คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่27
บทที่27. ปลายทางที่แสนยาวไกล
“จงอย่าเอาคำว่า ทำไม่ได้ มาปิดกั้นความสามารถของตัวคุณเอง”
**ตอนนี้ได้แต่นั่งๆนอนๆ รอเวลาที่จะขึ้นศาลผมเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าผมจะได้ขึ้นตอนไหน ตาที่หลับกับหูที่คอยฟังเสียงเรียกชื่อตัวเอง เยี่ยมญาติ ก็ใจมันยังหวังว่าจะมีใครมาเยี่ยมอยู่ ทั้งทีความจริงมันไม่เหมือนอย่างที่หวังเอาไว้ก็ตามที กำลังใจคือสิ่งที่ใครหลายคนต้องการ ผมเองก็เช่นกัน**
เข็มนาฬิกาชี้บอก เวลาเที่ยงตรง เป็นสัญญาณบอกว่า ได้เวลาเยี่ยมญาติอีกครั้งหนึ่ง วันนี้ที่ใต้ถุนศาล ดูคึกคักเป็นพิเศษนักโทษออกศาล ทั้งหมด 28 คน ดูน้อยลงไปเลย เมื่อเทียบกลับผู้ต้องหาที่ต้องขึ้นศาลในวันนี้ จึงทำให้การเยี่ยมญาติเป็นไปอย่างวุ่นวาย ผมนั่งสูบบุหรี่มองดูไอ้แว่นตะโกนคุยกับแม่มัน ไม่รู้หรอกว่าคุยกันเรื่องอะไร เพราะต่างคนต่างตะโกนคุยกัน “ใหญ่.. ขอบุหรี่สูบสักมวนซิ เสี่ยนมาตั้งแต่เช้าแล้ว ” ผมมองหน้าคนขอแต่ก็นึกไม่ออกว่ารู้จักกันตอนไหน แต่จำหน้ามันได้ว่าเคยเห็นตอนอยู่ในแดนเหมือนกัน “ได้ดิ.. แกเอาไป3มวนเพื่อพวกแกด้วยแล้วกัน มาดูดแถวนี้นะเหลี่ยมนี้ตำรวจมองไม่เห็น” มันขอบคุณผมและก็เรียกพวกมาอีก2คน มาสูบบุหรี่ตรงที่ผมบอก
บรรดาสิงห์อมควันทั้งหลายต่างทยอยมาสูบบุหรี่กันจนครบ โดยที่เจ้าหน้าที่ศาลไม่ทันได้สงสัย บุหรี่3มวนเป็นอันหมดเกลี้ยง โดยยังเหลืออีก3คนที่ยังไม่ได้สูบ ผมก็เลยโยนไปให้อีกมวนนึง เพราะดูแล้วมันคงไม่กล้าขอผมหรอก คนที่รับบุหรี่จากผมกล่าวขอบคุณผมตามมารยาทที่ควรทำ และที่สำคัญทำไมจึงต้องแอบสูบกันด้วย ทั้งที่บุหรี่ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร แต่สำหรับใต้ถุนศาลมันผิดครับ ถ้าโดนจับได้ตำรวจศาลสามารถดำเนินคดีเราในข้อหาดูหมิ่นศาล โดนต่อคดีได้เลยนะครับ
แต่เท่าที่ผมเคยได้ยินได้ฟังมา ก็ไม่เห็นใครที่เกมจะโดนต่อคดีสักคน ส่วนใหญ่จะโดนยึดบุหรี่ที่เหลือมากกว่า อยู่ๆก็มีเสียงเรียกชื่อผมให้ไปรับกับข้าวของฝาก โดยที่ผมก็ยังแปลกใจว่าใครเป็นคนซื้อมาให้ ถามไอ้แว่นมันก็บอกว่าเปล่า แต่มันก็ได้สั่งไว้เหมือนกัน ของที่ผมได้รับคือ ข้าวกะเพราเนื้อ 2 กล่อง ขนมหวาน 2 ถุง และน้ำโพลาลิส 2 ขวด ผมก็เลยมานั้งกินข้าวกล่องกับไอ้แว่น 2 คน “กินเรียกน้ำย่อยก่อนนะพี่ อย่าพึ่งอิ่มชุดใหญ่กำลังจะตามมา ” ไอ้แว่นพูดบอกกับผม
ผมชำเรืองดูเวลาหน้าห้องขัง 12.45น. อีก15นาทีก็จะหมดเวลาพัก และในตอนบ่ายก็คงได้เวลาผมกับไอ้แว่นขึ้นศาลสักที “พี่ใหญ่ นึกออกยังใครซื้อให้พี่ ” ผมส่ายหน้า แต่ถ้าให้เดาก็คงจะเดาได้ไม่ยาก “ก็คงจะเป็นที่บ้านนั้นแหละที่ซื้อมาให้ จะมีใครได้ ” ผมบอกกับไอ้แว่น แต่ผมก็แอบน้อยใจตัวเองเล็กๆนะว่าทำไมไม่มาคุยกับผม ถ้าเป็นที่บ้านผมซื้อให้จริง( คุณผู้อ่านเชื่อไหมครับ จนถึงตอนนี้ ผมก็ไม่เคยถามพวกท่านถึงวันนั้น ที่ผมออกศาลว่าเป็นคนซื้อให้หรือเปล่า) แต่มันเป็นเรื่องเล็กน้อยครับสำหรับผม เพราะว่าเรื่องใหญ่กำลังมาให้ลุ้นมากกว่า เสมียนศาลได้นำเอกสารคำฟ้องมาแจกให้กับคนที่ยังไม่ได้ขึ้นศาล ซึ่งหนึ่งในนั่นก็มีผมกับไอ้แว่นอยู่ด้วย
แค่ผมเห็นเอกสารของผมโดยไม่ต้องเปิดอ่านผมก็รู้ว่า ผมน่าจะโดนโทษกี่ปี จากที่ผมเคยบอกไว้ว่ามี 3ตัวเลือกในโทษของผมคือ 3ปี,3ปี9,4ปี6เดือน และในตอนนี้ตัด3ปีออกไปได้เลย เพราะอะไรผมรู้โดยไม่ได้อ่าน ก็ผมได้รับเอกสารคำฟ้องมา3แผ่น นั้นก็คือแผ่นที่3คือคำฟ้องคดีแดงเพิ่มโทษให้กับผู้ต้องหาอีกครึ่งโทษของโทษที่ได้รับมาแล้ว ถ้าเป็น2แผ่นเหมือนกับไอ้แว่นผมก็จะไม่โดนฟ้องแดง มันก็เหมือนกับผมพึ่งมีความผิดครั้งแรก แต่นี้ผมรอบ3แล้ว เป็นพวกก่อคดีซ้ำซากในภาษาชาวบ้านนะครับ งั้นผมจะบอกให้ฟังว่าในใบคำฟ้องของผมเขียนว่าไง เอาเท่าที่ผมจำได้นะครับ
ใบคำฟ้องหมายเลขดำที่…. หมายเลขแดงที่… นาย…. นามสกุล… ได้มีความผิดฐาน มียาเสพติดให้โทษประเภทที่1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นเมทแอมเฟตามีนบริสุทธิ์กี่กรัมกว่าไป.. ศาลพิพากษาตัดสินความผิด ตามคำฟ้องพร้อมกับขอเพิ่มโทษครึ่งนึงเนื่องมาจาก ผู้ต้องหาเคยก่อคดีซ้ำในระยะเวลา 5 ปีตามมาตรตรา92, 93,97.มันก็ประมานนี้แหละครับเท่าที่จำได้ และในเอกสารกผ็ยังไม่ได้ระบุโทษว่าผมโดนกี่ปี จะบอกอีกทีก็ตอนที่ผมอยู่ต่อหน้าผู้พิพากษา ซึ่งในสมัยนี้การขึ้นศาลมี ด้วยกัน 2 วิธี คือ วิธีที่ 1 ขึ้นไปฟังคำตัดสินบนบัลลังก์ของศาลตามปรกติ และ วิธีที่ 2 คือฟังผู้พิพากษาตัดสินโดยใช้ Video Conference นั้นคือเรายืนฟังคำตัดสินของศาลต่อหน้ากล้องทีวีโดยมีผู้พิพากษาตัดสินเราอยู่ในทีวีนั้นเอง และซึ่งตอนที่ผมขึ้นฟังศาลตัดสิน ผมขึ้นฟังศาลตัดสินโดยใช้วิธีที่ 2 อยู่ที่ใต้ถุนศาลนั่นเอง
ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ โดยที่ศาลท่านก็พูดตามเอกสารแนบท้ายคำฟ้องที่แจกให้ก่อนแล้วนะครับ ผมไม่ค่อยสนใจฟังเนื้อหาเท่าไหร แต่ที่ผมสนใจฟังนั้นก็คือตอนนี้ **ศาลขอพิพากษาจำคุกนาย… เป็นระยะเวลา 6 ปี บวกใบแดงเพิ่มโทษอีก 3 ปี เป็น 9 ปีแต่เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวนศาลจึงขอลดโทษจำเลยให้ครึ่งนึงของโทษเหลือ 4 ปี 6 เดือนจำเลยไม่มีอะไรคัดค้านนะ เราก็ตอบว่าไม่มีครับ เป็นอันเรียบร้อย 4ปี6 เต็มตีนเล่นซะหูอื้อกันเลยทีเดียว…
เป็นอันว่าเรียบร้อยสินขบวนความ ในที่สุดผมก็ได้รู้ว่าปลายทางของถนนเส้นที่ผมจะต้องเดินต่อไปนี้ มันใช้เวลาเท่าไหรกว่าจะถึงปลายทาง ผมจะเป็นยังไงบ้างตลอดการเดินทางนี้ ก็เดาไม่ออกเหมือนกัน จะเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรบ้างก็ยังไม่รู้ อันที่จริงใจผมคิดไว้แค่ 3ปี9 แต่นี้มันเกินที่คิดไว้ มาก… เซ็งชีวิตขอบอกได้คำเดียว
กลับมานั่งจุดบุหรี่สูบตรงที่เดิมคนเดียว ส่วนไอ้แว่นมันขึ้นไปฟังศาลตัดสินบน บัลลังก์ที่ 2 ยังไม่ลงมา บุหรี่มวนแรกหมดไปตอนไหนไม่รู้ตัว และผมได้สูบไปกี่ทีก็ไม่รู้นึกไม่ออก ก็เลยจุดสูบอีกมวนทันที แต่นึกแปลกใจ ทำไมไม่มีใครมาขอสูบด้วยว่ะ มีแต่หันมามองแต่ไม่เอยปากขอกัน
ช่างเม่งไม่ขอกูก็ไม่ให้อยู่แล้ว สูบไปไม่ถึงครึ่งผมจะขยี้ทิ้ง ก็มีเสียงขอกันใหญ่ ” พี่อย่าทิ้งผมขอครับ ” ผมมองหน้าพวกที่ขอ พอพวกมันเห็นผมมองต่างก็หลบหน้าทันที สงสัยหน้าตาผมคงจะบอกบุญไม่รับมากแน่ๆเพราะถ้าเวลาผมอารมณ์ไม่ดี หน้าตาผมออกอาการมากจนใครเห็นก็ดูออกและจะไม่กล้าเข้าหาผมกันหรอกครับในช่วงนั้น
“พอไงแค่นั้นนะ เอ้า.. เอาไปมวน “ ผมผูดพร้อมกับโยนบุหรี่ให้พวกมัน และไอ้แว่นก็ลงจากศาลและกำลังเดินมาทางผม
“พี่มีเหลือสักมวนหรือเปล่า บุหรี่อ่ะผมขอหน่อยครับ” มันคงเห็นผมโยนให้พวกนั้นไปคงนึกว่าหมดละมั้ง “เหลือ6-7มวนได้ เอา” ผมพูดพร้อมกับยื่นบุหรี่ให้มันไปทั้งซอง“เป็นอะไรไปพี่ใหญ่ มีอะไรหรือเปล่า และพี่ได้ขึ้นศาลหรือยัง แล้วเขาตัดพี่มากี่ปี “ ไอ้แว่นถามผมคงจะเห็นสีหน้าผมไม่ค่อยสู้ดีนัก
“กูไม่ได้เป็นอะไรหรอก กูแค่เซ็งๆนิดหน่อยไม่คิดว่าจะตัดกูมาเต็มตีนขนาดนี้ กูมีในกระเป๋ามา 4 ปี 6 แล้วมึงล่ะตัดมากี่ปี “ ผมได้ย้อนถามกลับไปแว่นไป “ของผมได้ 102 ช่วย เหลือทั้งหมด 5 ปี 6 ครับพี่ยังไงพี่กลับบ้านก่อนผมปีนึง ดีนะที่ได้ 102 ช่วยพี่ไม่งั้นผมโดน 8ปีแน่ๆ ” ไอ้แว่นได้ตอบผม และในตอนนี้นักโทษทั้งหมด ได้ขึ้นศาลกันครบหมดแล้ว เวลาก็ล่วงเลย มาถึง 14:00 น กว่าๆ ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่รอพวกนักโทษที่เข้ามาใหม่ ที่กำลังเดินเรื่องประกันอยู่ก็มี ส่วนพวกที่ไม่ประกันรอเข้าเรือนจำเลย ส่วนมากจะเป็นพวกคดียาเสพติดทั้งนั้น ผมเห็นนอนน็อคกันเกลื่อนใต้ถุนศาลไปหมด แต่แล้วไอ้แว่นได้เดินถือถุงกับข้าวมา2ถุงใหญ่ ทั้งข้าวกล่อง ขนม น้ำอัดลม“พี่ใหญ่.. มาฉลองกันดีกว่า เออ.. พี่ผมให้ที่บ้านฝากเงินให้พี่แล้วนะ1500 ” ไอ้แว่นพูดกับผมด้วยท่าทางที่อารมณ์ดี มันคงดีใจที่โทษของมัน ตัดสินเพียง 5 ปี 6 ส่วนผมอารมณ์นั้น ต่างจากมันโดยสิ้นเชิง เลยพูดกับไปว่า“ฉลองกับตีนกู ไหมพี่แว่น ทำเป็นอารมณ์ดี แล้วมึงโอนมาทำไม 1,500 บาทโอนแค่พันเดียวก็พอ แต่ก็ดีโอนมาแล้วกูไม่โอนคืนให้นะ” แล้วผมกับไอ้แว่นก็ได้นั่งฉลองกินกันเอง 2 คน
แต่เมื่อกับข้าวของกินมันเยอะเกินกว่าที่เราจะกินกันหมด ผมก็เลยเรียกพวกนักโทษที่ไม่มีใครมาเยี่ยมมานั่งกินด้วยกัน เพราะผมกับไอ้แว่นก็เริ่มที่จะอิ่มกันแล้ว กับข้าวที่เหลืออยู่มากทิ้งมันเสียดาย ไม่อยากจะทิ้งก็เลยให้พวกมันจัดการ ซึ่งมันก็ได้ผลดีทีเดียว ในเวลาเพียงไม่นานกับข้าวที่เหลืออีกทั้งขนมน้ำดื่ม ก็เกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว ผมกับไอ้แว่นมานั่งสูบบุหรี่กันคนละมวน และเอาเก็บไว้อีกคนละมวนเพื่อเอาไว้สูบ ตอนนั่งรถกับเรือนจำ ส่วนบุหรี่ที่เหลือจากนั้น ก็ได้แจกจ่ายให้กับนักโทษจนหมดซอง ซึ่งหลังจากสูบบุหรี่เสร็จก็ไม่มีอะไรทำกันแล้ว นอกจากนอนรอเวลากลับเรือนจำเพียงอย่างเดียว..
เป็นอันว่าตัวผมต้องกลับมาคิดทบทวนวางแผนกับการที่ต้องอยู่ในคุกนี้เป็นเวลา 4 ปี 6 เดือนใหม่ มันไม่ใช่โทษที่น้อยเลยนะครับ ในความรู้สึกของผม ถึงแม้ตัวผมจะเคยติดคุก 6 ปีมาแล้วก็ตาม แต่ด้วยอายุที่มากขึ้นในตอนนี้ มันไม่ใช่วัยรุ่นเหมือนแต่ก่อน ประจวบเหมาะกับความสนุกและความสบาย ภายในคุกสำหรับในตอนนี้ มันแทบจะไม่มีเหลืออีกแล้ว มันต่างกับตอนที่ผมติดคุกรอบแรก ตอนเป็นวัยรุ่นอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าคุก ในสมัยนี้มันได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ความสะดวกสบาย อย่างที่เคยมี โดนแทนที่ความแออัด กฎหมายข้อบังคับเริ่มเยอะมากขึ้น ทุกๆอย่างมันเริ่มบีบนักโทษ เข้ามาทีละนิดทีละนิด โดยที่บางครั้งเราอาจจะไม่รู้ตัว การเปลี่ยนแปลงมีอะไรบ้างเอาไว้ผมจะค่อยๆเล่าให้ฟังกันนะครับ พวกคุณอย่าเพิ่งเบื่ออ่านกันไปก่อนซะล่ะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ (โปรดติดตามตอนต่อไป) “หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ”
คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่27
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending