By AI AI
มหาศึกคนชนเทพ ศากยมุณี (buddha)
เรื่องราวในอนิเมะมหาศึกคนชนเทพ
ในส่วนของอนิเมะ มหาศึกคนชนเทพ ก็ได้หยิบยกนำเอาประวัติของบุดด้า หรือ ศากยะมุณี นำมาปรับเปลี่ยนตีความใหม่ตามแบบฉบับของตัวอาจารย์ผู้เขียนเอง โดยที่ยังอิงจากเนื้อหาเดิมอยู่ส่วนหนึ่ง โดยจะกล่าวว่า บุดด้า หรือ พระพุทธเจ้าศาสดาแห่งศาสนาพุทธนั้น แต่เดิมท่านเคยเป็นมนุษย์ มีนามว่า สิทธัตถะ เป็นบุตรชายของพระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองกบิลพัสดุ์ แห่งแคว้นสักกะ ชีวิตของท่านก็เหมือนกับบุตรของกษัตริย์ทั่วไป ต่างมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่เคยมีเรื่องต้องให้ทุกข์ร้อนใจแต่อย่างไร ท่านได้ร่ำเรียนวิชา และได้แสดงถึงความสามารถปรีชา จนถึงขนาดที่ว่า เมื่อท่านโตขึ้นจะต้องเป็นผู้ปกครองเมืองที่ดี และนำพาราชวงศากยะไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน
จนเมื่อท่านเติบใหญ่ ท่านก็ได้มีความคิดอยากที่จะออกไปสำรวจยังที่ต่างๆ โดยเฉพาะในเมืองว่ามีผู้คนเป็นอย่างไรบ้าง และแน่นอน เป็นครั้งแรกที่พระองค์ได้เห็นว่า ชีวิตในวังกับข้างนอกนั้นช่างแตกต่างมากเหลือเกิน ท่านได้พบเห็นคนแก่ที่เจ็บไข้ได้ป่วย ร่วมถึงผู้คนที่กำลังอดอยากไม่มีจะกิน เมื่อเห็นเช่นนั้นท่านก็รู้สึกสงสาร จึงได้นำอาหารมาแจกจ่ายให้กับคนเหล่านั้น การกระทำนี้ของท่าน ทำห้ผู้คนต่างให้ความเคารพนับถือและรักในความมีเมตตาของท่าน พอได้เห็นภาพเหล่านั้นมากขึ้น ท่านก็เกิดคำถามในใจขึ้นมาว่า ทำไมพวกเขาต้องมีชีวิตที่ลำบาก และไร้ความสุขเช่นนี้ นานวันเข้า ท่านก็ได้เห็นความเป็นไป ร่วมถึงวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตที่มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย ลงตามธรรมชาติ คำถามเหล่านี้ต่างอยู่ในหัวของท่านเรื่อยมา
จนวันหนึ่งท่านได้ทราบข่าวเกี่ยวกับสุขภาพของพี่น้องร่วมสาบานของท่าน ซึ่งพี่น้องร่วมสาบานคนนี้มีชื่อว่า ซตากะ เป็นเจ้าเมืองผู้ปกครองแคว้นมัลละเฉกเช่นเดียวกับตัวท่าน และเป็นบุคคลที่สิทธัตถะให้ความนับถือ และยกย่องให้เป็นเหมือนแบบอย่างที่ท่านจะต้องเป็นให้ได้ในซักวันหนึ่ง ท่านจึงรีบรุดไปเยี่ยมพี่ชายคนนี้ในทันที
เมื่อมาถึงสิทธัตถะได้เข้าไปเยี่ยมพี่ชาย พร้อมทั้งชวนกันไปเดินเล่นข้างนอก ในระหว่างการเดินเล่น สิทธัตถะได้พูดชมการปกครองและบอกว่าพี่ชายของเขา ชาตากะเป็นผู้ปกครองที่เก่งจริงๆ ในช่วงการเดินทาง เขาเห็นมีแต่ชาวเมืองมากมายพูดชมท่านกันทุกคนเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ สมกับเป็นพี่ใหญ่ที่เขานับถือ
แต่ชาตากะกับไม่มีสีหน้าดีใจเท่าไหร่ เสมือนกับเขาไม่มีความสุข ชาตากะได้พูดถึงชีวิตของเขาให้แก่สิทธัตถะฟังว่า ชีวิตที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้ปกครองนั้นแท้จริง เป็นสิ่งที่น่ายินดีจริงหรือ และอีกอย่างเขากับรู้สึกเสียดายที่ชีวิตของเขา น่าจะได้ทำสิ่งที่ตนปราถนา เพราะยังมีหลายอย่างที่เขายังไม่เคยทำ ขนาดแม่น้ำที่ไหลผ่านเมือง เขายังไม่รู้เลยว่าต้นน้ำ หรือ ปลายน้ำ มีอะไรอยู่บ้าง และชาตากะยังกล่าวอีกว่า อาจจะเป็นเพราะเทพเจ้าได้ลิขิตชะตาของเขาไว้หมดแล้ว เขาจึงได้มีเส้นทางแบบนี้ หลังจากแลกเปลี่ยนปรัชญากันอยู่พอสมควร สิทธัตถะก็เดินทางกลับไปยังเมืองของตนตามเดิม
เมื่อกลับมาได้ไม่นาน พระองค์ก็ทราบกับข่าวร้าย ว่าพี่ชายที่ตนนับถือ ซาตากะได้สิ้นใจไปเสียแล้ว พระองค์รู้สึกโศกเศร้าเสียใจ และรีบเดินทางเพื่อไปร่วมงานศพพี่ชายของตนซาตากะ ในระหว่างเดินทาง พระองค์ได้คิดทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆ จนในที่สุด พระองค์ก็สามารถรู้แจ้งหรือตรัสรู้ พร้อมทั้งเข้าใจแล้วว่า โชคชะตาของมนุษย์นั้น ต่างถูกกำหนดโดยเหล่าเทพ ให้ต้องเวียนว่ายตายเกิด เป็นทุกข์อย่างนี้ตลอดมา และเมื่อเราเกิดมา ชีวิตของพวกเราก็ต่างถูกกำหนดโดยพวกเทพ ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้พระองค์เริ่มรู้สึกโกรธพวกเทพขึ้นมา ที่ทำไมต้องมาคอยกำหนดให้มนุษย์จะต้องใช้ชีวิตตามแบบที่พวกเทพต้องการด้วย ตอนนี้พระองค์ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า ตัวของเขาเกิดมาเพื่ออะไร และต่อจากนี้เขาจะใช้ชีวิตแบบไหน
เมื่อรู้ถึงความรู้สึกตนเองและได้พลังแห่งการรู้แจ้ง พระองค์ก็ค้นพบเส้นทางของตน ท่านจึงรีบเดินทางไปจนถึงงานศพ เมื่อมาถึงท่านก็ไม่รีรอกับเข้าไปในงาน และยกโลงศพพี่ชายซาตากะออกมา พร้อมทั้งบอกทุกคนในงานว่า สิ่งนี้ไม่ใช่ที่พี่ใหญ่ของเขาต้องการ ผู้คนที่อยู่ในงานต่างร้องห้าม เพราะพิธีการสวดยังไม่เสร็จสิ้น ถ้าทำไม่เสร็จเทพจะต้องพิโรธและไม่นำวิญญาณไปสู่สวรรค์ แต่สิทธัตถะก็ได้พูดในทำนองที่ไม่ใส่ใจ และก็นำเอาร่างของซาตากะมาลอยในแม่น้ำ พร้อมทั้งพูดเป็นนัยว่า ต่อจากนี้พี่ใหญ่เป็นอิสระแล้ว ก็เดินไปตามทางที่พี่ปราถนาเทิด
หลังจากเหตุการณ์ครานั้น เจ้าชายสิทธัตถะ ก็ได้ละทิ้งยศถาบรรดาศักดิ์ที่ตนมี และออกเดินทางเพื่อช่วยเหลือให้มนุษย์ทุกคนหลุดพ้น และมีความสุขในการมีชีวิตอย่างแท้จริง ในช่วงที่ท่านเดินทาง ท่านได้สอนให้ผู้คนต่างๆ ได้รู้ถึงวิธีการหลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้ อีกทั้งยังทำลายพิธีความเชื่อที่ไม่ส่งผลดี หรือเป็นการเชื่อแบบผิดๆ ทั้งการบูชายัญคนเพื่อเทพ หรือ การอดอาหารเพื่อขอพรจากเหล่าเทพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หนทางแห่งความสุขอย่างแท้จริง
ในเวลาต่อมา พระองค์ได้ทำลายพิธีกรรมแบบนี้ไปอย่างมากมาย และหลังจากนั้น ท่านก็กลายเป็นมหาศาสดา ผู้เผยแพร่หลักคำสอนของศาสนาพุทธ ของพระองค์ให้แก่ผู้คนต่างๆมากมาย ให้รู้จักกับความสุขในชีวิต และการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด และมีชีวิตอย่างที่ตนต้องการ โดยไม่มีเทพองค์ไหนมาบังคับได้ หลักคำสอนนี้เองที่ทำให้ทั้งสวรรค์ต้องสั่นสะเทือน เพราะไม่เคยมีเทพองค์ใดคาดคิดว่า มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ดุจดั่งพลังของเทพเจ้านั่นเอง……
**ตัวละครบุดด้าในอนิเมะเรื่องมหาศึกคนชนเทพ ปรากฎตัวออกมาครั้งแรกในตอนที่ 32 มาในลุคชายหนุ่มที่แต่งตัวสบายๆ มาพร้อมกับขนมหวานคู่ใจ และยังเป็นการพบกันของโลกิและบุดด้า โดยการเจอกันในครั้งนี้ เป็นเจตนาของโลกิที่เข้ามาเพื่อหลอกถามถึงพลังที่วัลคีรี่มอบให้พวกมนุษย์ใช้ หรือก็คือการโวลุน ที่ค่อนข้างซับซ้อนและคล้ายคลึงกับหนึ่งในหลักคำสอนของบุดด้าข้อหนึ่ง จึงทำให้โลกิสงสัยว่าบุดด้าจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ยังไม่ทันจะได้คำตอบ บุดด้าก็พยายามยั่วโมโหโลกิ และตอบกลับไปแบบไม่สนใจในการถามของโลกิ ทำให้พวกเขาทั้งคู่เกือบจะได้ต่อสู้กัน แต่ก็ได้ถูกเทพซูสและโอดิน เข้ามาคั่นกลางไม่ให้ทั้งคู่สู้กัน ส่งผลให้โลกิจำต้องปล่อยบุดด้าไป อย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก และบุดด้าก็ถูกเทพซูสถามถึงเรื่องต่างๆ และบอกให้ท่านเตรียมตัวเพื่อเข้าต่อสู้ในคู่ถัดไป และบุดด้าก็เดินจากไปสำหรับท่านแล้ว การที่เทพจะต้องลงมาสู้กับมนุษย์นั้น เป็นเรื่องที่ไร้สาระ ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยจริงๆ เทพควรที่จะช่วยเหลือและรักมนุษย์เสียมากกว่า ท่านจึงตัดสินใจได้แล้วว่า ถ้าเทพไม่รักมนุษย์และปกป้องพวกเขาต่อไปแล้ว ตัวท่านเองจะเป็นผู้ปกป้องพวกเขาแทนเอง ต่อให้ต้องสู้กับเทพทั้งหมดท่านก็ะทำแบบไม่ลังเล สำหรับท่านแล้วมนุษย์ควรจะได้รับความรักจากเทพ…
ความสามารถ และ อาวุธที่ศากยมุณีหรือบุดด้าใช้
ความสามารถที่บุดด้าใช้ในการต่อสู้ ที่ปรากฎออกมาในมังงะขณะนี้ หลักๆเลยจะเห็นได้ถึงพลังกายของท่านที่มีมากเป็นพิเศษ และยังมีศิลปะการต่อสู้ที่เมื่อก่อนที่ท่านจะออกผนวช ท่านถือว่ามีฝีมือทางด้านการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในราชวงศ์ศากยะ นอกจากนี้แล้ว เมื่อท่านสามารถก้าวข้ามจนถึงญาณพิเศษที่ 8 หรือ การตรัสรู้ ท่านก็ได้เนตรแห่งการรู้แจ้ง ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถอ่านการเคลื่อนไหว หรือ ภาพเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในอนาคต อาจจะเป็นการที่สามารถรู้ถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างท่องแท้
อาวุธมาเรเระ ริคุโดว์ หรือ ภพภูมิทั้ง 6
เป็นอาวุธที่บุดด้า หรือ ศากยมุรี ใช้ในการต่อสู้ เป็นคทาที่ส่วนหัวคือคัมภีกงล้อ(แบบเดียวกันกับที่วัดทิเบตใช้) โดยมีชื่อเรียกว่ามาเรเระ ริคุโดว์ หรือ ภพภูมิทั้ง6 ความสามารถของริคุโดว์ คือการทำให้บุดด้าสามารถเข้าถึงภพทั้ง6 หรือก็คือการนำเอาพลังของภพภูมิทั้ง6มาใช้ ส่งผลให้ริคุโดว์ สามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลาเสมือนกับมีชีวิตอยู่ และชื่อพิภพทั้ง6 ในมาเรเระ ริคุโดว์มีดั่งนี้
ฉกามาพจรภูมิ เป็นภพภูมิที่ถูกดูแลโดยพระจินดามณีจักรอวโลกิเตศวร หรือในชื่อญี่ปุ่นว่า เนียวอิรินคันนน เป็นพระอวโลกิเตศวรปางทรงจักรแก้วจินดามณี ภพภูมินี้เป็นที่อยู่ของเทวดา หรือ สวรรค์นั่นเอง
อสูรกายภูมิ เป็นภพภูมิที่ถูกดูแลโดยพระเอกาทสมุขอวโลกิเตศวร หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า จูอิจิเมนคันนน เป็นพระอวโลกิเตศวรปางที่มี 11 ใบหน้า ภพภูมินี้เป็นที่อยู่ของพวกอสูรย์(โอปปาติกะ)
เปตติวิสยภูมิ เป็นภพภูมิที่ถูกดูแลโดยพระสหัสสภุชสหัสสเนตรอวโลกิเตศวร หรือชื่อนถาษาญี่ปุ่นว่า เซนจูคันนน เป็นพระอวโลกิเตศวรปางพันมือ(พระโพธิสัตว์พันกร) ในภพภูมินี้เป็นที่อยู่ของพวกเปรต
นรกภูมิ เป็นภพภูมิที่ถูกดูแลโดยพระอารยาวโลกิเตศวร หรือในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า โชคันนน เป็นพระอวโลกิเตศวรปางประเสริฐที่สุดที่เป็นรากฐานของปางอื่นๆ ในภพภูมินี้เป็นที่อยู่ของพระยายมราชกับพวกวิญญานที่กำลังชดใช้บาป
ติรัจฉานภูมิ เป็นภพภูมิที่ถูกดูแลจาก พระหยครีวะอวโลกิเตศวร หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า บะโทคันนน เป็นพระอวโลกิเตศวรที่มีหัวเป็นม้าประจำอยู่ ในภพภูมินี้เป็นที่อยู่ของสัตว์ต่างๆ
มนุสสภูมิ เป็นภพภูมิที่ถูกดูแลจากพระจุนทีอวโลกิเตศวร หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า จุนเทคันนน พระโพธิสัตว์ในศาสนาพุทธมหายาน ในภพภูมินี้เป็นที่อยู่ของมนุษย์
(ศากยะมุณี หรือ บุดด้า (buddha) ลงต่อสู้ในคู่ที่หก คู่ต่อสู้ของท่านคือ เทพบิชามอนเทน หรือ ซีโร่ ฟูกุ)
มหาศึกคนชนเทพ ศากยมุณี (Record of Ragnarok) ep.2
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending
