#ย้ายประเทศกันเถอะ.. แฮชแท็กร้อนที่แฝงไว้ด้วยความหมายของคนหมดหวังหรือมีหวัง!!
#ย้ายประเทศกันเถอะ.. แฮชแท็กร้อนแรงที่ติดเทรนทวิตเตอร์ในวันนี้ เมื่อวันที่2พ.ค. ได้เกิดปรากฎกาลคนจำนวนมากต่างเข้าร่วมในกลุ่มเฟสบุ๊ค ที่ใช้ขื่อกลุ่มว่า ย้ายประเทศกันเถอะ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ใช้ชีวิต และการอยู่ในต่างแดน ว่าพวกเขาอยู่และเป็นอย่างไร? พร้อมทั้งทิ้งไว้ด้วยวลีเด็ดที่ว่า “อย่ากลัวที่จะเป็นพลเมืองชั้น2ของประเทศนั้น เพราะถ้าคุณเป็นคนจนที่ประเทศนี้ ก็ไม่ต่างจากพลเมืองชั้น2” เพียงเท่านี้ ก็สามารถสร้างความตื่นตัวในกลุ่ม ผู้ใช้บางคนที่เข้ามาในทีแรกก็เข้ามาดูเพื่อความบันเทิง แต่พอผ่านไปซักพักเนื้อหาในนั้น จะค่อยเริ่มจริงจังขึ้น และทำให้รู้ว่าชีวิตในต่างแดน เมื่อเทียบกับที่ที่เราอยู่นั่น ต่างกันมากแค่ไหน..
ณ ตอนนี้วันที่3พ.ค. เพียง1วันกลุ่มก็เริ่มมีสมาชิกมากกว่า500,000คน!!เข้าไปแล้ว ไม่ใช่เพียงเฟสบุ๊ค แต่แฮชแท็กในทวิตก็พุ่งขึ้นสูงเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มจะสูงยิ่งขึ้น เป็นการแสดงให้เห็นว่า หลายๆคนในตอนนี้นั่นต่างมองไม่เห็นความหวังในการอยู่ที่นี่แล้วหรือ? ถึงแม้จะดูว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้คนในกลุ่มจำนวนมาก จะสามารถย้ายไปได้ทั้งหมด แต่ถ้าไปได้ซัก10% ก็มีมากถึง50,000คน และ50,000คนนี่เอง ก็ล้วนเป็นประชาชนวัยทำงานเสียส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าเป็นจริงก็จะทำให้เกิด สภาวะสมองไหลได้เลย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้ก็จะไม่ใช่เรื่องเล่นๆอีกแล้ว!!
หลังจากที่ได้อ่านรวมถึงความคิดเห็นทั้งหมด ได้สะท้อนถึงสิ่งต่างๆ ที่ผู้ใช้งานทุกคนได้กล่าวออกมา ทำให้เราได้รู้ว่า เหล่าคนรุ่นใหม่เริ่มที่จะหมดหวัง เสมือนกับที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นอนาคตของตัวเองได้อีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเกลียดหรือชัง แต่เหมือนกับพวกเขาแข่งกับสิ่งที่ไม่มีวันจะเป็นจริง เหมือนกับลงแรงไปในสิ่งที่สูญเปล่า แต่ถ้าเอาแรงนี้ไปใช้ต่อสู้เพื่ออนาคตของตัวเองที่อื่น ที่ซึ่งเขาเห็นแล้วว่ามีโอกาสมากกว่า จะไม่ลองเสี่ยงและสู้ซักครั้งหนึ่งหรือ?
ประเทศต่างๆที่ผู้คนในกลุ่มต่างแวะเวียนมาแนะนำกัน มี#เกิดขึ้นมากมายจากทางผู้คนต่างๆที่อยู่ในต่างแดน ไม่ว่าจะ#ทีมเกาหลี #ทีมแคนนาดา #ทีมสวิตเซอร์แลนด์ ล้วนเป็นอีกในหนึ่งที่สื่อ ถึงโอกาสและชีวิตที่พวกเขาได้รับในต่างแดน ในบทความต่อจากนี่จะขอหยิบยกเอา9ประเทศที่มีโอกาสและเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานหลายท่านกล่าวถึง รวมทั้งสิทธิประโยชน์ ความหวังที่สามารถเป็นไปได้ ประเทศต่างๆที่กล่าวมามีดังนี้
1.ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)
เมืองในฝันอันดับหนึ่งของใครหลายๆคน ที่อยากจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น เป็นเมืองที่หน้าอยู่และปลอดภัย ได้รับการจัดอันดับให้ติดเมืองที่น่าอยู่ของโลก แต่ความน่าอยู่นั่นก็แลกมาด้วย ความเข้มงวดในเรื่องการขอสัญชาติเป็นอย่างมาก การยื่นขอสัญชาติ จะต้องผ่านการสอบ และสัมภาษณ์กับทางหน่วยงานรัฐ พร้อมทั้งประเมินและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
ขั้นตอนการขอสัญชาติ
-การแต่งงานต้องแต่งงานนานกว่า 3ปี และอาศัยในสวิสนานกว่า5ปี จึงจะสามารถยื่นขอสัญชาติได้
-จะต้องอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์อย่างถาวรเกิน12ปีก่อน ถึงจะสามารถขอสัญชาติได้
สิทธิประโยชน์
-เป็นประเทศที่มีฐานเงินเดือนขั้นต่ำสูงที่สุดในโลก
-ความฝันยามชรา ด้วยระบบบำนาญเกษียญอายุ
-สามารถเดินทางเข้าออกได้มากกว่า 155ประเทศทั่วโลก
-เรียน ทำงาน และพำนักอาศัยได้อีก27ประเทศทั่ว EU
2.ประเทศสวีเดน (Sweden)
เป็นประเทศที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมสูงมาก ระบบเศรษฐกิจแบบพึ่งพาการส่งออก ซึ่งเป็นสินค้าอุตาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมป่าไม้ รถยนต์ อากาศยาน อาวุธและเวชภัณฑ์ และสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อไว้ไม่ให้เกินร้อยละ 2 ต่อปี อีกทั้งยังมีสวัสดิการที่ดีอีกหนึ่งในยุโรป
ขั้นตอนการขอสัญชาติ
-วีซ่าอยู่อาศัยถาวร Permanent Uppehallstillstand (PUT Visa) ต้องทำใหม่ทุก5ปี เหมือนบัตรประชาชน
-การยื่นขอวีซ่าอยู่อาศัย (UT) มีสิทธิ์ได้วีซ่าถาวร (PUT) เมื่ออยู่กับคู่สมรสมากกว่า 2ปี
สิทธิประโยชน์
-มีสิทธิ์อยู่อาศัย ทำงาน และมีสิทธิ์เลือกตั้ง
-สามารถลงสมัครเป็นนักการเมือง รวมถึงประกอบอาชีพรับราชการได้
-สามารถเข้าไปทำงานในกลุ่มประเทศ EU ได้
-สามารถได้รับสวัสดิการ และบำนาญ
-สามารถเดินทางเข้าออกได้ทุกประเทศทั่วโลก ยกเว้นไว้แต่ประเทศอัฟกานิสถานเท่านั้น
3.ประเทศอังกฤษ (England)
เป็นอีกหนึ่งประเทศในฝันของใครอีกหลายคน ที่ปราถนาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ก็ถือว่าเป็นประเทศที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก ในการขอสัญชาติอีกประเทศหนึ่ง โดยจะต้องเริ่มตั้งแต่ขอสิทธิ์พำนักถาวร(Permanent Residency) เพื่อที่จะมีสิทธิ์ เพื่อขอเป็นพลเมือง(Citizenship) ต่อไป
ขั้นตอนการขอสัญชาติ
-สมัครขอสัญชาติหลังจากที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรเป็นเวลา 5ปี
-มีคู่สมรสหรือคู่ครองเป็นพลเมืองชาวอังกฤษ ซึ่งต้องอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไม่ต่ำกว่า 3 ปี
-สมาชิกในครอบครัวมาจาก EU EEA หรือสวิสเซอร์แลนด์ จะได้รับสถานะการพำนักถาวรโดยอัตโนมัติ
สิทธิประโยชน์
-สิทธิการรักษาพยาบาล ระบบประกันสุขภาพที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลกตลอดชีวิต ฟรี
-มีอิสระในการเดินทางไปในหลายๆ ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า
-ได้สิทธิ์เท่าเทียมกับพลเมืองยุโรป มีความได้เปรียบด้านภาษีสำหรับนักลงทุน
4.ประเทศสหรัฐอเมริกา (United States America)
เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ใครหลายๆคน ก็อยากจะไปใช้ชีวิตหรือเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น ด้วยระบบสวัสดิการที่ค่อนข้างดี และรายได้ค่าครองชีพที่มั่นคง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการขอเป็นพลเมืองที่ค่อนข้างจะยุ่งยากไม่แพ้ประเทศอื่นๆ โดยผู้ที่จะเป็นพลเมืองจะต้องผ่านด่านถึง3ด่าน คือ วีซ่าชั่วคราว วีซ่าผู้พำนักถาวร (Green Card) พลเมืองสหรัฐ (US Citizenship) และยังสามารถเสี่ยงดวง Lotto Green Card สุ่มจับรายชื่อเพื่อเป็นพลเมือง
ขั้นตอนการขอสัญชาติ
-ถือวีซ่าถาวร(Green Card) โดยการแต่งงานกับคนอเมริกัน และทำเรื่องยื่นขอสัญชาติ
-มีญาติทางสายเลือดที่ใกล้ชิดเป็นอเมริกันชนยื่นขอให้
-ขอได้จากการรับใช้ชาติช่วยราชการของทางอเมริกา
-ขอจากการทำงาน หรือ การลงทุนทางธุรกิจ
สิทธิประโยชน์
-สามารถเข้าได้147 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า
-สามารถออกนอกประเทศได้อย่างอิสระ
-ได้รับสวัสดิการเทียบเท่าพลเมืองสหรัฐ การรักษาพยาบาล และเงินชดเชยผู้ที่ว่างงาน หรือไม่มีรายได้(ประมาณ12,000บาท/สัปดาห์)
5.ประเทศแคนนาดา (Cannada)
แคนนาดาถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีผู้คนจำนวนมากต้องการไปอยู่อาศัย ด้วยเหตุผลคือเป็นประเทศที่ ได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและมีชีวิตความเป็นอยู่ดีที่สุดติดอันดับต้นๆ ไม่แปลกที่ใครก็ย่อมอยากใช้ชีวิตดีๆกันแทบจะทั้งนั้น แต่ทว่าการจะขอสัญชาติแคนนาดาต้องบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน
ขั้นตอนการขอสัญชาติ
วีซ่าถาวร หรือที่เรียกกันว่า PR Canada
-เมื่อผู้พำนักอาศัยในแคนนาดา อาศัยอยู่ครบ 3ปี ในทุก5ปี จะต้องลงทุนในสินทรัพย์ธนาคาร หรือก็คือการมีเงินฝากไว้ในประเทศแคนนาดาขั้นต่ำคนละ 400,000ดอลลาร์แคนนาดา(10ล้านบาทไทย) เป็นระยะเวลาทั้งหมด5ปี ในระหว่างที่ฝากจะไม่ได้รับดอกเบี้ยใดๆ จากสินทรัพย์เป็นการตอบแทนทั้งสิ้น
-ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ ที่จะพัฒนาประเทศ ในแต่ละปีจะมีความต้องการที่แตกต่างกันออกไป แต่แทบทุกปีจะต้องการ แพทย์ พยาบาลและวิศกร ส่วนด้านอาชีพอื่นๆ จะต้องการไม่เหมือนกันในแต่ละปี
-กลุ่มผู้ลี้ภัย คนกลุ่มนี้จะต้องมาจากประเทศที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเมืองเท่านั้น
-กลุ่มแรงงานต่างชาติชั่วคราว จะต้องเป็นกลุ่มคนที่เข้าไปทำงานในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
สิทธิประโยชน์
-ได้รับสวัสดิการของรัฐทั้งหมด เท่ากับพลเมืองแคนนาดา แต่ไม่สามารถลงสมัครเลือกตั้ง และออกเสียงเลือกตั้งได้ -สามารถเดินทางเข้า-ออกประเทศได้ 188ประเทศทั่วโลก โดยไม่ต้องขอวีซ่า หรือขอวีซ่าเมื่อไปถึง โดยพาสปอร์ตแคนนาดาได้รับการจัดอันดับให้อยู่ที่3ของโลกเทียบเท่า พาสปอร์ตเยอรมัน
6.ประเทศออสเตรเลีย (Australia)
ออสเตรเลีย เป็นประเทศที่อยู่บนเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่เปิดรับผู้คนจากทั่วโลก มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ และเป็นประเทศที่มีความน่าอยู่ มีพื้นที่มากที่สุดเป็นอันดับ6 ของโลก
ขั้นตอนการขอสัญชาติ
-ผู้อยู่อาศัยด้วยวีซ่าประเภทต่างๆ อย่างน้อย 4ปี ถึงจะสามารถยื่นขอเพื่อรับวีซ่าถาวร1ปี ในการสมัครเป็นพลเมือง
-สมัครวีซ่าประเภท (work and holiday visa) ได้ทั้งเที่ยว ทำงาน และเรียน อย่างถูกต้องภายในระยะเวลา 1ปี
-ผู้ที่เข้ามาทำงาน ครบ3ปี สามารถที่จะขอเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรได้
สิทธิประโยชน์
-สวัสดิการรักษาพยาบาล Medicare ฟรี ในโรงพยาบาลของรัฐ และเบิกค่ารักษาจากการพบแพทย์ตามคลินิกได้
-ผู้ได้รับสัญชาติ สามารถเป็นสปอนเซอร์ ขอวีซ่าให้ญาติได้ สามารถย้ายถิ่นฐานไปอยู่อาศัยในประเทศนิวซีแลนด์ได้อย่างถาวร
-มีรายได้เลี้ยงชีพระหว่างหางาน และเงินสำรองหลังเกษียณอายุ
7.ประเทศนิวซีแลนด์ (New Zealand)
นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่อยู่ในโอเชียเนีย นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ยอดเยี่ยมทั้งธรรมชาติ การเมืองที่มั่นคง การศีกษา การทำธุรกิจ คุณภาพชีวิตที่ดี จึงทำให้นิวซีแลนด์เป็นตัวเลือกที่ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก ที่ต้องการจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ และหาที่อยู่เป็นการถาวร
ขั้นตอนการขอสัญชาติ
-ขออนุมัติ PR แบ่งเป็น2ระดับคือ ประสบการณ์และความสามารถ (Skill Migrant) และการขอผ่านการลงทุน (Business Investment Category)
-จะต้องทำการเก็บคะแนนเพื่อขอPR
-หากมีแฟนหรือคู่สมรสในประเทศจะได้รับคะแนนเพิ่ม
-ต้องเก็บคะแนนให้ได้160หรืออย่างน้อย100
-Work Experience ยิ่งเยอะจะได้คะแนนมาก
สิทธิประโยชน์
-สิทธิทางการเมือง สามารถลงเลือกตั้งและมีสืทธิเลือกตั้ง รวมถึงสิทธิในการลงทุนในพันธบัตร
-เดินทางได้ทุกประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า
-ถ้าถือหนังสือเดินทางของนิวซีแลนด์จะเท่ากับว่าได้PR ของออสเตรเลียไปในตัว จึงสามารถข้ามไปทำงานหรืออยู่อาศัย รวมทั้งเรียนต่อในราคาเดียวกันกับออสเตรเลียได้ทันที
8. ประเทศเยอรมนี (Germany)
ประเทศที่รัฐสวัสดิการต่างๆ ดีมาก อีกทั้งประเทศยังสวยงามด้วยธรรมชาติ และมีความเจริญทั้งด้านการศึกษา การแพทย์ และเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ถือว่ามี Passport อันทรงพลังที่ใครหลายคนอยากได้ เป็นจุดหมายปลายทางที่ชาวต่างชาติหลายคนเดินไปเพื่อขอสัญชาติ แต่ในปัจจุบันการขอสัญชาติทำได้ยากขึ้น แม้ว่าจะแต่งงานกับคนเยอรมันแล้วก็ตาม และในแต่ละปีมีผู้ที่ถูกถอดออกจากสัญชาติเยอรมันอยู่เยอะอีกเป็นจำนวนมาก
ขั้นตอนการขอสัญชาติ
-ต้องสอบEinbuergerungstestให้ผ่าน และยื่นผลสอบ (เป็นการสอบวัดความรู้เกี่ยวกับการอยู่อาศัยในเยอรมัน)
-แต่งงาน และมีทายาทกับบุคคลสัญชาติเยอรมัน
-ต้องอาศัยอยู่ในประเทศเยอรมันให้ครบ 3ปี และต้องได้วีซ่าถาวรแล้ว
สิทธิประโยชน์
-สามารถเดินทางเข้าออกโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ 158ประเทศ
-ได้สิทธิเทียบเท่ากับการเป็นประชากรตามกฎหมายของทั้งสองประเทศ(ถือ2สัญชาติ)
-อิสระในการประกอบอาชีพ(ถูกกฎหมาย) และใช้สิทธิเลือกตั้งได้
-มีสิทธิในการซื้อที่ดินภายในประเทศ
-เปิดกว้างทางเพศ LGBT
-ระบบบำนาญในการเกษียณอายุ 20%
9.ประเทศเซนต์คิสแอนด์เนวิส (Saint Kitts and Nevis)
เป็นประเทศหมู่เกาะเล็กๆ ในทะเลแคริบเบียน ถึงชื่อจะฝังดูแปลกหูอยู่บ้าง แต่ถ้ามองข้ามเรื่องนี้ไป ประเทศนี้เป็นประเทศที่ถือว่าสวยงาม เปิดกว้างการลงทุน และเป็นประเทศที่ขอสัญชาติได้ง่าย หรืออาจจะบอกได้ว่าเป็นประเทศที่สามารถซื้อขายสัญชาติได้ โดยนักลงทุนที่เข้ามาเพื่อลงทุนจะได้สิทธิ ในการยื่นขอและสามารถได้รับสัญชาติได้อย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนการขอสัญชาติ
-บริจาคให้กับประเทศขั่นต่ำ7.5ล้านบาท
-ลงทุนในประเทศ 12ล้านบาท และสามารถขอสัญชาติได้ไม่เกิน 4คน
สิทธิประโยชน์
-สามารถเดินทางเข้าออกได้อีก 154 ประเทศทั่วโลก
-เข้าออก EU ขยายโอกาสทางธุรกิจ และปลอดภาษี
-มีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
หลังจากที่ได้เขียนและกล่าวมาข้างต้นของบทความนี้ เพื่อนๆคงจะเข้าใจแล้วว่า ทำไม ประโยคคำที่บอกว่า ย้ายประเทศกันเถอะ ถึงได้ดูทรงพลังมากในเวลานี้ มันทำให้เรามาย้อนดูตัวเอง ว่าสิ่งที่เราไขว่คว้าและต่อสู้ในสถานที่แห่งนี้ มันคุ้มไหมที่จะมีอนาคตที่ดีขึ้น สำหรับตัวผู้เขียนแล้วไม่มีคำตอบสำหรับสิ่งนี้ เราคงจะต้องตื่นทำงาน กินข้าวแล้วก็นอนเหมือนทุกวัน แต่อยากให้รู้ไว้ไม่ว่าเราจะคิดแบบไหน ทุกเรื่องไม่มีคำว่าผิดหรือถูก แต่อยู่ที่ตัวเราจะเลือกให้มันเป็น ธรรมชาติของมนุษย์ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ บรรพบุรุษของเราก็อพยพย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย ตามหาถิ่นฐานใหม่ๆที่เพียบพร้อมและทำให้พวกเขาอยู่อย่างมีความสุข จึงไม่แปลกที่ในปัจจุบันเราทุกคนจะคิดแบบนั้น เพราะถ้าอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีความสุขแล้ว เราจะพบกับคำถามว่าอยู่ไปเพื่ออะไร เสมือนคำสอนของศาสดาที่กล่าวว่า “ความสุขไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะมอบให้คนอื่นได้… มันคือสิ่งที่เจ้าต้องบรรลุมันด้วยตัวของเจ้าเอง” และคุณผู้อ่านหล่ะครับ จะเลือกเส้นทางไหนที่จะทำให้มีความสุข…..
#ย้ายประเทศกันเถอะ.. แฮชแท็กร้อนที่แฝงไว้ด้วยความหมายของคนหมดหวังหรือมีหวัง!!
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending