คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่34
บทที่34 ความลงตัวที่พอดี ep2
“ความหวังเป็นสิ่งที่ดี และ อันตราย สามารถทำให้คนไปต่อได้ และ ก็ทำให้คน หยุดอยู่ที่เดิมได้เช่นกัน”
** พอเราได้เป็นตัวของตัวเองแล้วนั้น ไม่ว่าเราจะทำอะไร มันก็มีความสุข เหมือนอย่างเช่นการทำงาน ถ้าเราได้ทำงานที่เรารักแล้วละก็ ผลงานมันก็ต้องออกมาดี แต่ถ้าเป็นงานที่เราไม่ชอบแต่เราต้องทำ รับรองได้เลยว่า มันไม่ออกมาดีแน่นอน มันเปรียบเปรยได้ เหมือนกับผมในตอนนี้ผมได้มาอยู่ในที่ที่ผมชอบ อยู่แล้วมันสบาย มีแต่เพื่อนๆเป็นกันเอง ที่ที่เราสบายใจ อะไรๆมันก็ลงตัวและมีความสุข เพราะเราติดคุกก็เครียดพออยู่แล้วจะหาเรื่องเครียดใส่ตัวอีกทำไม มันต้องหาความสุขใส่ตัวถึงจะถูก อันไหนคือความสุขและผมสามารถหาในนี้ได้ ผมจะหามันใส่ตัวทันที และนี่คือสิ่งที่ผมปฏิบัติมาตลอด เมื่อต้องอยู่ในคุก **
ผมจะอธิบายลักษณะการเป็นอยู่ของนักโทษบนโรงงาน 2 ให้ฟังอีกนะครับบนโรงงาน 2 นั้นมีทีวีจอแบนขนาด 40 นิ้ว 1 เครื่องพร้อมชุดโฮมเธียเตอร์อีก 1 ตัว อยากจะบอกว่าของทั้งหมดไม่ใช่ของทางเรือนจำหามานะครับ มันเป็นเงินของพวกผมพวกเด็กบ้านอ.เมือง ที่มีหน้าที่อยู่บนโรงงาน 2 เป็นคนหาซื้อมาทั้งหมด ทั้ง 2 อย่างนี้ผมก็มีส่วนร่วมช่วยออกเงินด้วยนะครับเพราะซื้อมาตั้งแต่ผมติดคุกรอบที่แล้วครับ
ทีวีนั้นเราจะเปิดกันตอนพักกลางวัน แต่จะเปิดเพลงฟังกันทั้งวันซะส่วนใหญ่มันคือการผ่อนคลายให้กับนักโทษที่มียอดงานครับ ฟังเพลงเพลินๆทำงานไปด้วยแป๊บเดียวก็เสร็จครับ แต่ผมอยากจะบอกคุณผู้อ่านว่าทั้งทีวีและชุดโฮมเธียเตอร์ เราต้องให้เจ้าหน้าที่ถือเข้ามา ก็จะมีใครถือได้ล่ะครับ นอกจากหัวหน้ากองงานเป็นคนถือเข้ามาสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้
ทางเรือนจำ ไม่มีงบจัดหาให้หรอกคับ มีแต่นักโทษดิ้นรนหากันมาเองทั้งนั้น แต่มันต้องมีปัจจัยประกอบอีกหลายอย่างหลายด้านคือ
1.ผู้บัญชาการเรือนจำไม่เคร่งครัดที่จะให้ผู้คุมหิ้วของมาในเรือนจำ (แต่ก็ต้องทำหนังสือยืนเสนอขึ้นไป)
2.ผอ.ฝ่ายฝึกวิชาชีพต้องเห็นด้วยและอนุญาต (ซึ่งผอ.นั้นเขาเป็นลูกพี่ไอ้บอยดำอยู่แล้ว มันก็เลยไม่ยากอะไร)
3.ผบ.แดนต้องอนุญาตก่อนอันดับแรก (ถ้าผบ.ไม่อนุญาตทุกอย่างก็จบ)
แต่ผมอยากจะบอกว่า ผบ.แดนนี้นั้นใจดีไม่เรื่องมากเหมือนผบ.แดนแรกรับ ที่เข้มงวดมากๆจนเกินไป หรือในภาษาคนคุกเรียกว่า “บีบ” นั้นเอง ยิ่งบีบมากเท่าไหร มันก็ยิ่งอยู่ยากตามไปด้วย แต่ ผบ.แดนเด็ดขาดนั้นเขารู้ถึงความต้องการของนักโทษ
และสิ่งที่นักโทษขอมันก็ไม่ได้เลวร้ายหรือมากจนเกินไป เพราะพวกเราเหล่านักโทษนั้น ก็รู้ถึงสิทธิของตัวเองว่ามีไม่มากอยู่แล้ว และที่นี้คือคุก แต่เรื่องบางเรื่องมันก็น่าจะลดย่อนกันได้ตามสถานการ ผบ.แดนท่านนี้เขาเลยใช้การ ขอ แทนการ บังคับ กันดีที่สุด และมันก็ถูกอย่างที่ทานคิด เพราะแดนนี้นั้น ไม่มีปัญหานักโทษทาเลาะวิวาท หรือมีปัญหาให้ในแดนเสียหายเลย อยู่กันอย่างสบายๆ เพราะนักโทษเขาก็ไม่ได้โง่กันนะครับ เรารู้ว่า ยิ่งไม่ทำให้เจ้าหน้าที่หนักใจ หรือ ลำบาก แล้วนั้น พวกพี่ๆเขาก็ไม่มายุ่งวุ่นวายกับพวกเราหรอก จึงทำให้แดนแห่งนี้มันน่าอยู่มากขึ้น อีกทั้งการละเล่น การพนันมันก็เปิดอย่างเสรีทั้งโต๊ะบอลเอย ไฮโล ไพ่ ดวด ( 3อย่างนี้จะอธิบายให้ฟังอีกทีถึงที่มาของอุปกรณ์การพนัน)
มวยตู้ที่สามารถเปิดให้ดูได้ อย่างเสรี โดยมีเจ้าหน้าที่ ที่เข้าเวรในวันหยุด และเขาก็ชอบดูมวยนั่งดูอยู่ด้วย เขาก็รับรู้ว่ามีการพนันเล่นกันเกิดขึ้น เพราะเสียงต่อเสียงรองของมวยทุกคู่ มันก็ดัง ก็ตะโกนกันให้ได้ยินอย่างถนัดหู เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร และอีกอย่างหนึ่งก็คือระบบการจัดการของเหล่านักโทษ เพราะว่าคุณผู้อ่านลองคิดดูนะครับ ยิ่งมีการพนันเกิดขึ้นมากเท่าไหร เงินหมุนเวียนในแดนมันก็มีมากตามไปด้วย และการพนันนั้น มันมีทั้งคนที่เสีย กับ คนที่ได้ ยิ่งเป็นคนที่เสียถ้าไม่มีจ่ายมันก็ต้องหากู้ยืมใช่ไหมครับ
คุณผู้อ่านก็รู้ดีว่าการไปกู้เงินเขา มันก็ต้องมีดอกเบี้ยเป็นของคู่กัน ซึ่งดอกเบี้ยในคุกนั้น ในคุกแดนนี้ระบบมันวางเอาไว้ว่า 300 บาทดอกเบี้ย 60 บาทต่อ 1 อาทิตย์ ที่ต้องใช้ระบบแบบนี้นั้น เพราะมันง่ายต่อการคิดคำนวณ ง่ายๆเลยนะครับก็คือบุหรี่ 5 ซองดอกเบี้ย 1 ซองหรือถ้าใช้เป็นนม ก็นม 5 แพ็ค ดอกเบี้ย 1 แพ็ค(นม 1 ลังมี 6 pack)
แต่ส่วนมากพวกที่เล่นหนักๆ เงินถึงๆ ที่ส่วนมากในคุกจะใช้สรรพนามนำหน้าเรียกกันว่าเสี่ยบ้าง เจ็กบ้างนั้น เล่นได้เสียกันส่วนใหญ่จะใช้เป็นระบบเงินโอนหรือเงินฝากเข้าบัญชีบ็ุคในคุก ซึ่งในสมัยนั้นเงินฝากของนักโทษไม่มีจำกัดหมายถึงคุณสามารถฝากเงินให้นักโทษเท่าไหร่ก็ได้ และใครจะเป็นคนฝากให้นักโทษก็ได้
มันต่างกับสมัยนี้มากนัก ที่ในสมัยนี้นักโทษแต่ละคน สามารถมีเงินในบุ๊คได้ไม่เกิน 9,000 บาท และต่อท้ายด้วยนั้นก็คือ คนที่ฝากตังค์ต้องเป็นคนในครอบครัว ของนักโทษคนนั้นเท่านั้นหรือบางเรือนจำ เขาใช้ระบบบันทึกข้อมูลคนที่มาเยี่ยมนักโทษ นั่นก็คือนักโทษ 1 คน สามารถลงชื่อคนที่มาเยี่ยมได้ไม่เกิน 3 ถึง 5 คน ก็หมายความว่าภายใน 3-5 คนนี้ สามารถฝากเงินให้กับนักโทษได้ นอกเหนือจาก 3-5 คนนี้หมดสิทธิ์ทุกอย่าง ทุกกรณีครับ
และส่วนบรรดาพวกที่เล่นกันแบบปกติ หรือ เรียกกันง่ายๆพวกสามัญชน แต่คนกลุ่มนี้มีเยอะนะครับก็เล่นกันประมาณหลักร้อยบาท ส่วนมากคนพวกนี้มักจะเป็นเหยื่อของพวกพ่อค้าเงินกู้ทั้งหลายและบรรดาคนเล่นมันก็มีอยู่ 2ประเภท คือ ประเภทที่ 1 เล่นและมีจ่ายกับประเภทที่ 2 ที่เรียกกันว่าพวกเล่นเกินตัวเองหรือฐานะที่ตัวเองมี คนจำพวกนี้เรียกว่าพวกผีพนันเข้าสิง มีเล่นแต่ไม่มีจ่าย ไปกู้เขามาจ่าย ก็ไม่มีจ่ายดอกเบี้ย คนพวกนี้มีเยอะในคุกครับ
คุณผู้อ่านก็น่าจะรู้คำว่าดอกเบี้ย มันไม่มีหยุดหรอกครับ มันมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาทิตย์นี้ไม่มีจ่ายเขา มันจะทบเป็นอาทิตย์หน้า แล้วถ้าอาทิตย์หน้าไม่มีอีกมันก็จะทบขึ้นไปอีกเรื่อยๆ จนมันเพิ่มพูน แล้วมันก็จะทบไปเรื่อยๆ จนถ้าครบ5อาทิตย์เมื่อไหร จากดอกเบี้ยมันก็จะแปรเปลี่ยน เป็นแผลกู้แผลใหม่ ซึ่งถ้าเป็นแผลใหม่แล้ว ดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นใหม่ตามไปด้วย
แต่คุณผู้อ่านเชื่อ หรือสงสัยรึไม่ครับ ว่าทำไมแดนแห่งนี้ถึงไม่มีปัญหา จากการกู้หนี้ยืมสิน จนกลับกลายเป็นการลงไม้ลงมือเก็บดอกเบี้ย จนมันเป็นปัญหาให้ถึงหูเจ้าหน้าที่ หรือ ทำให้เกิดมีปัญหาเกิดขึ้น จนกระทบถึงผบ.แดนหรือเจ้าหน้าที่ภายในแดน แต่ไอ้การลงมือเก็บดอกนั้นมันต้องมี และต้องโดนกันอยู่แล้วล่ะครับ เพราะว่าจะไม่ทำอะไรเลยมันก็ไม่ได้ เดี๋ยวมันจะได้ใจ และจะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างให้คนอื่นทำตาม ถ้าไม่ทำอะไรเลยมันจะเสียระบบการปกครองภายในแดนหมดครับ
แต่เหตุผลสำคัญเลยนั่นก็คือพ่อค้าเงินกู้ทุกเจ้าทุกรายเขาเอาอยู่ครับ เขาควบคุมเจ้าหนี้ของแต่ละคนได้ มันก็มีให้ผมเห็นหลายเจ้านะครับ จากที่ใช้ตีนใช้มือตบเตะ หรือ ทำร้ายร่างกายลูกหนี้ ก็จะเปลี่ยนเป็นระบบ ลุกนั่งแทน คุณผู้อ่านลองนึกภาพตามผมนะครับ หรือ ลองทำตามที่ผมบอกก็ได้ คำว่าลุกนั่งนั้น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะครับ คุณลองยืนตรงแล้วก็นั่งลง แล้วก็ลุกขึ้นยืนตรงแล้วก็นั่งลงคุณลองทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เอาแค่ประมาณ 20 ครั้งพอ แค่ 20 ครั้งเท่านั้น แล้วคุณก็จะรู้ถึงความรู้สึกว่า ร่างกายของคุณมันเป็นแบบไหนเป็นยังไง คุณทำเสร็จแล้ว คุณลองคิดสิครับถ้าลุกนั่งร้อยครั้ง สองร้อยครั้ง ความรู้สึกที่คุณได้รับ มันจะมากขนาดไหนภาษาในคุก เขาเรียกกันว่ายางแตก หรือ ยางปิ้น เดินไม่ได้กันเลยทีเดียว
แต่ถ้าลูกหนี้คนไหนเก๋าเกมหรือทำไม่ได้ก็จะโดนเจ้าหนี้คนนั้นกระทืบแทน คือ เราใช้ไม้อ่อนแล้ว แต่คุณทำไม่ได้เอง คุณก็ต้องโดนไม้แข็งแทน ไปตามระเบียบและการลุกนั่งลงโทษแบบนี้ เจ้าหน้าที่เขาก็เอามาใช้เช่นกัน และก็มีอีกอย่างหนึ่งก็คือ การขึ้นยามใช้หนี้ ระบบการขึ้นยามใช้หนี้นั่น ผมเคยบอกเอาไว้ในตอนต้นแล้ว ถ้าคุณผู้อ่านเริ่มอ่านเรื่องราวของผม ตั้งแต่แรกแล้วนั้น คุณผู้อ่านก็จะจำได้ และเข้าใจว่าระบบการขึ้นยามใช้หนี้นั้นเป็นอย่างไร แต่เอาเป็นว่าผมจะอธิบายอีกครั้ง พอสังเขปนะครับ
การขึ้นยามใช้หนี้ในแดนๆนี้นั้น เขาเก็บกันที่ 1 ครั้งต่อ 1 ซองหรือนม 1 แพ็ค แล้วพวกที่รับจ้างขึ้นยาม ภาษาในคุกจะเรียกกันว่าแท็กซี่กับพวกขึ้นยามใช้หนี้ปะปนกันไป คือพวกที่ขึ้นยามใช้หนี้คุณจะได้แล้วคืนละ 60 บาท แต่ระบบขึ้นยามใช้หนี้นั้น มันจะเป็นห่วงโซ่ท้ายสุด ของระบบเก็บดอก บรรดาลูกหนี้ พูดง่ายๆก็คือ มาตรการสุดท้ายที่เจ้าหนี้ใช้กับลูกหนี้ และการใช้หนี้แบบนี้นั้น มันจะรวบรวมหนี้สินทั้งหมด ที่ลูกหนี้มีว่าเท่าไร มันรวมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
สมมุตินะครับ ระบบนี้คนเป็นหนี้ส่วนมากที่ต้องถึงขั้น ขึ้นยามใช้หนี้ แผลที่เป็นหนี้ขั้นต่ำเลยจะอยู่ที่ 200แพ็ค ถ้าเป็นนมนะครับ หรือบุหรี่ 200 ซอง คุณก็ลองคำนวณดูเอาว่าดอกเบี้ยมันจะเท่าไหร่ 40 ซองต่อ 1 อาทิตย์ครับ พอมาถึงจุดนี้ ก็จะเป็นการตกลงระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้นั้นก็คือการหยุดดดอกนั้นเอง แล้วก็จะคำนวณเงินต้นและเงินดอกว่าเท่าไหร่แล้วคนเป็นหนี้ก็ขึ้นยามให้เท่านั้นจนหมด แต่ถ้ามีลูกหนี้ประเภทกู้มาแล้วยังไม่เคยจ่ายดอกเลยเจ้าหนี้เขาจะคำนวณเพิ่มจากเงินต้นไปด้วย แต่ก็จะต้องอยู่ในกรอบที่เจ้าหนี้กับลูกหนี้ตกลงกันแต่การเจรจากันนั้นจะมีคนกลางนั่นก็คือพ่อบ้านของบรรดาลูกหนี้นั้นเอง
ดังนั้น การเป็นอยู่ในแดนแห่งนี้ที่ใช้ระบบอะลุ่มอะหล่วยถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน มันจึงอยู่ได้และปกครองกันเองได้และที่ผมต้องการย้ายมาในแดนนี้ ก็เพราะว่าผมจะมาหารายได้นั้นเอง ขอเวลาอีกไม่นานหรอกครับเพราะวันนี้ผมพึ่งย้ายมาวันแรกขออยู่เฉยๆสัก 1 อาทิตย์พออาทิตย์หน้าค่อยว่ากันแล้วพบกันใหม่ตอนต่อไปครับ( โปรดติดตามตอนต่อไป ) ” หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ ” #คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่34
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun