Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่24

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่24 คำตัดสิน ep.2

บทที่ 24 คำตัดสิน​  EP.2

“ข้อดีของการถ่ายรูป คือ บันทึกความทรงจำ แต่ข้อเสียของมัน คือ​ ตอกย้ำการเปลี่ยนแปลง​”

**และแล้วอารมณ์ก็นำพาผม​ไปหาเรื่องใส่ตัวจนได้​ มันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายของผม เมื่อใดที่อารมณ์ขึ้นแล้วมักจะลงยากเสมอ ต้องหาที่ระบายออกทุกครั้ง และครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน แต่ต่างตรงที่มันเกิดขึ้นในคุก ซึ่งการทาเลาะวิวาทกันนั้นมันผิดกฏระเบียบอย่างร้ายแรง มันได้ไม่คุ้มเสีย ไม่ว่าจะมองทางไหน แต่จะให้ทำไงได้ละ ในเมื่อเราเป็นคนก่อขึ้นมาแล้ว ก็ต้องเป็นคนแก้เองถึงจะถูก และอีกอย่าง ร่างกายมันอยากปะทะด้วย​ ใครก็ได้ตอนนี้ๆ​ ได้หมดถ้าสดชื่น​**

หลังจากขึ้นห้องได้ไม่นาน​ สักพักพี่เล็กแกก็ให้เด็กมาเรียกผมกับไอ้แว่น​ ขึ้นมาคุยกับแกบนชั้นลอยที่แกนอน​ ไม่ต้องเดาให้เหนื่อยผมก็รู้ว่าเรื่องอะไร​ พอไปถึง  พี่เล็กก็ยิงคำถาม ถาม​ผมทันที​ ” ว่าไงใหญ่เรื่องมันเป็นมายังไง  เล่ามาให้พี่ฟังหน่อย”  ผมเลยให้ไอ้แว่นที่เป็นตัวต้นเรื่องเล่าในส่วนของมันว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร​ ส่วนผมก็เล่าในส่วนของผมไป  พี่เล็กแกนั่งฟังจนจบ โดยที่แกไม่พูด​ หรือ​ ซักถามอะไรเลย รอจนเราทั้งสองเล่าจนจบก่อน  แก่นั่งนิ่งเหมือนคนที่ใช้ความคิด สักพักแกจึงพูดขึ้นมาว่า

“ประเด็น​คือไอ​้​แว่น​ไม่ใช่เด็กบ้านเรา​ และมึงก็โง่เองไม่ทันพวกมัน​ ที่นี้มึงก็จำเป็นบทเรียน ส่วนเอ็งใหญ่ เอ็งก็รู้ ออกตัวต้องออกตังค์ด้วยนะ และเอ็งคิดดีแล้วรึ​ ” พี่เล็กถาม ผมจึงให้คำตอบไปว่า” ประเด็นมันไม่ใช่ตรงนั้น​ แต่คือผมจะไม่จ่ายตามที่มันบอก ผมให้แค่1000เดียว และก็จบไอ้แว่นต้องไม่โดนอะไร และถ้ามันไม่เอาก็ไม่ให้แล้ว ให้ไปเอาที่พวกไอ้ดอนเองเลย คือ​ถ้าพันนึงมันไม่เอา อยากจะเอาเรื่องก็ได้นะพี่ ผมพร้อม!! แล้วพี่คุยได้ไหม ถ้าพี่ลำบากใจไม่ได้ยังไงผมคุยเอง​ “เพราะในตอนนี้ผมไม่อยากจะคุยแล้ว มันคาใจ กับไอ้คนที่โดนผมถีบหน้า และผมคิดว่ามันคงติดเรื่องผมน่าดู

ส่วนพี่เล็ก พี่เขาก็รับปาก ว่าจะเป็นคนคุยให้ ยังไง ไม่ปล่อยให้ไปกัน 2 คนหรอก ผมนั้นพิจารณาจากคำพูดของพี่เล็ก ดูออก ว่าแกคงลำบากใจ ไม่ใช่ว่าแกจะกลัว พวกบ้านของไอ้หนึ่งหรอกนะ เพราะเคยบวกกันมาก่อน แต่ที่ผม พอจะรู้ ก็คือ แกคงอยากจะกลับบ้าน เพราะมีข่าวแว่วมาว่ากลางปีหน้าจะมีอภัยโทษ และถ้าเป็นเช่นนั้น พี่เล็ก เขาจะได้กลับบ้าน เพราะถ้าหากมีเรื่องกันในตอนนี้แล้วเกมเจ้าหน้าที่พี่เล็กอาจจะโดนตัดชั้น ซึ่งมันจะทำให้แกไม่ได้กลับบ้าน นั่นเอง

ผมกับไอ้แว่นลงมานั่งข้างล่างตามเดิม ไอ้แว่นมองหน้าผมแล้วพูดขึ้นว่า “ผมขอบคุณมากนะครับ พี่ใหญ่ ที่ช่วยผมในวันนี้ ถ้าพี่ไม่เข้ามา ผมคงจะเจ็บตัวแน่นอน และ ผมก็ต้องขอโทษที่ต้องทำให้พี่พลอยมีปัญหาไปด้วย​” ผ​มมอง​หน้ามัน​ มันจึงทำให้ผมเห็นภาพสะท้อนขึ้นมาในใจของผม ผมเห็นน้องชายแท้ๆของผมอยู่ในตัวของไอ้แว่นซึ่งอายุก็คงจะไล่เลี่ยกัน

ผมยิ้มเพื่อให้มันคลายความวิตกลง แล้วจึงพูดขึ้นมาเพื่อให้มันได้คิดและปรับตัวให้อยู่ในคุกได้ เพื่อที่มันจะได้ไม่โดนเอาเปรียบ หรือ​ เสียรู้คนอื่นเหมือนที่มันเจออยู่ก็เท่านั้น “กูไม่ชอบพวกที่รังแกคนไม่มีทางสู้และกูอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วยกำลังหาที่ระบายอยู่พอดี

และทีนี้มึงรู้แล้วใช่ไหม​ ว่ามึงต้องทำตัวยังไง​ วางตัวแบบไหน มึงต้องปรับตัวเพื่อที่จะอยู่ในคุกนี้ได้ มึงไม่ได้โชคดีอย่างนี้ตลอดหรอกนะไอ้แว่น​ จำคำพูดกูไว้ มึงอย่าเอาเปรียบใคร  แล้วอย่าให้ใครเอาเปรียบมึงอย่าไปยอมให้กับคนที่เหี้ยๆเข้าใจไหม​ คนเหมือนคนแต่คนไม่เหมือนกัน มึงต้องดูให้รู้​ มองไม่ออกว่าคนไหนเป็นยังไง​ นิสัยยังไงดีไม่ดีมึงต้องแยกแยะให้เป็น ไม่เช่นนั้นมึงก็จะโดนเอาเปรียบ อยู่อย่างนี้ไปตลอด​”

ผมก็หวังว่าสิ่งที่ผมพูดกับไอ้แว่น มันจะทำให้ไอ้แว่นได้ฉุกคิด และนำคำพูดที่ผมบอกไปปรับใช้ ผมได้เตือนมัน ก่อนที่จะนอนว่าพรุ่งนี้ให้ระวังตัวไว้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่าไปยอมมือเท้ามึงมี มันก็พยักหน้ารับกับคำที่ผมบอก​  6.15น.ได้เวลาที่ผมต้องลงจากเรือนนอน ในตอนนี้ผมตื่นตัวเต็มที่ เพราะเราไม่อาจคาดเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้เลย มันจะมีเรื่องหรือไม่มี สิ่งเดียวที่ทำได้คือระวังตัวเองเป็นดีที่สุด​

ผมนั้นเดินลงห้องเหมือนปรกติทุกวัน เพราะว่า​ผมไม่ได้รู้สึกกลัวว่าจะมีเรื่องเลยแม้แต่น้อย หรือถ้าผมจะโดนรุมกระทืบซึ่งอย่างหลังนั้นมันน่าจะเกิดขึ้นมากที่สุด ตัวผมก็ไม่หวั่น เพราะผมคิดว่าตัวผมก็ผ่านประสบการณ์มาก็ไม่น้อย​ ติดคุกมาก็ 3 รอบ ไม่เคยโดนกระทืบสักที​ จะโดนกระทืบรอบนี้ก็เอา และแล้วสิ่งที่ผมคิด ก็ไม่ปล่อยให้ต้องรอนานไอ้คนที่ผม ถีบหน้ามันไปเมื่อวาน มันยืนดักรอผมอยู่ตรงหน้าบันไดทางลง มันไม่ได้มาเปล่าคนเดียวมันพาพวกมาด้วยอีก 2 คน แต่มีสิ่งหนึ่งที่มันพลาดคือ มันไม่เห็นผมในตอนแรก เป็นผมที่เห็นมันก่อน และด้วยประสบการณ์เปิดก่อนได้เปรียบ เป็นคำพูดที่ถูกต้องที่สุด

ผมไม่รอช้า รีบวิ่ง ลงบันได พร้อมกับฉากเพื่อไม่ให้มัน เห็นก่อนที่เหลือบันไดอีก 2 ขั้นจะถึงตัวมัน​ ผมได้กระโดด พุ่งไปหา พร้อมกับแข้งขวาข้างถนัด บรรจงหวดไปสุดแรง เข้าไปเกือบก้านคอ มันแฉลบหัวไหล่ ก่อนไปถึงก้านคอ โดนเตะแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ยืนอยู่ได้คงเก่ง มันเซเล็กน้อย ก่อนจะวูบร่วงลงไป ผมไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปหวดด้วยข้างขวาเต็มหน้าอกเสียงดัง บึ๊ก!! ก่อนที่เพื่อนมันทั้งสองคนจะรู้ตัว มันก็ได้หมอบลงไปเป็นที่เรียบร้อย

ผมรีบหันหน้ามาตั้งตัว ก่อนที่ไอ้สองตัวนั้น จะพุ่งมาหาผมทัน แต่ละสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ไอ้แว่นได้พุ่งเข้ามาคว้าตัวไอ้คนที่ 2 ล้มลงก่อนที่มันจะสาวหมัดไปที่ใบหน้าไอ้คนนั้น คนโดนได้แต่มือต้องปิดใบหน้าตนเองหมัดของไอ้แว่น ที่ผ่านมานั้นโดนบ้างไม่โดนบ้าง แต่มันก็ต่อยไม่หยุด นี่แหละครับ ที่เขาเรียกกันว่าหมาจนตรอก ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งคนนั้น มันได้ ยืนเดี่ยวกับผมตัวต่อตัว ผมโดนต่อย ไปที่หน้า 3 หมัด​ ส่วนมันก็โดนไป6หมัดเห็นจะได้ แต่ละหมัดของผม​ทำให้มันเลือดน้ำเดากระจาย แต่แล้วคนแรก ที่ฟลุ๊บไปก่อนหน้า​ มันกระโดดทีบเข้าไปที่ใบหน้าของผมทำเอามึนอยุ่พักนึงเลยทีเดียว  แต่มันก็ทำผมได้แค่นั้น พี่เล็กโผล่มาจากไหนไม่รู้ กระชากคอไอ้นั้นเขามาด้วยมือเดียวพร้อมทั้งประเคนมือตีนอย่างคนที่มีฝีมือในเชิงมวยเป็นอย่างดี​ ก่อนที่มันจะล่วงลงไปและไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย

เหตุการณ์ที่ผมเล่ามานี้นั้น มันดูเหมือนนาน ใช่ไหมครับ แต่ความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ ก่อนที่พี่เล็ก ผม แล้วก็ไอ้แว่น แยกย้ายกันออกจากที่เกิดเหตุปล่อยทิ้ง ไอ้ 3 คนนั้นไว้ ก่อนที่จ่าศักดิ์ จะเข้ามาในที่เกิดเหตุ และให้พวกเด็กในบ้านไอ้หนึ่งเอาพวกมัน 3 คนออกไป ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะรู้และเข้ามา

การทีจ่าศักดิ์ทำแบบนี้ มันเป็นการช่วยเหลือผม เพื่อไม่ให้ผมมีความผิด​ นั่นหมายความว่าจ่าศักดิ์เอาผม เห็นผมเป็นพวกนั้นเอง บุญคุณในคราวนี้ผมไม่ลืมแน่นอน​ ยังไงต้องมีโอกาสตอบแทนแน่นอน ผมมองไปที่ไอ้แว่น ดูที่หน้าตามันก็ไม่เจ็บตัวอะไรมาก​ ผมยิ้มและหัวเราะขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า ” มึงก็ไวเหมือนกันนี่หว่า อย่างนี้สิวะ อย่าให้ใคร เห็นมึงอ่อนแอ มึงอย่าอ่อนแอให้ใครเห็น​ จำคำพูดกูไว้

เหตุการณ์มันยังไม่จบหรอกครับ คุณผู้อ่าน​ ฝ่ายมันโดนซะขนาดนั้น ที่สำคั​ญ​พ่อบ้านอย่างพี่เล็กได้โดดมาร่วมวงครั้งนี้ด้วย คราวนี้พ่อบ้านอย่างไอ้หนึ่งมันคงจะไม่อยู่เฉยแน่นอน จะเกิดอะไรขึ้นในวันหยุดครั้งนี้ (โปรดติดตามตอนต่อไป) ”  หมีขาว​ ขั้ว​ โลกเหนือ​ ”   

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่24 คำตัดสิน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending

What's your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0

You may also like

Story

ประวัติวันสงกรานต์ เทศกาลประเพณีที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน.

สงกรานต์เป็นเทศกาลปีใหม่ไทยแบบดั้งเดิมที่มีการเฉลิมฉลองทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งชาวต่างชาติจะรู้จักกันในชื่อว่า Water Festival หรือ เทศกาลแห่งน้ำ เพราะในวันนี้ผู้คนจะนิยมนำน้ำมาสาดใส่กันเพื่อคลายร้อนอย่างสนุกสนาน
Story

เปิดประวัติที่มาของสงครามนกอีมู สงครามสุดแปลกที่โลกนี้ต้องจดจำ

สงครามนกอีมู หรือที่เรียกว่าสงครามนกอีมูครั้งใหญ่ เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินการในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียในปี 2475 ปฏิบัติการนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมประชากรของนกอีมู ซึ่งก็ได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผลในภูมิภาคออสเตรเลีย
Story

เปิดประวัติที่มาของวัน “April Fool’s Day” หรือ “วันโกหก” วันสุดแสบแสนตลกของผู้คนทั่วโลก!

"วันโกหก" นักประวัติศาสตร์ได้เชื่อว่าวันนี้ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลฮิลาเรียของโรมันที่จัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เพราะเทศกาลนี้ผู้คนจำนวนมากจะออกมาแต่งกายตลก ๆ พร้อมกับมีการละเล่นที่เรียกเสียงหัวเราะของผู้คน ซึ่งก็คล้ายคลึงกับวันโกหกเป็นอย่างมาก และในยุคต่อมาก็ได้มีบันทึกไว้ในหนังสือ

Comments are closed.

More in:Story

Story

เปิดประวัตินิทานของ “อีสป” ต้นตำรับนิทานคติสอนใจผู้เป็นตำนานของโลกแห่งนิทาน

นิทานของอีสปเป็นนิทานที่ถูกแต่งขึ้นโดยทาสชาวกรีกที่มีขื่อว่า อีสป (Aesop) ที่นักวิชาการต่างลงความเห็นว่าเขานั้นน่าจะเกิดอยู่ในช่วง 620 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นทาสโดยกำเนิดตามกฏหมายของชาวกรีก
Breaking News

ซีเซียม-137 คืออะไร? อันตรายมากแค่ไหน?

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวที่ถูกพูดถึงมากมาย เกี่ยวกับประเด็นท่อเก็บสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ที่ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 ก็ได้มีรายงานว่าพบวัตถุดังกล่าวแล้ว แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมากจากข่าวนี้
Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 84

ผมและไอ้แว่นได้ลงมาตั้งแถวรอเยี่ยมญาติอยู่หน้าองค์พระประจำแดน ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวสำหรับพวกที่มีชื่อเยี่ยมญาติในแต่ละรอบ ผมสังเกตเห็นไอ้แว่นมันดูลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะถามอะไรผม แต่มันก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถามสักที