Anime

มหาศึกคนชนเทพ ซาซากิ โคจิโร่ (Record of Ragnarok)

Sasaki Kojiro

มหาศึก คนชนเทพ ซาซากิ โคจิโร่ (Record of Ragnarok)

ซาซากิโคจิโร่ เขาเป็นหนึ่งในตัวแทนของฝ่ายมนุษย์ที่เข้าร่วมการต่อสู้กับฝ่ายเทพ ซาซากิ โคจิโร่เป็นซามูไรที่มีชื่อเสียงในยุค อาซึจิโมโมยามะ จนถึงช่วงต้นของยุคเอโดะ เข้าเป็นซามูไรที่มีฝีมือดาบที่สูงมาก โดยเฉพาะวิชาดาบที่เขาคิดค้นขึ้นอย่าง นางแอ่นหวนกลับ ที่มีความน่ากลัวในการต่อสู้เป็นอย่างมาก วิชานี้เองที่ทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมาเป็นอย่างมาก ในตอนที่เขามีชีวิตอยู่ เขาได้ท้าสู้และประลองกับยอดฝีมือดาบมาอย่างมากมาย มีทั้งแพ้และชนะ แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตลงในการดวลดาบกับมิยาโมโตะ ถึงแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตลงไปแล้ว แต่การฝึกของเขาก็ไม่สิ้นสุดตามไปด้วย เขายังฝึกและก็ฝึกอยู่เสมอ เพื่อพัฒนาและหาวิธีชนะในแบบตัวเอง จนกระทั่ง เขาได้ถูกรับเลือกให้เป็นตัวแทนในการเข้าร่วมศึกในครั้งนี้ และเขาก็ไม่ปฎิเสธเป็นอันขาด เขาพร้อมที่จะพิสูจแล้วว่าตลอดเวลาที่เขาฝึกวิชาดาบนี้ วิถีแห่งดาบของเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนไปและเขาจะต้องชนะในศึกครั้งนี้อย่างแน่นอน….

ประวัติ แห่งยุค (ประเทศ ญี่ปุ่น)

ซาซากิ โคจิโร่ เป็นซามูไรที่มีชื่อเสียงในยุคอาซึจิโมโมยามะ ถึงช่วงต้นของยุคเอโดะ เขาเป็นซามูไรที่มากด้วยความสามารถตั้งแต่ เขายังเด็กก็ได้แสดงพรสวรรค์นี้ออกมาให้ผู้พบเห็นได้เป็นที่ประจักตาอยู่เรื่อยมา จนกระทั่งเขาได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของคาเนมากิ จีไซหรือไม่ก็โทดะ ไซเก็น โดยเรียนรู้ศาสตร์ลับวิชาดาบ โจโจริว ที่ใช้ดาบโมโนโฮชิซาโอ ยาว 3 ฟุต จากไซเก็น

หลังจากนั้นเขาได้ออกเดินทาง ประลองดาบกับบรรดายอดนักดาบแห่งยุคมากมายทั่วทั้งแคว้นตะวันตก ในระหว่างที่ประลองเขาก็ฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอ จนสามารถคิดค้นเพลงดาบ”นางแอ่นหวนกลับ” ด้วยเพลงดาบที่เขาคิดค้นนี้ทำให้ ซาซากิ โคจิโร่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากจะบอกว่าเขานั้นแข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ ก็คงจะไม่เกินจริง เมื่อคิดค้นและก้าวขึ้นมาเป็นนักดาบชั้นแนวหน้าแห่งยุค เขาก็ได้เริ่มก่อตั้งโรงเรียนสอนดาบที่มี ชื่อว่า กันริว ที่โรงฝึกแห่งนี้เองเขาได้สอนวิถีแห่งดาบให้กับเหล่าลูกศิษย์เอาไว้อย่างมากมาย

เมื่อเขาก่อตั้งสำนักเป็นของตัวเองแล้ว ซาซากิ โคจิโร่ก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เขาเริ่มแสดงพรสวรรค์ในการใช้ดาบยาวโนดาชิ โดยหลังจากการชนะการดวลดาบกับน้องชายของอาจารย์ตัวเอง และเริ่มมีชื่อเสียงจากการแสดงฝีมือในการดวลครั้งต่างๆ รวมถึงได้รับการยกย่องจากขุนนางนามว่า โฮโซกาว่า ทาดาโอกิ หลังจากนั้นต่อมา เขาก็ได้พิชิตวิชาและกลายเป็นยอดฝีมือดาบโนดาชิ และใช้ “ดาบโมโนโฮชิซาโอ” ซึ่งแปลว่าราวตากผ้า เป็นอาวุธคู่ใจ

ถึงแม้ว่าในตอนนี้ ซาซากิ โคจิโร่จะถูกกล่าวขานว่ามีฝีมือแข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคแล้ว แต่ในเวลานั้นเขาก็มักจะถูกเปรียบเทียบกับ มิยาโมโตะ มุซาชิ อยู่เสมอ ในหลายครั้งผู้คนต่างคิดว่า มิยาโมโตะ มูซาชินั้น แข็งแกร่งกว่า ซาซากิ โคจิโร่แล้ว เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นเป็นเวลานาน ก็เกิดอาการโมโหขึ้นมา จนได้นัดท้าประลองกับมูซาชิ ในเวลาต่อมาการท้าประลองของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้น

ในประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนได้บันทึกไว้ว่า การท้าประลองดาบครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 1612 ณ เกาะกันริว บันทึกเหตุการณ์การดวลที่เกาะกันริวนั้น แตกต่างกันไปเป็นอย่างมาก แต่ส่วนที่มีความเหมือนกัน คือ มิยาโมโตะมีนิสัยแปลกอยู่หนึ่งอย่างที่เขามักจะทำอยู่เป็นประจำ นั่นคือ เขามักจะถึงสถานที่ประลองสายอยู่เสมอ และการประลองครั้งสำคัญนี้ก็เช่นกัน เขาได้ให้ ซาซากิรอเขานานเป็นชั่วโมงๆ ซึ่งพฤติกรรมนี้ได้จุดประกายความโกรธแค้นของซาซากิเป็นอย่างมาก

จนเมื่อเขาได้เจอกับมิยาโมโตะ เขาจึงพุ่งเข้าจู่โจมมิยาโมโตะอย่างทันที การที่เขาให้อารมณ์อยู่เหนือความควบคุมนั้นนำพามาซึ่งหายนะสู่ตัวเขา ดังเช่น ในบันทึกได้กล่าวไว้ว่า ซาซากิได้พุ่งเข้าไปจู่โจมก่อน ทันใดนั้นเองมิยาโมโตะก็ได้สวนกลับอย่างรวดเร็ว ด้วยการหวดเข้าไปที่อกของซาซากิ ทำให้ซี่โครงของซาซากิหักแทงปอด จนเขากระอักเลือดถึงแก่ความตาย ซึ่งปัจจุบันยังมีการโต้เถียงกันว่าวิธีการของมิยาโมโตะ ที่ทำให้ตัวเขาชนะการท้าดวลนั้นเป็นไปอย่างยุติธรรมหรือไม่ เพราะเขาตั้งใจที่จะไปสายเพื่อยั่วโมโหแก่ซาซากิ จนตัวซาซากินั้นพลาดท่าลงจนได้

แต่บางฝ่ายก็เถียงว่า ซาซากิกับมิยาโมโต้ได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ต่างคนก็ต่างที่จะเอาชนะอีกฝ่าย การดวลกันครั้งนี้จึงแตกต่างจากครั้งก่อน เพราะในครั้งนี้ ซาซากิได้ทิ้งปลอกดาบเสมือนกับบอกเป็นในๆว่า ถ้าวันนี้เขาแพ้นั่นก็คือความตาย และเมื่อแพ้เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ปลอกดาบอีกแล้ว และก็เป็นเช่นนั้นซาซากิได้แพ้ให้แก่มิยาโมโตะ ในที่สุด ปัจจุบันข้อสรุปนี้ก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์และยังถกเถียงกันมาจนถึงทุกวันนี้

ในปัจจุบันที่ประเทศญี่ปุ่นได้ ตั้งอนุสรณ์สถานเป็นรูปปั้นของ ซาซากิ โคจิโร่ เพื่อ  ลำลึกถึงความสามารถวิชาดาบของเขา ซึ่งรูปปั้นดังกล่าวตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะคิกโกะ ซึ่งในสวนนี้ยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นๆ อีกเช่น ศาลเจ้าคิกโกะ, บ้านพักอาศัยเมกาตะ (Mekata Residence), จุดสังเกตการณ์งูเผือก, โรงละครโน (Noh), พิพิธภัณฑ์มากมายและยังมีสวนไอริสขนาดใหญ่อยู่หลังอนุสรณ์สถานแห่งนี้อีกด้วย

ในส่วนอนิเมะ เรื่องมหาศึกคนชนเทพ

ในอนิเมะเองก็ได้หยิบนำ เอาเรื่องของ ซาซากิ โคจิโร่ มาตีความใหม่ แต่ยังยึดหลักในประวัติเดิมของเขาอยู่ โดยที่เขานั้นถูกใครหลายๆคนเรียกว่า ซามูไรผู้พ่ายแพ้ที่แข็งแกร่ง เพราะนิสัยในการต่อสู้ของซาซากิเอง เขาเป็นคนที่ฉลาดมาตั้งแต่เด็ก ในตอนที่เขาเริ่มฝึกดาบเขาก็มักจะต่อสู้และดวลกับทุกคนเรื่อยมา แต่พอถึงจุดสำคัญถ้าเขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีโอกาสชนะ เขาจะยอมแพ้เลยทันที เพื่อที่จะกลับไปและคิดค้นวิธีเอาชนะเพื่อกับมาสู้ใหม่นั้นเอง 

ซึ่งการกระทำของเขาก็มักจะถูกหลายๆคนดูถูก ว่าเขาเป็นคนที่ไม่เอาจริงเอาจัง และกลัวในการต่อสู้ ยกเว้นแต่นักดาบที่ได้เคยประลองฝีมือกับเขา จะรู้ว่าตัวซาซากิเองนั้น มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ ระดับที่สูงมาก โดยเขาจะคิดและหาหนทางชนะอยู่เสมอ หรือนั่นจะคือนิสัยของเขาที่เขาไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ถ้าเปรียบให้เขาเป็นเหมือนเมฆเขาก็เป็นเมฆที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เขาจะลอยสูงขึ้นไปเรื่องๆ หลังจากที่เขาตัดสินใจและปฎิเสธการเป็นผู้สืบทอดของสำนักดาบที่เขาได้ฝึก เพราะในเวลานี้เขานั้นได้แข็งแกร่งกว่าแล้ว เขาจึงเริ่มออกเดินทางและเรียนรู้จากสิ่งที่อยู่รอบตัวนำมาประยุกต์ใช้กับวิชาดาบ

จนในที่สุด เขาก็สำเร็จวิชาดาบ นางแอ่นหวนกลับ ในที่สุด เมื่อสำเร็จแล้วเขาก็ออกประลองฝีมือดาบ กับเหล่าอาจารย์และยอดฝีมือต่างๆ ในหลายๆครั้งการประลองยังไม่จบ เมื่อเขารู้แล้วว่าตัวเองไม่ชนะ เขาก็จะยอมแพ้ และนำเอาความพ่ายแพ้นี้ มาเรียนรู้ใหม่ให้แก่ตัวเอง เพื่อพัฒนาให้ตัวเองและหาหนทางชนะต่อไป เขาถึงรู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอที่ได้เห็นพลัง วิชาดาบของคนที่อยู่เหนือกว่าเขา และทุกครั้งที่เห็น เขาจะรู้สึกมีความสุข ถึงจะมีใครหลายคนว่าเขาว่าขี้แพ้ก็ช่าง แต่เขาก็ไม่เคยเอามาใส่ใจ เขาหวังแค่ตัวเขาจะหาวิธีชนะได้อย่างไรเพียงอย่างเดียว

จนกระทั่งการประลองครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา ระหว่างเขาและมิยาโมโตะ ที่ทั้งคู่ต่างประลองกันมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และในครั้งนี้เขารู้ตัวเองดีว่าเขานั้น ไม่สามารถที่จะเอาชนะมิยาโมโตะได้ และรู้ถึงความต่างของฝีมือ ถ้าเขาจะบอกว่ายอมแพ้ก็ได้ แต่ครั้งนี้ตัวของซาซากิเอง กับรู้สึกว่าถ้าเขายอมแพ้ในการประลองครั้งนี้ เขาจะต้องเสียใจและเสียดายไปตลอดชีวิตเป็นแน่ เพราะในเวลานี้เขารู้สึกสนุกและมีความสุขเป็นอย่างมาก

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงทิ้งปลอกดาบไปเพราะคิดว่า ปลอกดาบสำหรับเขาไม่จำเป็นแล้ว เขาทุ่มทุกอย่างในการต่อสู้ครั้งนี้ ทางด้าน มิยาโมโตะเองก็รู้ว่าศึกครั้งนี้เขาต้องชนะอยู่แล้ว ในใจเขาก็หวังลึกๆว่าซาซากิจะยอมแพ้  เพราะเขาก็ถือว่าซาซากิคือนักดาบที่ตัวเองให้ความยอมรับ และไม่อยากจะให้เขาจบชีวิตลงที่นี่ แต่เมื่อเห็นซาซากิทิ้งปลอกดาบ ก็เป็นการแสดงออกแล้วว่าศึกนี้เขาจะสู้อย่างจริงจัง มิยาโมโต้จึงยอมรับและนับถือในความเด็ดเดี่ยวของเขา เพื่อไม่ให้เขารู้สึกว่าเสียเกียรติ มิยาโมโต้จึงทุ่มพลังทั้งหมดที่มี และสังหารเขาลงในที่สุด

หลังที่ซาซากิเสียชีวิตงแล้ว วิญญาณก็ได้ถูกส่งมายังวาฮาล่า ที่เป็นสถานที่ต้อนรับต่อวิญญาณนักรบทุกดวง ให้พวกเขาได้พักผ่อน ถึงตัวจะตายแต่เขา ซาซากิ โคจิโร่ ก็ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ณ ที่แห่งนี้ เขามีเวลาที่จะพัฒนาฝีมือตนเอง และวิถีแห่งดาบของเขาให้สูงขึ้นไปอีก  เขาก็ได้ใช้เวลาทั้งหมดในการฝึก แล้วก็ฝึกต่อไป

จนในที่สุดเขาก็บรรลุ ถึงจิตวิญญาณวิถีแห่งดาบของเขา ในที่สุด เมื่อศึกแร็กนาร็อค ถูกประกาศขึ้น บรุนฮิลได้เข้ามาและเชิญเขาเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ แน่นอนซาซากิ ไม่ปฎิเสธ แถมเขายังอาสาที่จะออกไปสู้กับเทพโพไซดอน เทพที่ถูกขนานนามว่าเจ้าแห่งสมุทธที่มีพลังเป็นอย่างมาก แค่การเดินไปมาของเขา ก็ทำให้เทพจำนวนมากต้องก้มหัว ด้วยความยำเกรง แต่สำหรับซาซากิเขาไม่รู้สึกกลัว แต่กลับรู้สึกดีใจ ที่ในเวลานี้เขาได้มีโอกาสที่จะนำเอาเพลงดาบที่เขา เพียรฝึกมาอย่างยาวนาน ฟาดฟันกับเหล่าทวยเทพสักครั้ง และในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาจะต้องชนะ เพราะมีชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน!!!

มหาศึก คนชนเทพ ซาซากิ โคจิโร่ (Record of Ragnarok)

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending

What's your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
1
Not Sure
1
Silly
0

You may also like

Anime

แนะนำอนิเมะ Murai no Koi : Murai in Love (ตัวอย่าง/เนื้อเรื่อง/แนะนำตัวละคร)

เรื่องราวของ “มุราอิ” เด็กหนุ่มชั้นมัธยมปลายผู้เงียบขรึมที่กำลังตกหลุมรักครูสาวแสนสวย “ทานากะ อายาโนะ” เข้าอย่างจัง เขาจึงพยายามที่จะจีบและบอกรักเธออย่างตรงไปตรงมา ทว่าอายาโนะกับไม่มีทีท่าจะหวั่นไหวหรือรู้สึกเขินอายแต่อย่างใด เพราะแท้จริงแล้วเธอนั้นชอบผู้ชาย 2D ในเกมเสียมากกว่า!
Anime

แนะนำอนิเมะ Chi – Chikyuu no Undou ni Tsuite : สุริยะปราชญ์ ทฤษฎีสีเลือด (ตัวอย่าง/เนื้อเรื่อง/แนะนำตัวละคร)

เรื่องราวเริ่มขึ้นในยุโรปช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ที่ศาสนาและความเชื่อในพระเจ้ามีอิทธิพลต่อสังคมเป็นอย่างมาก จนทำให้ความคิดต่าง ๆ ที่ขัดต่อคำสอนในพระคัมภีร์กลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะทฤษฎีดาราศาตร์ที่กล่าวว่า “โลกไม่ใช่ศูนย์กลาง แต่เป็นดวงอาทิตย์ต่างหากที่เป็นศูนย์กลาง” กลายเป็นความคิดของพวกนอกรีตไปโดยปริยาย
Anime

แนะนำอนิเมะ Kekkon Suru tte, Honto Desu ka? : แต่งงานที่ว่านี่เรื่องจริงเหรอครับ? (ตัวอย่าง/เนื้อเรื่อง/แนะนำตัวละคร)

เรื่องราวของ “โอฮาระ ทาคุยะ” และ “ฮอนโจจิ ริกะ” สองเพื่อนร่วมงานที่รักสันโดษพวกเขานั้นเป็นคนที่เข้ากับใครไม่ค่อยเก่ง รักความสงบและชื่นชอบการได้อยู่คนเดียวเพียงลำพัง สำหรับพวกเขาแล้วชีวิตก็แค่ทำงาน เก็บเงิน และใช้ชีวิตโดยไม่สุงสิงกับใคร ทว่าในวันหนึ่งบริษัทที่พวกเขาทำงานอยู่นั้นก็ได้ตัดสินใจที่จะเปิดสาขาใหม่ที่ต่างประเทศ ส่งผลให้เกิดการคัดเลือกบุคลากรครั้งใหญ่!

Comments are closed.

More in:Anime

Anime

แนะนำอนิเมะ Tsuma, Shougakusei ni Naru. (ตัวอย่าง/เนื้อเรื่อง/แนะนำตัวละคร)

เรื่องราวของครอบครัว “Niijima” อันแสนอบอุ่นที่ประกอบไปด้วย Keisuke(พ่อ) , Takae(แม่) และ Mai ลูกสาวที่แสนน่ารักถึงจะมีบางครั้งที่ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่พวกเขาก็เป็นครอบครัวที่คอยดูแลซึ่งกันและกันอยู่เสมอ จนอยู่มาวันหนึ่ง Takae ก็ได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตลงกระทันหัน!
Anime

แนะนำอนิเมะ Kimi wa Meido-sama : เมดสาวนักฆ่า (ตัวอย่าง/เนื้อเรื่อง/แนะนำตัวละคร)

เรื่องราวของ “โยโกยะ ฮิโตโยชิ” เด็กหนุ่มมัธยมปลายแสนธรรมดาที่อยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้พบกับเมดสาวแสนลึกลับที่จู่ ๆ ก็โผล่มาหน้าบ้านพร้อมกับบอกว่า “ช่วยจ้างฉันได้ไหม” โดยที่เธอนั้นมีความสามารถพิเศษทางด้านการต่อสู้และลอบสังหาร ทว่าเรื่องงานบ้านงานเรือนเธอกับเป็นมือใหม่ที่ฝีมือเข้าขั้นเลวร้ายสุดๆ!
Anime

แนะนำอนิเมะ Ao no Hako : กล่องรักวัยใส (ตัวอย่าง/เนื้อเรื่อง/แนะนำตัวละคร)

เรื่องราวของ “อิโนมาตะ ไทกิ” เด็กหนุ่มสมาชิกชมรมแบดมินตันที่ในขณะนี้เขากำลังแอบชอบ “คาโนะ จินัตสึ” รุ่นพี่สาวแสนน่ารักหัวหน้าชมรมบาสเกตบอลหญิง และด้วยความขยัน มุ่งมั่น เอาจริงเอาจังของรุ่นพี่ก็ทำให้ไทกิพยายามอย่างหนักที่จะฝึกซ้อม พัฒนาตัวเองเพื่อให้ได้เข้าใกล้เธอมากขึ้น