บทที่ 75 ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่.
“อยากรู้ว่าใครรักคุณแค่ไหน ให้ดูตอนที่มีปัญหาตอนไม่มีเงิน ตอนชีวิตล้มเหลว เพราะการอยู่ข้างสิ่งเหล่านี้ ต้องใช้หัวใจล้วน ๆ”
** สวัสดีเพื่อนๆทุกคน มาแล้วครับผม ขอรายงานตัว ก่อนอื่นต้องขอโทษที่ห่างหายไปนานหลายอาทิตย์เหมือนกัน ที่หายไปก็เป็นเพราะผู้เขียนไม่สบายอีกทั้งปัญหาส่วนตัวด้วย จึงทำให้คิดอะไรไม่ค่อยออก มันไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้อยากจะบอกว่า หายดีแล้วครับทั้งร่างกายและจิตใจ หวังว่าทุกคนคงยังไม่เลิกอ่านงานเขียนของผมนะครับ ช่วงนี้อากาศหนาวก็ขอให้เพื่อนๆพี่ๆ น้องๆ ดูแลสุขภาพร่างกายกันด้วยนะครับ อีกไม่กี่วันก็จะผ่านพ้นปีแล้ว อยากรู้จังว่าเพื่อนๆมีแผนไปเที่ยวที่ไหนกันหรือเปล่า แต่ส่วนตัวผู้เขียนนั้นยังไม่รู้เลยครับ แต่ถ้าผู้เขียนได้ไปก็จะมีเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังกันอีกแน่นอนครับ **
ในที่สุดเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 วันที่แล้วในที่สุดก็ได้ข้อยุติเสียที ทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปด้วยดี ซึ่งผมก็ยังถือว่าโชคยังเข้าข้างผมอยู่ ผมลองมาคิดดูระยะเวลาเพียงแค่ 6 เดือน ผมมีเรื่องมาแล้วทั้ง 2 แดน และการมีเรื่องแต่ละครั้งผมก็ยังเอาตัวรอดได้เสมอ แต่ผมอยากจะบอกว่าทุกครั้งที่มีเรื่อง ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ใช่เรื่องของผมโดยตรง
เรื่องมันมักจะมาจาก คนรอบข้างของผมเสมอ แต่ถ้าเราอยู่ในคุก และถ้าคิดจะเดินแรง เราก็ต้องแสดงให้คนอื่นเขารู้ ว่าเราเป็นคนแบบไหนยังไงถ้าเราปล่อยผ่านหรือมองข้ามมากเกินไป คนอื่นก็จะมองข้ามเราได้ และนี่คือเหตุผลว่าทำไม ผมไม่เคยคิดหลีกเลี่ยงถ้ามีเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องใครก็ตามที่เป็นเพื่อนของผมหหรือจะเป็นเรื่องของผมเองโดยตรงก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องของผมเองแล้วละก็ บันเทิงครับ เพราะถ้าใครมีเรื่องกับผม รับรองจบยากแน่นอน ที่มันจบยากก็เพราะมันเป็นนิสัยส่วนตัวของผมเองด้วย
ตอนนี้ผมเดินมาถึงบ้านใต้บันได เพื่อรอเวลาเอาเงินไปให้พี่ ผมนั่งตูดยังไม่ทันหายร้อน ไอ้บอยดำและไอ้ต้นต่างก็มาถามผมถึงเรื่องที่เข้าไปคุยกับพี่ว่ายังไงบ้าง ผมจึงเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้มันฟัง พอเล่าจบก็ดูเหมือนว่ามัน 2 คนค่อนข้างจะโล่งใจในคำตอบของผมที่บอกไป
” แล้วก็หาเรื่องหาราวใหม่นะมึง ” ไอ้ต้นพูดออกมาให้ผมได้ยิน ผมฟังแล้วก็ไม่ได้โกรธอะไรมันหลอกครับ เพราะรู้ว่ามันแค่พูดแซวผมเท่านั้น
”กูหรอที่ชอบหาเรื่องไอ้ต้น ชิบหายส่วนมากเรื่องจะมาหากูเองมากกว่า เรื่องแม่งก็มาจากเพื่อน ๆ เรานี่แหละตัวดีทั้งนั้น” ผมจึงพูดแก้ตัวออกไปแบบตรงจุด ซึ่งก็ทำให้คนฟังอย่างไอ้ต้นและไอ้บอยดำ ถึงกลับหัวเราะออกมา เพราะว่าสิ่งที่ผมนั้นพูด มันคือเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไอ้ใหญ่.. เดี๋ยวของกินเข้ามามึงไปเช็คกับไอ้อ็อฟมันนะ กูบอกมันไปแล้ว” ไอ้ต้นบอกกับผมพร้อมกับยื่นรายการของกินที่เบิกมากินเลี้ยงบนห้องในวันนี้ให้กับผม” ทำไมต้องเป็นกูด้วยว่ะ ไอ้อ๊อฟกับเด็กในบ้านเราก็ได้สักคนนึง “ ผมบอกกับไอ้ต้น
“ไม่ได้เรื่องเงินเรื่องของกูไว้ใจมึงมากที่สุด มึงมันละเอียดรอบคอบ เพราะไอ้นิวเด็กร้านค้าที่จัดของให้ห้องเรา กูพึ่งรู้ว่ามันเป็นหนี้เยอะตอนนี้ เดี๋ยวมันโยกของเราไปขายใช้หนี้ สัก300-500ใครจะไปรู้ ของกินห้องเรามันน้อยซะที่ไหน หายไปยังไงก็ดูไม่ออกหรอก”
มันก็จริงที่ไอ้ต้นมันพูดมาทั้งหมด ถ้าไอ้นิวมันทำจริงเอานั้นขาดสองอย่าง นี่ขาดสามอย่าง เฉลี่ยๆกันไปให้ดูเท่ากัน แบบนี้ไม่มีทางดูออกแน่นอน ผมก็เลยต้องรับหน้าที่นี้ไปตามสมควร ผมหันไปดูไอ้แว่นก็เห็นมันนอนหลับอยู่ก็เลยไม่อยากกวนมัน ผมเลยหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเพื่อฆ่าเวลาต่อไป
อากาศเย็นกำลังดีในฤดูหนาวแบบนี้ เล่นทำเอาผมเกือบหลับ พอดีกับของเบิกที่เบิกเอาไว้เข้ามาพอดี รถเข็นจำนวน 5คัน ของสวัสดิการร้านค้าผู้ต้องขังที่บรรทุกสินค้ามาอย่างเต็มพิกัด ได้ถูกเข็นมาจอดที่กลางสนามฟุตบอลในแดน ซึ่งดูแล้วของที่ขนมารอบนี้นั้น มันยังไม่หมดเพียงแค่นี้แน่นอน คงต้องกลับไปขนมาอีกรอบสองรอบเป็นแน่ ไอ้อ๊อฟตะโกนเรียกผมให้ลุกจากที่นอน และเดินตามมันไปเสียงดังลั่น
“ไอ้ใหญ่..! มาเร็วๆดิเดี๋ยวคนเยอะ” มันไม่ได้กลัวคนเยอะหรอกครับผมรู้ มันจะรีบไปดูมวยตู้ที่กำลังเปิดดูกันอยู่ที่ใต้ถุนเรือนนอน“เออ… กูรู้แล้ว รีบร้อนจังทำไมแทงคู่นี้ไปเยอะไง แดงหรือน้ำเงินละ” ผมพูดดักคอมันเหมือนคนรู้ทัน ตอนที่ผมเดินไปถึงมันพอดี
“ใครชกว่ะ” ผมถาม ” เสือคิมกับตลาดแขก” ต่อ 5-4″ ไอ้อ๊อฟบอกกับผมพร้อมราคาเล่นให้เสร็จสรรพ และพอผมได้ยินชื่อเสือคิมชก มันก็ทำให้ผมต้องสนใจในทันที “งั้นมึงไปดูมวยต่อเลยไอ้อ๊อฟ ทางนี้กูจัดการคนเดียวได้ ฝากแทงให้กูด้วยพันนึงนะใครรอง 5-4 รับมาเลยเอาหมด” ผมบอกกับมัน ไอ้อ๊อฟผยักหน้าแล้วรีบวิ่งไปหน้าทีวีอย่างเร็ว เพราะว่ามวยกำลังเริ่มชกพอดี
ด้านไอ้นิวเด็กร้านค้าก็กำลังเอาของกินของห้อง2/5 ลงจากรถเข็นมากองรวมกันไว้มุมนึงของสนาม “พี่ใหญ่ครับ เหลือน้ำอัดลมกับขนมของแห้งที่เอามาไม่หมด ส่วนนี้เป็นพวกกับข้าวและก็ขนมของสดทั้งหมดที่ห้องเราเบิกมาครับ” ไอ้นิวแจกแจงบอกกับผม
“ทั้งหมดมีเท่านี้นะนิว ครบใช้ไหมนิวไม่มีค้างนะ” ผมถามย้ำมันไปอีกที พร้อมกับมองหน้ามันไปด้วยเป็นเชิงหลักจิตวิทยา เพื่อจะดูอาการว่ามันส่อพิรุธอะไรหรือเปล่า มันได้มีนอกมีในกับของกิน ส่วนรวมบนห้องหรือไม่ หรือว่ามันจะทำอย่างที่ไอ้ต้นสงสัย พอพูดจบผมก็ทำท่ากางกระดาษ เพื่อให้ไอ้นิวมันเห็นถึงรายการอาหารที่จดเอาไว้อย่างถี่ถ้วนเป็นระเบียบ และสัดส่วนของกับข้าวก็ส่วนกับข้าว ขนมส่วนขนมมีกี่ถุงกี่อย่างชื่ออะไรบ้าง
ผมเห็นครั้งแรกยังยอมรับเลยว่าไอ้คนที่เขียน ต้องเป็นคนที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยในตัวเองดีมากอย่างไม่ต้องสงสัยกันเลย ถ้าไอ้นิวมันยักยอกของเอาไปขายเพื่อใช้หนี้จริง แล้วมันเห็นโพยในกระดาษของผม มันต้องคิดหนักอย่างแน่นอนถ้าทำแบบนั้น
” ทุกอย่างครบครับพี่ใหญ่ ไม่มีอะไรขาดหรือค้างเลย ของสดถ้าอันไหนไม่มาส่ง ผมก็โยกไปเป็นอย่างอื่นแทนแล้ว มันก็มีไม่กี่อย่างหรอกครับ แต่รับรองได้ว่าครบ ผมเช็คตั้ง 2 รอบ ไม่มีหายแน่นอนครับ “ พอไอ้นิวได้ยินที่ผมถามซ้ำออกไป ตัวมันเองนนั้นจึงรีบพูดเสียงดังฟังชัดออกตัวอย่างเร็วว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
ก่อนที่ตัวไอ้นิวมันจะรีบเข็นรถเข็นออกไปอีกรอบ เพื่อจะไปขนเอาน้ำอัดลมกับขนมขบเคี้ยวอีกระลอกนึง ดังนั้น ผมจึงค่อยๆ แกะถุงกับข้าวเอาออกมาเช็ค ซึ่งส่วนมากกับข้าวจะมีอย่างละ 10 ถุงด้วยกัน แกง 10 ถุง กระเพรา 10 ถุง ต้ม 10 ถุง ไก่ทอด 10 ถุง หมูทอด 10 ถถุง หมูกระเทียม 10 ถุง ทุกอย่าง 10 ถุง อะไรประมาณนี้
เพราะมันจะง่ายแก่การเช็คและการสั่งซื้อในตอนแรก ส่วนเรื่องข้าวไม่ต้องห่วง ทางโรงเลี้ยงเขาจะจัดการให้ แค่รอทางโรงครัวนั้นหุงข้าวให้เป็นพิเศษ หลังจากที่กินมื้อเย็นกันจนเสร็จแล้ว ก็จะมีข้าวให้ห้องละ 1 หม้อด้วยกัน ซึ่งมันก็เพียงพอ ต่อประชากรนักโทษในห้องที่มีประมาณห้องละ 100 กว่าคน ส่วนจานชาม ช้อน แต่ละห้องก็ต้องเตรียมมากันเอง เอาไปเท่าไหร่ก็ต้องเอาลงมาคืนเท่านั้น เพราะบอกได้เลยว่าจานชามนั้นเป็นสิ่งสำคัญ อย่างมาก เพราะถ้าหายหรือไม่พอใช้ มันจะเป็นปัญหาในการจัดโต๊ะโรงเลี้ยงตอนกินข้าว
ดังนั้นมันก็เลยต้องมีการลงลายลักษณ์อักษร ว่าห้องนี้เอาไปเท่าไหร่ ห้องนั้นเอาไปกี่ใบ แล้วเวลาที่ต้องเอาจานชามมาคืนก็คนที่ลงชื่อไว้นั้นแหละรับผิดชอบ ต้องส่งคืนให้ครบทุกใบ
ผมยืนเช็คกับข้าวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว โดยการแยกประเภทเอาไว้เป็นกองๆ และค่อยเช็คทั้งหมดในคราวเดียว ” ไอ้นิวมันพูดถูก ของกินทุกอย่างครบหมดแล้วจริงๆ มันทำอย่างที่มันบอกจริงด้วย” ผมคิดในใจ ผมกำลังจะตะโกนเรียกให้เด็กในบ้านมาเอาถุงกับข้าวทั้งหมดไปเก็บ
“เฮ้!!!! ฮิ้ววว”.. เสียงตะโกนโห่ร้องดังลั้นมาจากใต้ตึกที่ดูมวยกัน แค่นี้ผมก็พอเดาได้ว่ามีนับหรือมีน็อคกันเป็นแน่ และผมเองไม่ต้องให้สงสัยนาน สายตาของผมได้เห็นไอ้อ๊อฟตู้ วิ่งมาหาผมด้วยความดีใจ ยิ้มแก้มแทบปริ ลักษณะแบบนี้ แปลว่ามวยที่เราทั้งคู่แทงด้วยกันไปออกดอกออกผลให้เราได้เก็บกินนั่นเอง
(โปรดติดตามตอนต่อไป) ” หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ” # บทที่ 75 ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่.
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun