ราชันย์แห่งภูต โคโรโร (Kororo)
โคโรโร (Kororo)
เกิด ?? ค.ศ.??
อายุ ??ปี
ราศี ?? กรุ๊ปเลือด ??
สถานะ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในธรรมชาติ
พลัง น้ำแข็ง
เป็นวิญญาณประจำตัวของ อูซุย โฮโรเกะ หรือ โฮโรโฮโร
โคโรโร เป็นวิญญาณประจำตัวของโฮโรโฮโร หนึ่งในภูตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในธรรมชาติ ของชนเผ่าจิ๋วที่ชื่อว่า โคโรโป๊ะคุรุ มีพลังวิญญาณที่สูง สามารถเปลี่ยนพลังวิญญาณให้กลายเป็นน้ำแข็งได้ ในชนเผ่าไอนุต่างเคารพและยกย่องให้โคโรโป๊ะคุรุ เปรียบเสมือนตัวแทนของเทพเจ้าของพวกเขา นอกจากนี้เผ่าโคโรโป๊ะคุรุยังเชี่ยวชาญศาสตร์ต่างๆ อาทิเช่น การล่าสัตว์ การแกะสลัก ทอผ้า การรักษาโรค รวมถึงยังเป็นผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรต่างๆในธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นนักพยากรณ์อากาศที่ดี และเป็นผู้นำทางค่อยช่วยเหลือผู้คนต่างๆอีกด้วย สำหรับโคโรโรเองก็เช่นกัน เธอมีนิสัยที่ดีเป็นมิตรกับผู้คน และยังมีรูปร่างเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ถ้าใครได้พบเห็นก็มักที่จะหลงใหล ในตัวเธอกันแทบทั้งนั้น
โคโรโรได้เลือกที่จะเป็นวิญญาณประจำตัวและติดตามโฮโรโฮโร เพราะว่าเธอเห็นถึงความอ่อนโยน และรู้ถึงความฝันเจตนารมณ์อันแรงกล้าของเขาที่จะฟื้นฟูธรรมชาติ พร้อมทั้งปลูกทุ่งต้นฟูกิผืนใหญ่ เพื่อเป็นที่อยู่ให้แก่เผ่าโคโรโป๊ะคุรุ…
ประวัติอดีต
โคโรโรถึงแม้ว่าในตอนนี้ เธอจะคือหนึ่งในหนึ่งในเผ่าโคโรโป๊ะคุรุแล้วก็ตาม แต่แท้จริงแล้วเธอไม่ได้เกิด มาเป็นโคโรโป๊ะคุรุตั้งแต่แรก อันที่จริงก่อนที่เธอจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเผ่า เธอเคยเป็นมนุษย์มาก่อน เมื่อ5ปีก่อนที่เธอยังเป็นมนุษย์ เธอมีชื่อว่า คุโรเบะ ทามิโกะ เป็นลูกสาวของวิศวกรเขื่อน ที่ต้องย้ายตามพ่อของเธอมาที่ฮออกไกโด เมื่อมาถึงเธอได้พยายามที่จะหาเพื่อนใหม่ๆที่หมู่บ้านแห่งนี้ แต่ก็ต้องล้มเหลว เพราะไม่มีเด็กคนไหนเลยที่จะยอมคุยหรือเป็นเพื่อนเล่นกับเธอ ทุกคนทำเหมือนกับว่าเธอนั้นไม่มีตัวตน และเป็นตัวประหลาด
จนกระทั่งเธอ ได้มาพบเข้ากับเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมห้องของเธอ ที่ชื่อว่า อูซุย โฮโรเกะ ที่มีนิสัยประหลาดและมักจะอยู่คนเดียวเสมอ ดูไปแล้วก็คล้ายเหมือนกันกับเธอ เพราะเหตุนี้เอง ทามิโกะจึงพยายามที่จะเข้าไปทำความรู้จักและตีสนิทด้วย แต่ก็มักถูกโฮโรเกะปฎิเสธเรื่อยมา อีกทั้งเขายังเรียกเธอด้วยฉายาว่า ดามูโกะ อีก แต่เธอก็ไม่โกรธที่เขาจะเรียกชื่อเธอเป็นฉายา สำหรับเธอแล้วการเรียกฉายานี้ก็เปรียบเสมือนการยอมรับของเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เธอจึงเลือกที่จะตั้งฉายาให้กับเขามั่งว่า โฮโรโฮโร
หลังจากนั้น ดามูโกะก็พยายามตามโฮโรโฮโรไปทุกที่ จนในที่สุดโฮโรโฮโรก็ยอมเปิดใจ และยอมรับเป็นเพื่อนกับเธอ ซึ่งการยอมรับนี้สร้าความดีใจให้แก่เธอเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ตัวติดกัน ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด เป็นเหมือนเพื่อนที่สนิทและรักกันมากอย่างที่สุด จนกระทั่งวันหนึ่ง ดามูโกะรู้สึกว่าโฮโรโฮโรเปลี่ยนไป เขาไม่ยอมพูดคุยหรือทักทายเธอเหมือนกับเมื่อก่อน ไม่ว่าเธอจะพยายามชวนเขาคุย หรือทำอะไรในเวลานี้ โฮโรโฮโรก็ไม่ยอมพูดอีกทั้งยังพยายามหนีเธออยู่เรื่อยๆ ซึ่งการกระทำนี้สร้างความอึดอัด และเจ็บปวดใจให้แก่เธอเป็นอย่างมาก
จนในที่สุด ดามูโกะอดรนทนไม่ไหว อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันสุดท้ายของภาคเรียน ก่อนที่โรงเรียนจะปิดช่วงฤดูหนาว เธอจึงได้ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไร เธอจะต้องรู้เหตุผลที่โฮโรโฮโรไม่ยอมพูดคุยกับเธอให้จงได้ และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง โฮโรโฮโรบ่ายเบี่ยงที่จะคุยกับเธอ และพยายามวิ่งหนีเธอไป แต่ครั้งนี้ ดามูโกะไม่สามารถทนได้แล้ว เธอจึงตัดสินใจที่จะวิ่งตามไป และได้วิ่งตามโฮโรโฮโรไปเรื่อยๆ แต่วิ่งตามไปเท่าไหร่โฮโรโฮโรก็ยิ่งวิ่งห่างเธอไปไกลทุกทีๆ ซึ่งเริ่มทำให้เธอว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก จนเผลอพลาดท่าตกลงไปอยู่ใต้หน้าผา ด้วยความแรงจากการตกนั่นทำให้เธอสลบไปในที่สุด ในเวลาต่อมาด้วยหิมะที่ตกลงมาอย่างมากจึงทำให้ดามูโกะที่สลบอยู่ ได้ถูกหิมะทับถมอยู่เป็นเวลานาน จนในที่สุดร่างกายของเธอก็ไม่สามารถทนต่อความหนาวเย็นได้ จึงทำให้เธอเสียชีวิตลงในที่สุด
เมื่อเธอเสียชีวิตไปแล้ว ไม่นานวิญญาณของเธอก็ออกจากร่าง ในเวลานี้เธอรู้สึกสับสน แต่ก็สามารถยอมรับได้ว่าตนเองน้้นตายไปแล้ว ไม่นานรอบๆตัวเธอก็ปรากฎตัวของเหล่าคนจิ๋วเผ่าโคโรโป๊ะคุรุ ที่ได้ออกมาหาเธออย่างมากมาย เหมือนกับเรื่องที่โฮโรโฮโรเคยเล่าให้เธอฟัง ถึงพวกเผ่าโคโรโป๊ะคุรุ แต่แปลกใจว่าทำไมพวกเขาถึงออกมาพบเธอ จนเธอได้รู้ว่า ที่พวกเขายอมออกมาพบเธอนั่น ก็เพื่อที่จะนำทางวิญญาณของเธอไปสู่โลกหน้า เพราะเธอถือว่าเป็นเพื่อนของโฮโรโฮโร เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดามูโกะก็ปฎิเสธที่จะตามการนำทางของโคโรโป๊ะคุรุไป เพราะเธอยังอยากที่จะรู้เหตุผลว่าทำไม โฮโรโฮโรถึงไม่ยอมพูดกับเธอ ตอนนี้สิ่งที่เธอทำล้วนสร้างความอึดอัดและลำบากใจให้แก่เผ่าโคโรโป๊ะคุรุเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งการปรากฎตัวของโกโรโร่ หนึ่งในสมาชิกเผ่าโคโรโป๊ะคุรุ ที่มีร่างกายใหญ่โต แตกต่างจากโคโรโป๊ะคุรุตนอื่นเป็นอย่างมาก โกโรโร่ได้ออกมาพร้อมทั้งอธิบายว่าเธอไม่สามารถปฎิเสธการนำทางของพวกเขาไปได้ แต่เธอสามารถที่จะเลือกได้ ถ้าเธอยังอยากที่จะอยู่ต่อเพื่อพบโฮโรโฮโร ด้วยการกลายเป็นโคโรโป๊ะคุรุ และถ้าเธอเลือกทางนี้ เธอก็จะต้องเข้ารับการทดสอบ เมื่อเธอสามารถผ่านการทดสอบนี้ได้แล้ว เธอถึงจะกลายเป็นหนึ่งในโคโรโป๊ะคุรุ และจะต้องทำหน้าที่ปกป้องธรรมชาติแห่งนี้ตลอดไป นับเป็นทางเลือกที่แสนลำบากทั้งสองทาง แต่ดามูโกะกับเลือกและตัดสินใจอยางไม่ลังเลเลยว่า เธอเลือกที่จะอยู่ต่อเพื่อพบกับโฮโรโฮโร และเธอพร้อมที่จะเข้าร่วมบททดสอบเพื่อกลายเป็นโคโรโป๊ะคุรุ ถึงแม้ว่าบททดสอบนี้จะยากเย็นมากแค่ไหน เธอก็ไม่สนใจ เพราะเธอหวังเพียงอย่างเดียวที่จะได้เจอและอยู่ข้างกายโฮโรโฮโรอีกครั้งหนึ่ง…
ปัจจุบัน (หลังจากเป็นโคโรโป๊ะคุรุ)
เมื่อเธอตัดสินใจเลือกทางเดินนั้นแล้ว โกโรโร่จึงพาเธอไปยังบททดสอบนั้น เมื่อมาถึงภายใต้การทดสอบจากโกโรโร่ก็ทำให้วิญญาณของเธอเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลง จากเดิมไปอย่างมาก เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นาน ในตอนนี้วิญญาณของเธอเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นวิญญาณละเอียด และกลายเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในที่สุด เมื่อกลายเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แล้ว เธอจะไม่สามารถใช้ร่างเดิมของวิญญาณได้อีก อีกทั้งชื่อเดิมของเธอก็จะต้องถูกลบทิ้งไป
ในเวลานี้เธอถือว่ากำเนิดขึ้นมาใหม่ และได้รับนามใหม่ของเธอว่า โคโรโร พร้อมกับเงื่อนไขในสัญญาที่เธอจะไม่มีวันกลับไปเป็นร่างเดิมได้อีกแล้ว แต่เธอจะสามารถกลับเป็นร่างเดิมได้อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าพันธะสัญญาระหว่างเธอกับโฮโรโฮโรสมบูรณ์ ซึ่งในทีแรกสัญญานี้ทำให้เธอสับสนและงุนงงเป็นอย่างมาก เพราะเธอไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร แต่ในเมื่อเธอได้กลายเป็นหนึ่งในโคโรโป๊ะคุรุแล้ว เธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้เลย ในตอนนี้เธอมีอิสระก็จริง แต่ก็ต้องอยู่ในกฎและใช้ชีวิตอยู่ในผืนป่าเพื่อปกปักรักษาและดูแลธรรมชาตินี้ ตามหน้าที่ของโคโรโป๊ะคุรุ ถึงจะไม่สามารถออกไปไหนได้ แต่เธอก็หวังว่าสักวัน เธอจะได้พบเข้ากับโฮโรโฮโรอีกครั้ง.
เหมือนกับคำขอวิงวอนต่อพระเจ้าเป็นจริง ในเวลาไม่นานเธอก็พบเข้ากับโฮโรโฮโรจริงๆ ที่ในตอนนี้เขาได้แยกตัวออกมาจากหมู่บ้าน และมาใช้ชีวิตคนเดียวในหุบเขาแห่งนี้ ที่นี่เองโฮโรโฮโรได้ทำการฝึกฝนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มพูนพลังวิญญาณของตนให้สูงขึ้น ถึงการฝึกของเขาจะทุลักทุเลอยู่บ้าง เพราะไม่มีผู้อาวุโสในเผ่าคอยชี้นำเหมือนก่อนแล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในที่สุดโฮโรโฮโรก็สามารถฝึกจนสำเร็จ จนมาถึงขั้นตอนสุดท้ายของการฝึกนั่นคือ การเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมาติ หรือการทำพันธะสัญญากับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โคโรโป๊ะคุรุ ซึ่งขั้นตอนนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากของชาแมนชาวไอนุ ที่ก่อนเริ่มจะต้องทำพิธีต่างๆมากมาย จากทางผู้อาวุโสเพื่อเป็นการบอกกล่าวเปิดทางให้ชาแมนไอนุ สามารถเข้าถึงวิญญาณแห่งธรรมชาติได้ แต่ในตอนนี้โฮโรโฮโรเลือกที่จะออกจากหมู่บ้านและมาใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียว
เขาจึงไม่ขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสในหมู่บ้าน การไม่มีผู้อาวุโสค่อยช่วยเหลือทำพิธีให้นั้น ก็บอกได้เลยว่าโฮโรโฮโรจะต้องล้มเหลวเป็นอย่างแน่นอน แต่ใครจะคิดว่า โฮโรโฮโรไม่จำเป็นต้องทำพิธีอะไรมากมาย เขาก็สามารถทำพันธะสัญญากับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โคโรโป๊ะคุรุได้สำเร็จอย่างน่าเหลือเชื่อ
ส่วนหนึ่งที่เขาทำสำเร็จก็มาจากความตั้งใจด้วยตนเองของโคโรโร ที่อยากที่จะติดตามอยู่ข้างกายโฮโรโฮโร จึงทำให้การฝึกเพื่อให้ได้รับพลังธรรมชาตินี้ของไอนุสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นโคโรโรก็กลายมาเป็นวิญญาณประจำตัวของโฮโรโฮโร สำหรับเธอแล้วไม่มีสิ่งใดที่จะมีวามสุขมากกว่าการได้ติดตามคนที่ตัวเองรักอีกแล้ว เธอจึงสัญญากับตน ถึงแม้เธอจะพูดกับโฮโรโฮโรไม่ได้ แต่เธอก็พร้อมที่จะเป็นพลังให้แก่เขา เพื่อช่วยให้เขานั่นทำความฝันให้เป็นจริง…
การโอเวอร์โซล
โคโรโร ถือว่าเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังวิญญาณสูงเป็นอย่างมาก เพราะว่าเธอเปรียบเสมือนวิญญาณธรรมชาติเป็นเจตภูติที่มีพลังวิญญาณสูงมากกว่า วิญญาณมนุษย์หรือสัตว์ จัดเป็นประเภทวิญญาณที่เหล่าชาแมนจำนวนมากเลือกใช้ เพราะให้พลังที่สูงกว่าวิญญาณทั่วไปต่างๆ และยิ่งอยู่ในมือของชาแมนที่มีพรสวรรค์ และสามารถเข้าถึงพลังแห่งธรรมชาตินี้ได้แล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความหน้ากลัวในการทำO.S.มากยิ่งขึ้นไปอีก
การโอเวอร์โซลของโคโรโรเองนั้น จะทำการร่วมร่างในสโนบอร์ดที่เปรียบเสมือนสิ่งของคู่ใจของโฮโรโฮโร ซึ่งช่วยเพิ่มพลังในการสร้างน้ำแข็งและพลังวิญญาณได้ง่ายขึ้น ท่าในการโอเวอร์โซลต่างๆของเขามีดั่งนี้
-ท่าโอเวอร์โซลเริ่มแรกของโฮโรโฮโร เป็นการร่วมกันของโคโรโรและสโนบอร์ด สามารถใช้ได้อย่างหลากหลาย ในทีแรกเขาใช้เป็นบอร์ดยิงลูกน้ำแข็งออกมา แต่สามารถนำมาใส่ที่แขนให้กลายเป็นหมัดน้ำแข็งได้ เป็นโอเวอร์โซลที่ทำให้ผ่านบททดสอบจากคาริมหนึ่งในผู้คุมกฎแห่งเผ่าปัจน์ จนได้เข้าร่วมการแข่งขันชาแมนไฟต์สำเร็จ-
-ท่าโอเวอร์โซลขั้นที่2 ที่โฮโรโฮโรพัฒนาขึ้นมาหลังจากที่มาอเมริกาและได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่ช่วยให้พลังนี้ตื่นขึ้น เป็นการนำโคโรโรมาโอเวอร์โซลในอิคุปาซุย(เครื่องรางแกะสลักของชาวไอนุ)จนทำให้เกิดเป็นเหมือนกับดาบนำแข็งที่มีพลังในการตัด และแช่แข็งสิ่งต่างๆได้ มีชื่อเรียกว่า “เนเค ฟุย เคคิโรโร (พลังบริสุทธิ์ไร้มลทิน)”
-ท่าโอเวอร์โซลที่พัฒนาสูงที่สุด หลังจากที่โฮโรโฮโรยอมรับในชื่อเก่าตน พร้อมทั้งได้รับประสบการณ์เฉียดตาย จนปลดลิมิตพลังวิญญาณของตนได้สำเร็จ พลังนี้เป็นการใช้ความเย็นจากภายใน ในการแช่แข็งภายนอก ท่านี้มีชื่อเรียกว่า “นิโปโป เทกุนเป”(ปลอกแขนบริสุทธิ์) –
ราชันย์แห่งภูต โคโรโร (Shaman King)
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending