กลุ่มโจรสลัดตัวตลก บากี้ (Buggy Pirates) และ โจรสลัดหญิง เลดี้ อารูบีด้า (Alvida Pirates)
การเดินทางย่อมมีจุดมุ่งหมายของการเดินทางเหล่านั้นเสมอ ไม่ว่าจุดมุ่งหมายจะเป็นอย่างไร ทุกการเดินทางก็ต้องมีจุดสิ้นสุด ดั่งเช่นการเดินทางของคนกลุ่มนี้ ที่มีเป้าหมายหนึ่งเดียวกัน ในการที่จะจัดการกับกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ลูฟี่ และบัดนี้ ม่านแห่งการเดินทางเพื่อจุดมุ่งหมายของพวกเขาได้เปิดขึ้นแล้ว ความแค้นที่มีมาอย่างยาวนาน จะได้ชำระเสียที การเอาคืนกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางได้เริ่มขึ้น….
บันทึกการเดินทางของ กลุ่มโจรสลัดตัวตลก บากี้ (Buggy Pirates)
หลังจากที่ผ่านการเดินทางและเหตุการณ์มากมาย ที่ได้เกิดขึ้นกับพวกเขา มีทั้งสุข เศร้า เหงาและเสียใจ ความรู้สึกเหล่านั้นก่อตัวขึ้น ในทุกๆคนและสิ่งที่ทำให้ความรู้สึกเหล่านี้ ก่อตัวขึ้นในตัวทุกคน จะเป็นใครไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ พวกกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ลูฟี่ ที่ในครั้งนี้ไม่ว่าจะยังไง จะบุกน้ำลุยไฟอย่างไร พวกเขาต้องเอาคืนให้ได้
การเดินทางดำเนินไปเป็นเวลาหลายวัน หลังจากที่พวกเขาได้รับทราบข่าวว่า เจ้าหนุ่มหมวกฟาง ลูฟี่ ได้จัดการกลุ่มโจรสลัดมนุษย์เงือก อารอน ลงได้แล้ว จึงทำให้ค่าหัวของเขาในตอนนี้นั้น มีสูงถึง30ล้านเบรี ซึ่งในทะเลอีสบลูแล้ว จัดว่าโจรสลัดหมวกฟาง ลูฟี่ เป็นโจรสลัดที่มี ค่าหัวสูงที่สุดในเวลานี้ จึงเป็นเหตุการณ์ที่คาดเดาได้ไม่ยาก ว่ายังไงพวกเขาจะต้องเข้าแกรน ไลน์ ในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน และก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่แกรน ไลน์ ก็จำเป็นที่จะต้องแวะเมืองเพื่อเติมเสบียง หรืออุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นในการเดินทาง ซึ่งเมืองที่พวกเขาต้องแวะนั้นก็คือ “โลคทาวน์ เมืองแห่งการเริ่มต้นและจุดจบ”
ซึ่งการเดินทางจากจุดที่พวกเขาอยู่นั้น ต้องใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน จากการคำนวนเวลาคร่าวๆแล้ว พวกเขาจะต้องไปเจอ พวกหมวกฟางลูฟี่ได้ทันก่อนที่พวกนั้นจะออกเดินทาง แค่คิดว่าจะได้เอาคืน หลังจากเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของเจ้าหมวกฟาง ลูฟี่แล้ว ก็ทำให้กัปตันบากี้และคนอื่นๆที่อยู่บนเรือก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
หลังจากที่พวกเขาหาลือ ทบทวนแผนการณ์กันเป็นครั้งสุดท้าย ก็ประจวบเหมาะที่ในเวลานี้ เรือได้แล่นมาถึง เมืองโลคทาวน์แล้ว เมื่อมาถึงที่เมืองกัปตันบากี้ได้สั่งให้ทุกคน ดำเนินแผนการ ที่ได้วางกันไว้ตอนที่อยู่บนเรือ โดยแผนการในครั้งนี้ก็คือ การแบ่งกำลังพลออกเป็น หลายๆกลุ่ม ให้กระจายกันไปรอบเมือง เพื่ออกค้นหาให้ทุกซอกทุกมุมในเมืองไม่ว่าจะเป็นตรอกซอก ซอย หรือส่วนไหนจะต้องค้นหากลุ่มพวกโจรสลัดหมวกฟางนี้ให้ได้ และได้มอบหมายภารกิจสำคัญที่สุดให้แก่ โมจี้และริชชี่ ให้ออกลาดตระเวณ ตามแนวชายฝั่งที่จอดเรือทั้งหมด เพื่อตามหาเรือของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางและจะต้องค้นหาให้เจอให้ได้
หลังจากที่ออกกระจายตัวค้นหากันไปเป็นเวลานาน จนในที่สุดหนึ่งในกลุ่มลูกน้องของกัปตันบากี้ ได้แจ้งมาว่าพบเห็นเจ้าหนุ่มหมวกฟางที่เดินผ่านไปแถวตลาดในเมือง ทางที่จะมุ่งหน้าไปยังแท่นประหารเจ้าแห่งโจรสลัด โกล โรเจอน์ บากี้ไม่รอช้าและสั่งให้ลูกน้องทั้งหมดอย่าพึ่งทำอะไร ให้รอเขาไปสมทบก่อน และแจ้งให้ทุกๆคนไปรวมตัวกันที่จตุรัศกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งแท่นประหารเจ้าแห่งโจรสลัด โกล โรเจอน์ โดยบากี้จะใช้ที่แห่งนั้นเป็นการแสดงโชการล้างแค้นอันยิ่งใหญ่และจะเป็นหลุมฝังศพของเจ้าหนุ่มหมวกฟาง ลูฟี่ นั่นเอง
ตัดภาพมาที่โมจี้กับริชชี่ ที่อยู่ในโหมดริชชี่ไบค์ เขาได้ขี่ริชชี่ตระเวนไปตามแนวชายฝั่งอยู่เป็นเวลานาน อากาศในวันนี้นั้น ค่อนข้างที่จะร้อนอบอ้าวเป็นอย่างมาก จนเขาก็คิดอยู่ในใจว่า เมื่อไหร่จะหาเรือเจ้าหมวกฟางเจอเสียที จะได้เสร็จสิ้นภารกิจ เพื่อที่เขาจะได้แวะหาไรดื่มในบาร์แห่งนี้ให้สนุกไปเลย ในขณะที่กำลังออกตามหาอยู่นั้น สายตาของเขาได้เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ ตรงแถวซอกหิน เป็นท่าเรือเล็กที่ไม่มีลงทะเบียนไว้ในแผนพังเมือง กล่าวคือเป็นท่าเรือนอกกฎหมายที่จะไม่มีนายท่า คอยตรวจสอบ เพราะเรือของกลุ่มโจรสลัดที่เข้ามาในเมืองนั้น จะให้ไปจอดตามท่า ปรกติก็ดูจะกระไรอยู่และการจอดแบบนั้นก็เป็นความคิดที่ดูโง่มาก เพราะจะเป็นการดึงดูดให้พวกทหารเรือตามมาล้อมเรือได้ง่าย บ่อยครั้งพวกเขาก็ต้องมาจอดในที่แบบนี้
โมจี้จึงไม่รอช้ารีบขี่ริชชี่เข้าไปดูและได้พบว่ามีเรือ ระดับกลางที่มีหัวเรือเป็นรูปแกะ จอดอยู่ตรงท่าแห่งนั้น ซึ่งโมจี้ได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดและได้เห็นธงที่เป็นรูปหัวกระโหลกใส่หมวกฟางอยู่บนใบกลางเรือ สิ่งนี้แหละที่เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า เรือลำนี้แหล่ะที่เป็นของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง โมจี้ดีใจมากที่ในที่สุดแล้วเขาก็หามันพบเสียที แต่เขาก็ยังประมาทไม่ได้เพราะโดยปรกติทั่วไปแล้ว เรือที่ถูกจอดอยู่นั้นจะอย่างไรเสีย จะต้องมีคนเฝ้าเรืออยู่เสมอ โมจี้จึงค่อยๆเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังที่สุด แต่ก็ผิดคาด เรือของเจ้ากลุ่มโจรสลัดหมวกฟางนั้น ไม่มีใครคอยเฝ้าเรืออยู่ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้โมจี้ หลุดหัวเราะออกมาและดีใจในความโชคดีของตัวเอง ที่งานจะจบลงอย่างไวและง่ายมาก เขาจึงเริ่มดำเนินแผนการที่ตระเตรียมไว้ นั่นก็คือ การเผาทำลายเรือของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ซึ่งการเผานี้เป็นสิ่งที่เขาชอบและถนัดมาก
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทางด้านกัปตันบากี้ ในตอนนี้พวกเขาได้มาถึงที่จตุรัสกลางเมืองแล้ว และเขาได้ทำการสั่งลูกน้องทั้งหมดให้เข้าประจำที่ เพราะว่าตอนนี้นั้นเขาได้เจอกับเจ้าหนุ่มหมวกฟางลูฟี่แล้ว โดยที่ลูฟี่นั้นเมื่อมาถึงจตุรัสกลางเมือง เขาได้รีบวิ่งไปดูแท่นที่ใช้ประหารเจ้าแห่งโจรสลัด โกล โรเจอน์ โดยที่เขาไม่ได้วิ่งแค่ไปดูเฉยๆ แต่กับวิ่งขึ้นไปบนแท่นประหารนี้แทน เพื่อที่จะได้มองดูวิวเดียวกันกับที่เจ้าแห่งโจรสลัดได้เห็น ทันใดนั้นเอง เขาได้ถูกเรียกโดยผู้หญิงคนหนึ่งจากทางด้านร่าง โดยผู้หญิงคนนั้นถามว่าลูฟี่จำเธอได้ไหม ซึ่งแน่นอนลูฟี่จำเธอไม่ได้ เธอจึงแนะนำตัวและบอกไปว่าเธอคืออัลบีด้า ซึ่งเมื่อได้ยินแล้วทำให้ลูฟี่ รู้สึกตกใจมากที่อัลบีด้า คนนั้นเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ซึ่งในการทักกันครั้งนี้ก็เป็น หนึ่งในแผนที่จะใช้ดึงดูดความสนใจจากลูฟี่ ให้เขาได้ไม่ทันระวังตัวเพื่อที่จะให้คาบาจินั้น เข้าเล่นงานเขาได้ทันที และก็เป็นไปอย่างที่ได้วางแผนกันไว้ ลูฟี่ไม่ทันระวังตัวก็ถูกคาบาจิจับเขาใส่ตรวนไว้เสียแล้ว
หลังจากที่คาบาจิได้จับลูฟี่ใส่ตรวนและตรึงเขาไว้บนแท่นประหารแล้ว บากี้ก็ได้เผยตัวออกมาและสั่งให้ลูกเรือของเขาทุกคนนั้น ยึดจตุรัสกลางเมืองไว้ และจับเหล่าชาวเมืองที่อยู่ในบริเวณนี้ไว้ เป็นแขกผู้มีเกียรติที่จะได้ดู โชแห่งการล้างแค้นอันยิ่งใหญ่ของกัปตันบากี้คนนี้ เขาได้ค่อยๆเดินขึ้นไปบนแท่นประหารนั้นอย่างช้าๆ เพื่อสร้างความสนใจและน่าจดจำของเขาให้แก่ผู้ชมที่อยู่ในบริเวณนี้ ได้เห็นกันชัดๆ เมื่อเขาเดินขึ้นมาถึงแล้ว เขาก็ได้ประกาศตัวว่าเขาคือกัปตันบากี้ผุูที่จะเป็นคนสังหารโจรสลัดหมวกฟาง ลูฟี่คนนี้
สิ้นสุดเสียงประกาศ การแสดงโชนี้ก็ถือว่าเริ่มขึ้นแล้ว เขาได้รับดาบจากคาบาจิมา ซึ่งดาบนี้นั่นเองจะใช้เพื่อบั่นคอเจ้าหนุ่มหมวกฟางคนนี้ ในขณะที่บากี้กำลังจะเริ่มการประหาร บรรยากาศก็เปลี่ยนไปเหมือนจะมีพายุลูกใหญ่กำลังเข้ามา ท้องฟ้ากับมืดมิดและฝนก็เริ่มกระหน่ำลงมา ซึ่งบากี้ก็ไม่ได้สนใจมันนักเท่าไหร่ ในตอนนี้เขาคิดแต่เพียงว่า ความแค้นของเขากำลังจะถูกชำระแล้ว ทันใดนั้นได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นข้างล่าง เป็นการต่อสู้กันของเหล่าลูกเรือกลุ่มบากี้และเหล่าลูกเรือของกลุ่มหมวกฟาง เพื่อที่จะเข้ามาช่วยกัปตันของพวกเขา
โดยกลุ่มหมวกฟางที่บุกเข้ามาช่วยนั้นก็คือ นักล่าโจรสลัดโซโลและกุ๊กประจำเรือขาดำซันจิ การต่อสุ้เป็นไปอย่างดุเดือด แต่ก็นั้นแหละสำหรับบากี้แล้ว ต่อให้รีบวิ่งมาแค่ไหนยังไงก็ไม่ทันเขาลงดาบอยู่ดี เขาจึงหันไปยิ้มให้ลูฟี่และถามว่ามีอะไรจะสั่งเสียไหม ลูฟี่กับยิ้มและบอกกับโซโลและซันจิ ว่าขอโทษทีที่เขามาได้แค่นี้ ซึ่งการยิ้มของลูฟี่นั้นยิ่งไปกระตุ้นความโกรธของบากี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะเขานั้นปราถนาที่จะเห็นใบหน้าที่สิ้นหวัง หรือร้องไห้ร้องขอชีวิตออกมาเสียมากกว่า ไม่ใช่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแบบนี้ แต่ก็นั่นหล่ะจะเป็นใบหน้าไหน ยังไงเสียวันนี้เจ้านี้ก็ต้องตายที่นี่อยู่ดี
ในขณะที่เขาเงื้อดาบกำลังจะฟันลงมาที่คอของลูฟี่อยู่นั้น ทันใดนั้นเอง สายฟ้าที่กำลังผ่าอยู่ กับผ่าลงมาบนดาบของบากี้ในขณะที่อีกนิดก็จะถึงคอของเจ้าหนุ่มหมวกฟางอยู่แล้ว จึงเป็นเหตุให้บากี้และลูฟี่นั้น ถูกฟ้าผ่าลงไปเต็มๆ ทำให้ทั้งคู่กระเด็นลงมาและลานประหารของเจ้าแห่งโจรสลัดโกล โรเจอน์ ก็ได้พังลงมา แต่ด้วยการที่ลูฟี่เป็นยาง จึงทำให้เขาไม่เป็นอะไรแต่กับกันบากี้กับได้รับบาดเจ็บจากฟ้าผ่าไปเต็มๆ จึงทำให้กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางได้หนีรอดไปได้
หลังจากบากี้ฟื้นได้ไม่นาน เขาได้ถามหาว่าพวกนั้นไปไหน จนได้กับคำตอบที่ว่าพวกนั้นหนีไปแล้ว ซึ่งคำตอบนี้ทำให้กัปตันบากี้รู้สึกเดือดดาล เป็นอย่างมาก เขาจึงสั่งให้ทุกคนตามไปและตัวเขาเองกับอัลบีด้าก็จะใช้พลังของผลไม้ปีศาจเพื่อตามไปติดๆ แต่ทั้งคู่กำลังเริ่มที่จะตามไปได้ไม่นาน เขากับถูกชายคนหนึ่งเข้ามาขวางทาง ชายคนนั้นก็คือ พันตรี สโมกเกอร์ ทหารเรือจากกองทัพเรือ ผู้มีหน้าที่มาประจำการศูนย์กองทัพเรือประจำเมืองโลคทาวน์ และเขาคนนี้ก็เป็นผู้มีพลังพิเศษของผลไม้ปีศาจเช่นกัน เขาได้ใช้พลังของผลไม้ปีศาจของเขาในการจับกุมบากี้และอัลบีด้า รวมถึงเหล่าลูกเรือต่างๆ จึงเป็นเหตุให้บากี้ถูกจับกุมตัว ถึงจะหน้าหงุดหงิดแต่บากี้ก็คิดขึ้นได้ว่า ยังมีโมจี้อีกคนที่ตัวเองได้ส่งไปเพื่อทำลายเรือหมวกฟาง ถ้าไม่มีเรือพวกหมวกฟางก็ไม่มีวันได้ไปไหน “ยังไงก็ฝากด้วยนะ โมจี้”
ในขณะที่กัปตันบากี้กำลังถูกจับกุมตัวอยู่นั้น ทางด้านโมจี้เองตอนนี้ก็เริ่ม ดำเนินแผนการณ์ในการที่จะทำลายเรือหมวกฟางแล้ว โดยที่เขาได้เอาเศษไม้ต่างๆมากองสุ่มกันอยู่บนเรือ เพื่อเป็นเชื้อเพลิงที่ดีที่จะได้เผาเรือลำนี้ แต่เหมือนวันนี้เป็นวันซวยของพวกเขาก็ไม่ปาน ในขณะที่เขากำลังจะเผาเรืออยู่นั้น ฝนเจ้ากรรมก็ได้ตกลงมาอย่างหนัก จนการเผาเรือในครั้งนี้ นั้นไม่สามารถทำได้ เขาพยายามที่จะจุดไฟเท่าไหร่ก็ไม่ติด จนเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จนในที่สุดเขาก็นึกได้ว่าเรือแทบทุกลำจะมีปืนใหญ่ และแน่นอนถ้ามีปืนใหญ่อย่างไรก็ต้องมีห้องที่เก็บดินปืนอยู่ ถ้าจุดไฟจากข้างนอกไม่ได้ ก็เผามันข้างในไปเลย เมื่อโมจี้คิดขึ้นได้แล้วจะรอช้าไปทำไม ในขณะที่เขากำลังจะเข้าไปในเรือ เขากับถูกกระสุนปริศนาโจมตีเข้ามา โดยเจ้าของกระสุนปริศนานั้นเป็นของ พลซุ่มยิงแห่งกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง อุซป(god) นั่นเอง จึงเป็นเหตุให้โมจี้ได้แพ้ไป และกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางก็ได้ขึ้นมาบนเรือ เพื่อที่จะมุ่งหน้าออกเดินทางเข้าสู่แกรน ไลน์ และทิ้งให้โมจี้นอนหมดสภาพอยู่แบบนั้น
หลังจากที่กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางได้หนี และเข้าไปสู้ แกรน ไลน์แล้ว ทางด้านบากี้เองก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว โดยในขณะที่พวกเขาถูกจับกุมตัวนั้น คาบาจิได้แอบซุ่มรอดูเพื่อหาโอกาสช่วยพวกเขาอยู่อย่างห่างๆ เขาเฝ้าดูและรอโอกาสที่จะเข้าไปช่วย และโอกาสนั้นก็มาถึงเมื่อ สโมกเกอร์ได้นำกำลังพลส่วนมากไป เพื่อจับกลุ่มกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง จึงทำให้กำลังพลที่เฝ้าควบคุมกลุ่มบากี้นั่นมีน้อย ถึงกำลังพลที่ สโมกเกอร์ทิ้งไว้ควบคุมจะจัดว่าเป็นทหารเรือที่มีฝีมืออยู่บ้าง แต่ฝีมือของพวกนี้ก็ไม่สามารถที่จะทัดเทียมกับคาบาจิหนึ่งในกำลังหลักของ กลุ่มโจรสลัดบากี้ได้เลย คาบาจิจึงใช้โอกาสที่ดีนี้ ในการช่วยกัปตันบากี้ และเขาก็ได้ทำการช่วยกัปตันบากี้ออกมาได้
เมื่อเขาถูกช่วยออกมาได้แล้ว เขาได้รีบกลับไปที่เรือโดยทันที และได้พบกับโมจี้ที่นั่น โมจี้เองได้รีบเข้ามาขอโทษกับกัปตันบากี้กันยกใหญ่ โดยเขารู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถที่จะทำตามคำสั่งของกัปตันบากี้ได้ทัน เพราะฝนดันเกิดตกขึ้นมา แต่คาบาจิกับบอกว่าโมจี้ไม่ตั้งใจที่จะทำงานจึงทำให้งานออกมาล้มเหลวแบบนี้ เพื่อเป็นการลงโทษ ยังไงก็ต้องยึดตำแหน่งรองกัปตันของกลุ่มคืนจากเขา จึงทำให้คาบาจิและโมจี้ต่างทะเลาะกัน เถียงกันไปมาเหมือนเด็ก จนสร้างความเหนื่อยใจให้แก่กัปตันบากี้ เขาจึงบอกให้ทั้งคู่เงียบและบอกว่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเจ้าหมวกฟางนั้นโชคดี และปานนี้แล้วเจ้านั่น ก็คงจะมุ่งหน้าเข้าไปสู่แกรน ไลน์แล้ว และถ้าเป็นแบบนี้ ก็คงถึงเวลาแล้วที่เขาจะกลับไปสู่ แกรน ไลน์อีกครั้ง เขาจึงสั่งให้ลูกเรือทั้งหมดเตรียมตัว เป้าหมายต่อไปคือการมุ่งหน้าเข้าไปสู่แกรน ไลน์ เพื่อที่จะตามหาและคิดบัญชีแค้นกับเจ้าหนุ่มหมวกฟาง คนนี้ให้ได้…….
(จบไปแล้วกับอีกหนึ่งการเดินทางครั้งสำคัญของกัปตันบากี้ ที่เขาได้ออกตามล่ากลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง แต่ก็ล้มเหลวอีกครั้ง แต่ถึงจะล้มเหลวแต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะหยุด กับมุ่งหน้าต่อไปข้างหน้า และนับว่ากัปตันบากี้เองนี้จัดว่า เป็นลูกรักของอาจารย์แกมากเลย เพราะบทของเขายังไม่หมดและในโอกาสต่อไป เราจะมาตามการเดินทางของเขากันต่อ…)