั้ง เลยได้มานั่งปั่นต้นฉบับกันได้ไว และอัพลงเว็ปได้ต่อเนื่องแบบนี้ เพื่อที่คุณผู้อ่านจะได้ไม่ต้องรอนานให้เสียอารมณ์ แต่ในบ้างครั้งที่ผู้เขียนได้อัพลงช้า ถึงช้ามาก ซึ่งผมก็กราบขออภัยกันด้วยครับ และผมก็จะปรับปรุงให้มันไวขึ้น
ส่วนเนื้อหาในเรื่อง ซึ่งหลายท่านที่ติดตามอ่านกันอยู่อาจคิดว่ามันดู อืดอาดยืดยาด ไม่ค่อยสนุกก็ตาม แต่ผมก็อยากจะบอกว่าอย่าเพิ่งเลิกอ่านกันเลยนะครับ เพราะเรื่องนี้มันมาจากประสบการณ์ตรงของผมเอง ผมก็เลยอยากถ่ายทอดมันให้ออกมาอย่างละเอียด ก็เพื่ออยากให้คุณผู้อ่านนั้นรู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งกับผมในเรื่องนี้ เหมือนกับว่าคุณได้อยู่ข้าง ๆ ผมในคุกเลยก็ว่าได้ (หยอก หยอก นะครับ) ติดตามกันมาถึงขนาดนี้แล้วก็อยากให้ตามกันต่อไปจนจบ มันจะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยครับ
การทำดีมันทำง่ายใครก็ทำได้ แต่การที่คนไม่ดีกลับตัวทำดีเป็นคนดี ให้คนอื่นเขาเชื่อนี่สิครับมันยากเย็นจริง ๆ “ขอบคุณที่ให้โอกาสผม และผมก็ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังกลับตัวเป็นคนดีกันทุกคนนะครับ**
ผมนอนแผ่เอาผ้าเย็นปิดหน้า ด้วยความเหนื่อยล้าสุดกำลัง ‘ใจจะขาดให้ได้เลยกู ครึ่งหลังกูจะไหวป่าวว่ะเนี้ย’ ผมนึกในใจขณะนอนหลับตาเอาแรงอยู่ เสียงนกหวีดดังยาว..ให้เริ่มครึ่งหลังได้
“ทำไมมันไวจังว่ะ กูยังไม่หายเหนื่อยเลย “ ผมบ่นขึ้นมาลอย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นใส่รองเท้าก้าวลงสนามต่อไป บรรยากาศโดยรอบมันให้ความรู้สึกดีจริง ๆ เหมือนกับผมกำลังแข่งอยู่ในสนามใหญ่ อย่างไงอย่างงั้นเลยครับ มีนักโทษเกือบพันยืนเชียร์อยู่ล้อมรอบสนามบอล 7คน ลองคิดเล่น ๆ ดูสิครับว่ามันแน่นขนาดไหน
“ใหญ่…ใหญ่..มึงส่าย ๆ อยู่แถวหน้าประตูพอ” ไอ้เบนซ์กำชับกับผมอีกครั้ง ผมพยักหน้ารับ “แล้วไอ้อารต์มันเล่นบอลเป็นไงว่ะ” ผมเห็นไอ้อาตร์มันเปลี่ยนตัวลงมาเล่น ก็เลยถามไอ้เบนซ์ “ไม่รู้ว่ะกูไม่เคยเห็น” ไอ้เบนซ์ตอบกับมาสั้น ๆ
แล้วครึ่งหลังได้เริ่มต้นขึ้น ฝ่ายมันเขี่ยเริ่มเกมส์ก่อน ทันใดนั้นเอง ด้วยความที่ไม่ระวังและคาดไม่ถึงว่าจะเจอยิงแบบนี้ ไอ้บีเขี่ยบอลคืนหลังให้ไอ้อารต์ ซึ่งมันเตรียมวิ่งเพื่อยิงไกลสวนไปทันที ลูกบอลพุ่งเฉียดหน้าผมไปจนมองตามไม่ทัน ผมหันไปมองตามลูกบอลที่พุ่งไปอย่างแรง “สวบ” ลูกบอลซุกก้นตาข่ายนอนนิ่งอยู่ในประตู ‘เงียบกันทั้งสนามไปแป๊บนึง’ ยืนตะลึงกันสิครับไอ้อารต์มองหน้าผมแล้วมันบอกว่า ” 2-1 “ แล้วก็เดินไป บอกเลยว่าอาการที่มันทำกวนตีนสุด ๆ แต่ก็ต้องขอชมมันจากใจจริงเลยว่าลูกยิงลูกนี้มันสวยจริง ๆ
“กูรู้แล้วล่ะว่ามันมีฝีตีนขนาดไหน มึงรู้ยัง” ไอ้เบนซ์ถามกับผม ก่อนที่จะเขี่ยบอลมาให้ผมเพื่อเริ่มเกมส์ “ตีนหนักชิบหาย แบบนี้ก็ต้องเอาคืน” ผมบอกกับมัน ก่อนที่จะค่อย ๆ ต่อบอลกันไปมา ตามที่นัดกัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด ผมแทบไม่ได้สัมผัสบอลเลยในช่วง 5นาทีแรก บอลโดนตัดโดนแย่งตลอด แถมเกมส์มันก็ชักหนักขึ้นทุกที ไอ้อารต์มันเล่นบอลหนักแบบถึงลูกถึงคน หนักทุกดอกไอ้แว่นโดนเตะทั้งคนทั้งบอลจนตัวลอยร้องโอ้ย! ออกมาทันที ผมจึงปี่เข้าไปหามันเพื่อจะเอาเรื่องมันทันที
“มึงเล่นเหี้ย!!ไรของมึงว่ะ” อีกนิดเดียวส้นตีนของผมก็จะได้ถีบยอดหน้ามันอยู่แล้ว ไอ้เบนซ์รีบพุ่งมาล็อคเอวดึงผมไว้จนตัวปลิว “ไอ้ใหญ่..อย่า!!ใจเย็น ๆ มึงทำแบบนั้นมึงจะเข้าทางมันนะ ถ้าทำแบบนี้” สิ่งที่ไอ้เบนซ์บอกผม มันได้ดึงสติผมกลับมาทันที ‘ใช่แล้วเกือบเข้าทางมันแล้วจริง ๆ’ ผมนึกในใจ พร้อมกับตั้งสติผ่อนลมหายใจ เพื่อคุมสติตัวเอง “ไม่เป็นไรพี่ ผมยังเล่นไหว ” เสียงไอ้แว่นพูดกับกรรมการไปแบบนั้น พร้อมกับที่มันรีบกัดฟันลุกขึ้นมาเล่นต่อ
“ใบเหลืองนะ และถ้าขืนยังเล่นตุกติกแบบนี้อีกทีเดียว มึงได้ออกนอกสนามแน่นอน” เสียงของพี่เจ้าหน้าที่ ซึ่งในตอนนี้มาเป็นกรรมการตัดสิน ได้บอกกับไอ้อาร์ต และมันก็ได้กล่าวขอโทษไอ้แว่นที่เล่นแรงไปหน่อย
“ไอ้สัตว์เอ๋ย!!สร้างภาพเก่งจริง ๆ ” ผมพูดขึ้นมาดัง ๆ กับไอ้เบนซ์ เพื่อกระทบให้มันได้ยิน มันมองหน้าผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเลยทีเดียว และเกมส์ก็ดำเนินต่อไป และคราวนี้ฟุตบอลมันก็เริ่มกลับมาเป็นฟุตบอลอีกครั้ง ไม่ใช่หนังสงครามอย่างตอนแรก และผมต้องยอมรับตามตรงเลยว่า ผมรู้สึกสนุกและมันมากที่ได้แข่งกับบ้านมัน ‘ไม่ได้รู้สึกมันอย่างนี้มานานแล้ว (ผมนึกในใจ)
และพอผมรู้สึกสนุกกับบอลอย่างนี้ จู่ ๆ ร่างกายที่ดูเหนื่อยล้า แทบจะหมดแรงเมื่อแรก อยู่ ๆ มันก็กลับมามีแรงอีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนกับว่าเรี่ยวแรงมันจะไม่มีหมดอีกด้วย ผมเริ่มที่จะไม่รู้สึกเหนื่อยเลย อย่างกับว่าร่างกายผมมันได้รวมเป็นส่วนหนึ่งของลูกฟุตบอลไปแล้ว มันช่างลื่นไหลไปโดยอัตโนมัติ
การครองบอลและการอ่านเกมส์ ผมทำได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ผมคอยวิ่งไปทั่วสนาม ค่อย ๆ ต่อบอลทำชิ่งต่อเกมส์กันอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ตัวประกบที่ถูกสั่งให้คอยจับผมตลอดเวลา เป็นมันที่เหนื่อยกว่าผมซะเอง ผมถอยมาเล่นเกมส์รับ มันก็ไม่รู้จะลงมาประกบผมทำไม ก็เลยปล่อยให้ผมวิ่งอยู่ในแดนของตัวเองต่อไป และมันก็คือแผนของผมเอง พอผมได้จังหว่ะ ผมก็ลากเลื้อยบอลมาจากฝั่งตัวเอง หลบ1-2 โยกซ้ายโยกขวาดูแล้วเพลินตาจริง ๆ ใครก็เอาผมไม่อยู่แล้วในเวลานี้..
จากริมเส้นตัดเข้ากลางอย่างไว ไอ้อารต์ยืนขวางผมไว้เป็นด่านสุดท้าย มีรึที่มันจะสกัดผมเอาไว้ได้ ผมรอให้มันพุ่งตัวเขามาหา ก่อนที่ผมจะกดด้วยขวาเน้นๆสวนผ่านหน้ามันไป 2-2 เสมอจนได้ ผมเเป่าปากโล่งใจออกมา ในเวลานี้ผมไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ตั้งสติอยู่แต่กับเกมส์ในสนามเพียงอย่างเดียว
“มึงโดนตัวไหนมาเนี้ยไอ้ใหญ่ ” ไอ้เบนซ์พูดแซวผมยิ้ม ๆ “แรงมันอยู่ตัวพอดี กูก็ไม่รู้ว่ะว่ากูทำได้ยังไง” ผมเองก็หาเหตุผลมาอธิบายให้มันฟังไม่ถูกเหมือนกันว่าผมทำได้ยังไง (แต่อาการแบบนี้เคยเป็นมาก่อน ในตอนที่เป็นนักฟุตบอลให้กับโรงเรียน) เหลือเวลาอีกเพียง 5นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลา มุขเดิม ๆ มันใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เขี่ยแล้วยิงจึงไม่เป็นผลใด ๆ บอลไม่ได้ตรงกรอบประตูเลย
“หมดมุข จะเล่นแล้วไง” ผมผูดแซวออกไปเล่น ๆ ให้พวกมันเสียสมาธิกัน ผมมองภาพรวมในสนามตอนนี้แล้วคิดหาทางปิดเกมในครั้งนี้ให้ได้ ผมเดินไปหาไอ้แว่นแล้วกระซิบอะไรกับมัน และมันก็คือแผนการในครั้งนี้ของผม สายตาของฝั่งตรงข้ามดูจะสงสัยเรื่องที่ผมคุยกับไอ้แว่นทำไม ไอ้เบนซ์ก็มองหน้าผมเพื่อขอคำอธิบายในการกระทำของผม ผมทำแค่หันมาส่งยิ้มให้มันโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ลูกบอลเริ่มตั้งเกมที่ไอ้แว่น ไอ้แว่นมันเองก็เล่นบอลเก่งใช้ได้เหมือนกัน มันไม่รนรานเวลาโดนบีบหรือกดดัน เอาตัวรอดได้เสมอ และประเด็นสำคัญที่ผมเลือกใช้มันครั้งนี้ คือ เซ้นบอลของมันดี มันมักจะพาตัวเองไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เกมนี้ตลอดทั้งเกมมันตัดบอลเข้าสกัดได้หมด ถ้าบอลอยู่ในพื้นที่ของมัน และสิ่งที่ผมบอกกับมันไว้ก็ คือ
“ไอ้แว่นต่อไปนี้มึงไม่ต้องเล่นหลังแล้วนะ บุกขึ้นมาหน้าอย่างเดียวคอยต่อบอลและหาช่องเล่นกับกู” ไอ้แว่นมันทำตามที่ผมสั่งอย่างเคร่งครัด ตามนิสัยของมันที่เชื่อในสิ่งที่ผมบอกอย่างไม่มีอะไรให้มาสงสัย ค่อย ๆ เล่นเนิบ ๆ ดึงเวลาที่เหลือ ให้มันใกล้หมดลง จึงทำให้ไอ้อารต์ ซึ่งมันก็หัวร้อนง่ายอยู่แล้วเป็นทุนเดิม จนฟิวร์มันขาด วิ่งเข้าใส่หวังจะแย่งบอลคืนมาให้ได้ ไอ้แว่นเห็นดังนั้นจึงรีบจ่ายบอลให้ผมที่ยืนอยู่กลางสนาม
ผมเล่นชิ่งกับไอ้เบนซ์กันสองคนไปมา เพื่อให้พวกมันขยับมาทางผมกับไอ้เบนซ์ ซึ่งผมและมันเริ่มขยับมาเล่นกันทางฝั่งขวามากขึ้น จนในที่สุดเมื่อจังหว่ะสุดท้ายที่ไอ้เบนซ์จ่ายคืนมาให้ผม แต่แล้วผมกลับผลิกตัวโยกไปฝั่งซ้ายอย่างเร็ว และมันก็ถูกต้องตามที่ผมคำนวนเอาไว้ ทางโล่งโปร่งตลอดพร้อมกับไอ้แว่นที่วิ่งสอดเข้ามา ผมบรรจงจ่ายบอลให้ไอ้แว่นที่มันสอดเข้ามายืนในจุดที่เหมาะในการยิงประตู
มันมักอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ…คือคำพูดของผมที่ได้บอกเอาไว้ ไม่มีโอกาสให้พวกมันได้แก้ตัวเสียงนกหวีดดังหมดเวลาการแข่งขัน หลังจากลูกบอลที่ไอ้แว่นยิงเข้าไปซุกอยู่มุมประตู 3-2 คือชัยชนะของทีมเรา บังดุลย์กระโดดดีใจจนตัวลอย แกวิ่งมากอดไอ้แว่นแทบจะอุ้มมันวิ่งแห่ไปรอบแดนเลยด้วยซ้ำ
“เต็มเครื่องเลยโว้ย!! ไอ้หลานรัก” บังดุลวิ่งมาหาผม พร้อมกับบอกผมว่าแกฟันยับเลยในครั้งนี้ ผมยิ้มให้แก ผมกับไอ้เบนซ์หันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะหัวเราะซะใจกับเกมนี้ มันมีทุกรสชาติสำหรับเกมวันนี้จริง ๆ ผู้ชนะก็ดีใจไป ส่วนผู้แพ้นั้นก็ไม่มีสิทธิ์พูดไปตามระเบียบ ไอ้อาร์ตเข็นน้ำอัดลมมาให้หนึ่งลัง พร้อมกับบุหรี่อีก 2 แถว ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปากมัน มันยื่นบุหรี่ให้เสร็จก่อนหันหลังเดินกลับไปเลย
“โดนไอ้แว่นยิงไปทีเดียวลิ้นขาดเลยไงวะ” ไอ้เบนซ์ตะโกนแซวตามหลังไป ก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับมา มันดูน่าแปลกและสงสัยว่า มันคงจะแค้นใจมากจริง ๆ สักพักนึงไอ้บีก็ได้เดินเข้ามาหาผมกับไอ้เบนซ์แล้วมันก็ได้พูดขึ้นมาว่า“เป็นเกมที่สนุกมากเลยว่ะ มันจริง ๆ เอาไว้แข่งกันใหม่นะพวกมึง” ผมเองนั้นไม่ได้พูดตอบกลับไป มีแต่ไอ้เบนซ์ที่ตอบตกลงไป
เพราะว่าในตอนนี้นั้น ผมกำลังคิดถึงเรื่องไอ้อาร์ตอยู่ ผมดูมันเงียบ ๆ ชอบกล ใจผมก็นึกถึงแต่เรื่องที่ไม่ดีว่ามันกำลังจะต้องเกิดขึ้นแน่ ๆ ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนนี้ และผมเองก็มักจะมีเซ้นส์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ซะด้วยสิสังหรณ์ใจทีไรได้เรื่องทุกที..เฮ้อ…ขอให้ครั้งนี้สังหรณ์ใจพลาดทีเถอะ คิดเอาไว้ในใจ” (โปรดติดตามตอนต่อไป) “หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ” # คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 65
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun