By Cypher M
#StopAsianHate เหตุสลดครั้งที่นับไม่ถ้วนเพราะว่าเป็น “คนเอเชีย”
สวัสดีค่ะทุกคน จริงๆเรื่องราวในวันนี้หลายคนอาจจะอ่านแล้วก็พูดออกมาว่า “อีกแล้วหรอ” เพราะว่าวันนี้เราจะมาพูดคุยถึงเรื่องความเกลียดชังคนเอเชียในต่างประเทศกันค่ะ ปัญหานี้ยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกี่ยวกับความเกลียดชังชาวเอเชียเกิดขึ้นแล้ว แต่ในครั้งนี้ความรุนแรงนั้นมีเพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งเนื้อหารายละเอียดจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ดังนี้ค่ะ
เมื่อเย็นวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุกราดยิงที่ร้านสปา 3 แห่งในเมืองแอตแลนตา ประเทศสหรัฐฯ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 8 คน และผู้เสียชีวิตมากกว่าครึ่งเป็นคนเชื้อสายเอเชีย นำมาสู่การสันนิษฐานว่า เหตุร้ายดังกล่าว อาจมีแรงจูงใจจากการเหยียดเชื้อชาติ
เหยื่อ 6 รายคือผู้มีเชื้อสายเอเชีย ซึ่งนี่ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ยกระดับความกังวลมากยิ่งขึ้นให้กับสังคมชาวเอเชียนอเมริกัน ที่ตอนนี้นอกจากจะต้องระวังภัยในฐานะบุคคลจากการถูกคุกคามเพราะสาเหตุจากการเหยียดเชื้อชาติแล้ว ภาคธุรกิจก็ได้เริ่มเตรียมเฝ้าระวังถึงเหตุความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย
ผู้ก่อเหตุซึ่งภายหลังถูกจับกุมแล้วชื่อ โรเบิร์ต แอรอน ลอง ชายหนุ่มวัย 20 ปี ก่อเหตุกราดยิงในร้าน Young’s Asian Massage ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองวูดสต๊อกของจอร์เจีย มีผู้เสียชีวิตทันที 2 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 คน ต่อมาเพียงหนึ่งชั่วโมงราว 18.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 3 รายที่ Gold Massage Spa และ 1 รายในร้าน Aromatherapy Spa ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งทั้งสองแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองแอตแลนตา
แต่ก็ยังไม่จบเท่านี้ค่ะ เหตุการณ์กราดยิงยังผ่านมาได้ไม่ถึง 24ชม. เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา หญิงเอเชียวัย 75 ปี ตกเป็นเหยื่อจากการโจมตีโดยการต่อยเข้าที่ใบหน้า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่มาร์เก็ตเซนต์ ในรัฐซานฟรานซิสโก ซึ่งเหตุการณ์นี้ผู้ก่อเหตุถูกจับกุมตัวทันที แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ขึ้นไปนอนบนเตียงของหน่วยปฐมพยาบาล คือผู้ก่อเหตุเสียงอย่างนั้น
เหตุการณ์ครั้งนี้ชาวเน็ตทั่วโลกที่ได้เห็นคลิปวิดีโอดังกล่าว ต่างออกมาประณามความรุนแรงในครั้งนี้ รวมไปถึงเหล่าเซเลป ดารา นักร้องชื่อดังต่างออกกันมาติดแฮชแท็ก #StopAsianHate และ #StopAAPIHate เพื่อเรียกร้องให้ยุติการกระทำที่รุนแรงกับชาวเอเชียที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
Rihanna ออกมาพูดถึง #StopAsianHate ว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นที่ Atlanta เมื่อวานโหดร้ายมากและมันไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่เกี่ยวข้องกับเหตุอื่นๆแน่นอน ความเกลียดชัง AAPI ถูก perpetuate อย่างรุนแรงและมันน่ารังเกียจ ฉันหัวใจสลายไปกับ Asian community ใจฉันอยู่กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ความเกลียดชังนี้ต้องหยุด #ProtectAAPILives”
Camila Cabello ออกมาพูดถึง #StopAsianHate “เราต้องทำทุกอย่างในกำลังของเราที่จะต่อกรกับความเกลียดชัง รับฟัง AAPI community ทำตามพวกเขาและบริจาคเงินถ้าทำได้ นอกจากนี้เธอโพสต์ลิ้งค์ข้อมูลและวิธีช่วยเหลืออีกด้วย
Gigi Hadid แชร์โพสต์เกี่ยวกับ hate crime ต่อชาวเอเชียใน Atlanta ที่มีผู้เสียชีวิต 8 คน โพสต์ 1 เปรียบเทียบความสองมาตรฐานและความเหยียดเชื้อชาติของตำรวจในการจับคนร้ายผิวขาวคนนี้แต่ Breonna Taylor กลับถูกฆ่าทั้งๆที่หลับอยู่ โพสต์ 2 เล่าถึงเหตุการณ์และประวัติศาสตร์ Anti-Asian racism
Bella Hadid แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ Anti-Asian racism และเหตุกราดยิงชาวเอเชียล่าสุดในอเมริกา แชร์โพสต์ที่ย้ำด้วยว่าเราต้องเรียกความรุนแรงที่เกิดขึ้นว่า hate crime แล้วได้ออกมาพูดถึง #StopAsianHate เพิ่มอีกครั้ง มีการแชร์ข่าวหญิงชราที่ถูกทำร้ายและสู้กลับ “นี่ทำให้หัวใจฉันสลาย มันไม่โอเคเลย ถ้าคุณเห็นอะไรแบบนี้คุณต้องออกมาพูดจริงๆนะ ไปช่วยเลย นี่มันแย่มาก ฉันอยากกอดเธอจัง นี่มันเกิดขึ้นทุกที่ ทุกเวลา ภาพมันรุนแรงแต่เรื่องนี้มันเรียล ฉันอยากจะร้องไห้ออกมาเมื่อนึกถึงความเศร้าและความเจ็บปวดของชายคนนี้ มันยากสำหรับฉันที่จะอธิบายความรู้สึกแต่มันเลวร้ายมาก มากจริงๆ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เขาเป็นหนึ่งในอีกหลายๆคนที่ถูกทำร้ายเพราะตัวตนของพวกเขา #StopAsianHate เดี๋ยวนี้เลยนะ”
Ariana Grande แชร์โพสต์เกี่ยวกับ hate crimes ที่เกิดขึ้นกับชาวเอเชีย โดยในโพสต์เน้นไปที่การประณามสื่อและกำชับว่าต้องเรียกเหตุความรุนแรงเหล่านี้ว่า hate crimes นอกจากนี้อาริแชร์วิธีช่วยเหลือและช่องทางความช่วยเหลือทาง mental health สำหรับชาวเอเชีย
Dua Lipa ออกมาพูดถึงเหตุกกราดยิงคนเอเชีย “พอได้แล้ว!!! ฉันเหนื่อยที่จะตื่นมาเจอข่าวเลวร้ายแบบนี้ เมื่อไหร่เราจะปฏิบัติกับผู้อื่นอย่างมีมนุษยธรรมและเกียรติ ไม่มีใครควรเสียชีวิตเพราะสีผิว ฉันเสียใจและเจ็บปวดที่เรื่องนี้เกิดกับชาวเอเชียและฉันยืนเคียงข้างพวกคุณ ฉันส่งใจให้ผู้เสียชีวิตและคนรักของพวกเขา นี่ต้องหยุดได้แล้ว” นอกจากนี้ดูอาโพสต์ลิ้งค์ช่องทางต่างๆที่ชาวเอเชียสามารถหาความช่วยเหลือด้าน mental health
ซึ่งเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการก่ออาชญากรรม “จากอคติและความเกลียดชัง” ต่อชาวเอเชียซึ่งอาศัยอยู่ในสหรัฐเพียงแค่สัปดาห์เดียว ความรุนแรงที่เกิดบ่อยครั้งขึ้น นับตั้งแต่บ้านเมืองเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 นี้จะรุนแรงหรือมีความคืบหน้าอย่างนั้น หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรีบมาอัพเดตเพื่อนๆทุกคนอย่างแน่นอนค่ะ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending
