คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 69
บทที่ 69 บทลงโทษ
” จงอย่าเป็นคนที่แข็งกร้าว แต่จงเป็นคนที่แข็งแกร่ง จงทำตัวเองให้เหมือนไม้ไผ่ อย่าทำตัวเป็นไม้ใหญ่ ถึงจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน แต่ก็หักได้ตลอดเวลา “
** เรื่องบางเรื่อง คุณอาจบอกว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆแต่สำหรับใครบางคนอาจเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของแฟนเราด้วยละก็ คุณอย่าเอาความคิดคุณเองคิดโดยเด็ดขาด ‘ว่าไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้เอง’ “เพราะว่าอันที่จริงแล้วมันไม่ใช่แค่นี้เองหรอกครับ”
ผู้หญิงเป็นคนที่เข้าใจยากนะครับ คุณผู้อ่านว่าไหม แต่บางครั้งบทจะเข้าใจง่าย ก็ง่ายซะจนเราคาดไม่ถึง แต่บางครั้งบางที่ท่าถึงคราวที่คุณเธอทั้งหลาย เอาแต่ใจแล้วละก็ขอบอกว่าสุดๆ ถ้าใครไม่มีคู่จะไม่เข้าใจในจุดนี้แน่นอน ส่วนตัวผมนั้นเข้าใจดีเลยล่ะ ถึงได้รู้ไงครับว่าการเอาใจผู้หญิงเนี่ย มันยากนะครับยากที่จะทำให้ถูกใจเธอได้ แต่ถ้าเราสามารถรู้จุดรู้ใจเธอ รู้ว่าเธอชอบอะไรไม่ชอบอะไร มันก็ไม่ยากเกินความสามารถผู้ชายอย่างเราหรอกครับ
ที่ผมพูดเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะบอกว่าการมีชีวิตคู่มันดีนะครับ ถ้าใครมีก็จงรักษามันเอาไว้ให้ดีที่สุด เพราะว่าขนาดคำสุภาษิตไทยยังบอกเลยว่า “สองหัวดีกว่าหัวเดียว” แต่ถ้าใครคิดว่า ตัวคนเดียวเฟี้ยวกว่าเยอะ อันนี้ก็ไม่แปลกมันอยู่ที่มุมมอง มันอยู่ที่ความชอบของแต่ละคนครับ และคุณผู้อ่านล่ะชอบแบบไหน..**
หลังจากที่ตัวผมขึ้นห้องขังมาได้ไม่เท่าไหร่ หันไปมองข้างกายเห็นเพียงที่นอนเปล่า ๆ 1 หลัง มันรู้สึกใจคอไม่ดียังไงไม่รู้ เวลาที่ไม่มีไอ้แว่นอยู่ข้าง ๆ มันดูเหมือนว่าผมขาดอะไรไป นี่ผมติดมันหนักขนาดนี้เลยหรือนี่ ผมต้องบอกก่อนว่าผมไม่ใช่พวกเกย์หรือพวกรักร่วมเพศนะครับ ผมก็รักผู้หญิงไม่ใช่รักผู้ชายด้วยกันครับ(กลัวว่าคุณผู้อ่านอาจจะคิดไปไกล)ทผมเป็นห่วงมันครับ ในฐานะพี่ชายเป็นห่วงน้องชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง
การที่มันต้องเจ็บตัวเพราะผมในครั้งนี้ มันทำให้ผมได้รู้ว่า มันเป็นห่วงผมมากแค่ไหน แล้วมันก็ติดตามผมอยู่เสมอ ตัวมันนั้นอยู่ข้างผมคอย support ผมคอยช่วยเหลือผมในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว มันจะไม่สามารถเข้ามาบังผมได้ทันเลยในสถานการณ์ที่ชุลมุนแบบนั้น
การที่คุณติดคุกและคุณได้มีเพื่อน หรือมิตรแท้อย่างไอ้แว่นแบบผม ถือว่าหายากมากนะครับ ผมก็เลยคิดว่าผมโชคดีที่มีคนรู้ใจอย่างมันเข้ามาในชีวิตผม มันจึงทำให้ผมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือมัน เพราะว่าการมีเรื่องกันในคุก มันหนักถึงขนาดนี้เปอร์เซ็นต์ในการย้ายแดนนั้นมีสูงมาก แต่ผมไม่ให้มันย้ายไปไหนแน่นอน ผมต้องปกป้องมันอย่างที่มันปกป้องผม ผมจะทำทุกทางเท่าที่ผมทำได้และมีปัญญามีช่องทาง ผมต้องช่วยมันครับ
“ไงมึง..ใหญ่เป็นไงบ้างวะ และทำไมมีเรื่องขนาดนี้มึงสองคนไม่เรียกรวมตัวมาปรึกษากันก่อนวะ กูก็เพื่อนก็พวกมึงเหมือนกันนะ มึงกับไอ้เบนซ์ทำอะไรไม่ค่อยอยากจะบอก ” ไอ้อ๊อฟตู้มันพูดแล้วก็บ่นกับผม
“ตอนนั้นเวลาคิดมันน้อยไอ้อ๊อฟ ไอ้เบนซ์เองใจมันร้อนมึงก็รู้ แล้วยิ่งมันเห็นไอ้หยี ลูกชายมันปากเปิกเยินกลับมาแบบนั้น มันแทบจะวิ่งไปตอนนั้นให้ได้ กูเองแทบจะเกาะเอวดึงมันรั้งมันอยู่แล้ว ก็เลยไม่มีเวลาเรียกรวม พอหาเหล็กกันได้ก็ไปกันเลย มึงอย่าคิดมากไอ้อ๊อฟ กูรู้มึงคือเพื่อนกู มึงอยู่ในใจเสมอ กูไม่เคยมองข้ามมึงหรอกมึงจำไว้ “ผมอธิบายให้ไอ้อ๊อฟมันได้เข้าใจ ถึงสถานการณ์ในตอนนั้นที่มันดูจะฉุกละหุกเกินไป
“ไอ้ใหญ่มึงลงมานี่ดิมาคุยกับกูหน่อย ” เสียงของไอ้ต้นหัวหน้าห้อง เรียกผมให้ลงมาคุยกับมัน ก็คงจะเป็นห่วงและอยากจะถามผม ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและเรื่องที่คุยกับพี่เวียง และก็อยากจะถามผมต่อว่าจะเอายังไง ผมกับไอ้อ๊อฟตู้ก็เลยต้องลงจากเหล่าเต๊ง เพื่อไปคุยกับมันหน้าห้อง ในตอนนั้นมีผมไอ้ต้นไอ้บอยดำและไอ้อ๊อฟ เราทั้ง 4 คนต่างล้อมวงคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปากของผม ผมก็เล่าถึงเรื่องราวต้นตอของปัญหา ให้พวกมันทั้ง 3 คนฟังจนมาถึงบทสรุปสุดท้าย ที่ผมได้คุยกับป๋าเวียงว่าแกบอกให้ทำยังไง
“ป๋าเวียงพูดแบบนี้แล้ว ก็คงไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ แต่ไอ้ใหญ่! มึงมีเหี้ยอะไร มึงน่าจะบอกพวกกูกันบ้าง ไม่ใช่ให้พวกกูต้องมารู้ทีหลังแบบนี้ มันเสียความรู้สึกว่ะ กูไม่รู้เหี้ยอะไรเลย กูนอนหลับอยู่มารู้อีกทีก็ไอ้ปั๊กที่นวดกูอยู่ มาปลุกกูบอกว่าในแดนมีเรื่องกันเท่านั้น กูก็ยังไม่รู้ว่าเป็นมึงกับไอ้เบนซ์ พอกูได้ยินเสียงในแดนมันโวยวายหนักขึ้นกูเลยลุกไปดู อ้าวไอ้เหี้ยสองตัว มึงทั้งสองคนเลยนี่หว่า กูรีบลุกวิ่งไปก็ไม่ทันแล้ว อีช้อยเก็บฉากไปหมดแล้ว” ไอ้ต้นออกอาการตัดพ้อต่อว่าผม แถมยังพูดติดตลกเอาฮาอีกด้วย
” เออกูต้องขอโทษพวกมึงด้วยแล้วกัน ที่ทำอะไรไม่ปรึกษา แต่จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เรื่องของกูโดยตรงด้วย แล้วอีกอย่างไอ้เบนซ์ใจมันร้อนพวกมึงก็รู้ใช่ไหม ถ้ามัวแต่รอปรึกษากัน ตัวมันโดนแทงนอนมันจุกอยู่กลางสนามแน่นอน แต่อันที่จริงก็ไม่ต้องถึงมือพวกมึงกันหรอก แค่กูกับมันสองคนบ้านมันก็พังราบคาบแล้ว เอาไว้หาเรื่องใหญ่กว่านี้ดีกว่า จะให้พวกมึงเชิดฉายกันบ้าง เป็นไงฟังดูดีป่ะ ” ผมก็ไม่อยากจะให้เครียดกัน ก็เลยพูดตลกขำ ๆ ไป เรียกเสียงหัวเราะกันไปได้บ้าง และเราทั้ง 4 คนก็จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบกัน ถึงตอนนี้ผมก็เลยจะเอาเรื่องของไอ้แว่น มาเปิดประเด็นและขอคำปรึกษาพวกมันทั้ง 3 คน เพราะแต่ละคนก็มีลูกพี่เผื่อจะหาช่องทางที่ช่วยเหลือไอ้แว่นมันได้ง่าย ผมเลยเอาเรื่องเครียดมาเปิดประเด็นตอนนี้ซะเลย
“จะเป็นห่วงกูก็เป็นห่วงไอ้แว่นว่ะ เพราะว่าหาใครมารับแทนมันไม่ได้ หลักฐานมันฟ้องคาแขนขนาดนั้น จะทำยังไงดีวะ หาทางไม่ให้มันโดนย้ายแดน พวกมึงคิดเห็นยังไงกันบ้าง มีทางช่วยมันบ้างเปล่าวะ เพราะกับป๋าเวียงเอง กูก็ไม่อยากจะรบกวนแกแล้ว แค่นี้ก็เยอะแล้ว” ผมถามความคิดเห็นของสหายทั้ง 3
“กูว่ามันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ ก็ให้ทางพวกไอ้บีย้ายไปสิ เอาทางฝั่งเราอยู่นี่กูว่ามันก็ไม่น่าจะยากอะไร อยู่ที่มันจะโดนสลักหลังให้ย้ายด่วนหรือเปล่าเท่านั้นเอง เพราะถ้าโดนสลักหลังมาแบบนั้น มันก็มีทางเดียวก็ต้องหาทางเสียตั๋ว เพื่อไม่ให้มันย้ายเงินมึงมีใช่ไหมล่ะไอ้ใหญ่” ไอ้ต้นออกความคิดเห็นมาแบบนี้ให้ผมฟัง
” เรื่องตั๋วมันไม่ใช่ปัญหาหรอกไอ้ต้น กูหาได้พอมีเก็บอยู่ แต่ปัญหามันมีอยู่ที่ กูจะเสียให้ใครนี่ล่ะสิ มึงรู้ไหมล่ะ? ถ้ามึงรู้มึงจัดการได้มึงเป็นธุระให้กูทีนะ…ว่าไงเพื่อน ไอ้แว่นมันก็เหมือนน้องกูไอ้ต้น มันเจ็บตัวขนาดนี้ก็เพราะกู กูไม่อยากให้มันต้องลำบากไปมากกว่านี้แล้วว่ะ เป็นธุระให้กูหน่อยนะ “เจอคำพูดของผมไปไอ้ต้นไม่รับปากก็ให้มันรู้ไปสิ
” เออเดี๋ยวกูช่วยดูให้เอายังไงเรื่องมันก็ต้องถึง ผบ.แดน เดี๋ยวกูดูเอกสารอีกทีมึงนะหาแต่เรื่องแต่ราวเดือดร้อนกูอีกแล้ว ” ตามสไตล์ไอ้ต้นบ่นแต่ก็ช่วย ได้ยินเพื่อนรับปากแบบนี้ผมรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก อันที่จริงผมก็จัดการเองก็ได้ แต่ผมเกรงใจป้าเวียงเขา ให้เขาช่วยผมกับไอ้เบนซ์ผมก็คิดว่ามันเยอะมากพอแล้ว อันไหนเราคิดว่าเราจัดการเองได้ เราก็ต้องจัดการเองเป็นการดีที่สุด
ผมเป็นคนประเภทที่ไม่อยากใช้โอกาสที่มีอยู่เปลืองหรือพร่ำเพื่อ เก็บมันเอาไว้ใช้ในเวลาที่สำคัญกว่านี้ดีกว่า แต่ก็แตกต่างกับคนอื่น ๆ นะครับ บางคนยิ่งอยู่ใกล้เจ้าหน้าที่ มีโอกาสแม่งใช้ฉิบหาย ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องน้อยแม่งใช้หมด กลุ่มคนประเภทนี้มีเยอะครับ คนแบบนี้ในคุกเรียกว่าพวกชอบโชว์ “พาวเวอร์”
“แต่งานนี้กูขอบอกได้เลยว่า ไอ้แว่นแจ้งเกิดมากที่สุด กูเห็นกับตาจังหวะที่มันเอาตัวบังมึง และหันกลับไปแทงไอ้บี ไอ้บีร้องอย่างหมาเลยว่ะ ดีที่ทะลุแก้มถ้ามันเล็งต่ำกว่านี้ 5-6เซนต์ กูว่าเข้าคอไอ้บีมันแน่นอน ป่านนี้ไอ้บีได้กลับบ้านไวไปแล้ว(ตาย)” ไอ้บอยดำพูดขึ้นมา ถึงเรื่องเกี่ยวกับไอ้แว่นและวีรกรรมของมัน
“ดีแล้วล่ะที่มันไม่แทงต่ำไปกว่านี้ แค่นี้ก็แย่พอแล้วสำหรับมัน มันไม่ใช่เด็กเกเรพวกมึงก็รู้ แต่มันตามกู กูถึงอยากจะรับผิดชอบถึงแม่มันรู้กูก็ไม่รู้จะพูดยังไงกับแม่มันดี เขาอุตส่าห์ไว้ใจให้กูดูแลลูกเขา แล้วกูเชื่อเหลือเกินเปิดทำการเมื่อไหร่ตีเยี่ยมกูออกไปแน่” ผมได้ระบายความในใจให้พวกมันฟัง ถึงเหตุการณ์ข้างหน้าว่าจะเป็นยังไงต่อ
ผมเดาออกหมด ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมขอโดนตีเองดีกว่า ผมไม่ได้พูดว่าให้ดูดีอะไรหรอกครับ แต่มันคือเรื่องจริงสำหรับนิสัยของผม เจ็บเองเรายังทนได้ รับได้ แต่อย่าให้ใครต้องมาเจ็บแทนผม รับแทนผม เพราะอะไรรู้ไหมครับ ก็เพราะว่าผมไม่อยากต้องมาเป็นหนี้บุญกับใคร เป็นหนี้เรื่องเงินเรายังรู้จำนวนว่ามันเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นหนี้บุญคุณใคร มันไม่มีจำนวนบอก และไม่รู้เลยว่าจะใช้เท่าไหร่จึงหมด อย่างที่ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้วในเรื่องนี้ สำหรับในคุกถ้าเราเป็นหนี้บุญคุณใคร ใช้ให้ตายยังไงก็หมดยาก วันดีคืนดีทะเลาะกันหรือว่ามันต้องการอะไรสักอย่าง มันก็จะยกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
นั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ ๆ พอหมดเรื่องคุยต่างคนก็ต่างแยกย้ายที่นอนใครที่นอนมันตัวผมเองในตอนนี้ก็เพลียเอามาก ๆ วันนี้ใช้แรงไปเยอะครับก็เลยอยากจะขอหลับยาว ๆ ไปเลยดีกว่า แล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่คิดพอหัวถึงหมอนได้ผมก็หลับไม่รู้เรื่อง ผมมารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนเช้าเพื่อเตรียมตัวลงจากขัง
“โอ้โหกูหลับยาวขนาดนี้เลยหรอวะไอ้อ๊อฟ ” ผมถามกับมันเพราะมันเป็นคนปลุกผม ” ก็ใช่อ่ะดิกูก็นึกว่าตายมึงหลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรอไม่รู้สึกปวดเยี่ยวหิวน้ำอะไรเลยไง ” มันคงแปลกใจเลยถามผมไปแบบนั้น
” พอมึงถามแบบนี้กูเลยหิวน้ำขึ้นมาเลยว่ะคอแห้งชิบหาย ” ผมหยิบขวดน้ำโพลาริสที่เอาขึ้นมากินบนห้อง ยกกระดกทีเดียวหมดขวดเลย
เช้าวันนี้พอลงจากขัง ผมคิดว่าอากาศวันนี้หนาวกว่าทุกวัน แล้วผมก็มีปัญหาใหญ่เลยละ ในเมื่อไม่มีไอ้แว่นอยู่แล้วกูจะกินกาแฟยังไงวะ ก็เพราะในเมื่อทุกเช้าไอ้แว่นมันเป็นคนจัดการ หาน้ำร้อนมาชงกาแฟมันเป็นคนทำเองหมดทุกอย่าง ดังนั้นผมจึงคิดว่าไปฝากท้องที่ร้านเพื่อนผมดีกว่า
“ไอ้คมมีกาแฟกินป่ะ” ผมเดินไปหาเพื่อนซี้อย่างไอ้คม เพราะว่ามันไม่ทำให้ผมผิดหวังแน่นอน” มีสิ..มึงมานั่งก่อน เดี๋ยวกูให้ไอ้กอล์ฟไปชงมาให้” พูดจบมันก็หันมาสั่งไอ้กอล์ฟ “กอล์ฟขอเข้ม ๆ หวาน ๆ นะ” ผมจึงหันไปสั่งบอกไอ้กอล์ฟขอรสชาติที่คุ้นเคย
“เป็นไงมึง ไอ้แว่นไม่อยู่ พิการเลยว่างั้น ” ไอ้คมมันคงเดาออกถึงจุดประสงค์ที่ผมได้มาหามัน เลยพูดแซวผมแบบนั้น “ก็ใช่อ่ะดิ “ผมตอบไปสั้นๆ แล้วก่อนที่กาแฟจะมาถึงผมกับไอ้คม เราก็ได้มาคุยกันถึงเรื่องไอ้แว่น ว่าผมจะช่วยมันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทำยังไงก็ได้ไม่ให้มันโดนย้าย เราคุยกันได้สักพัก กาแฟฝีมือไอ้กอล์ฟก็มาถึงตรงหน้า แต่พอผมได้กินเข้าไป มันกลับให้ความรู้สึกธรรมดาไม่เหมือนอย่างที่ไอ้แว่นชงจริง ๆ ผมคิดว่าในคุกไม่มีใครชงกาแฟได้อร่อยเท่าไอ้แว่น น้องผมได้แล้วล่ะครับ….(ติดตามตอนต่อไป)”หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ” # คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 69
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun