วิกฤตแอฟริกาใต้ ประท้วงเดือด!! หลังจากอดีตประธานาธิบดีซูมาถูกจับ เสียชีวิตแล้วกว่า 70 คน!!
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(11ก.ค.) ได้เกิดเหตุการณ์จราจลครั้งใหญ่ จากประชาชนผู้ที่สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีซูมา โดยกลุ่มผู้ให้การสนับสนุน ได้นัดชุมนุมใหญ่มากันตั้งแต่วันเสาร์(10ก.ค.)ที่ผ่านมา และพยายามกดดันให้รัฐบาล ปล่อยตัว อดีตประธานาธิบดีซูมา ที่ถูกจับกุมตัวเมื่อวันศุกร์(9ก.ค.) ในข้อหาร่วมกันคอรัปชั่นและใช้งบประมาณแผ่นดิน ไปกับการบำรุงบ้านที่พักส่วนตัวมูลค่ามากกว่า 482ล้านบาท ศาลสูงได้จับกุมตามความผิด และยื่นฟ้องต่อตัวซูมาตามความผิดฐานชัดขืนคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้เขามอบหลักฐาน ในการสืบสวนคดีคอรัปชั่นระดับสูงคดีหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างช่วง 9 ปีที่เขาอยู่ในอำนาจ
อดีตประธานาธิบดีซูมาได้ปฏิเสธว่า ไม่มีการคอรัปชั่นอย่างแน่นอน ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ แต่ก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับการสืบสวน ซึ่งจัดตั้งขึ้นในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ในวาระดำรงตำแหน่งของเขา
ซูมา ยื่นคัดค้านคำตัดสินจำคุกต่อศาลรัฐธรรมนูญ บางส่วนในนั้นอ้างว่าเขามีสุขภาพอ่อนแอและเสี่ยงติดเชื้อcovid-19 และศาลจะเปิดพิจารณาข้อคัดค้านดังกล่าวในวันจันทร์ (12 ก.ค.)
คำตัดสินจำคุกของซูมา เผยให้เห็นถึงความแตกแยกอย่างรุนแรงภายในพรรคสมัชชาแห่งชาติแอฟริกา ( African National Congress หรือ ANC) ในขณะที่กลุ่มหนึ่งภายในพรรคยังคงภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีรายนี้ และเป็นต้นกำเนิดของความเคลื่อนไหวต่อต้าน ไซริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน
ส่งผลให้ในเวลาต่อมาได้เกิดเหตุการณ์จราจลเกิดขึ้นมากมาย ในหลายพื้นที่ ส่งผลให้การจราจร ตามถนนหลวงภายในเมืองหยุดชะงัก กลุ่มผู้ชุมนุมต่างตะโกนคำว่า ซูมา ซูมา ก่อนที่จะลงมือเผายางรถยนต์และทำลายทรัพย์สินของทางราชการหลายอย่าง
บางกลุ่มใช้โอกาสนี้ บุกเข้าไปปล้นสะดม ตามห้างร้าน หรือ ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ตามจุดท้องถนน ส่งผลให้เวลาต่อมาทั้งเมือง อยู่ในความโกลาหล กลุ่มผู้ชุมยังไม่หยุดการกระทำ ถึงแม้จะมีเจ้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุในบางจุดแล้ว
ทางโฆษกตำรวจระบุว่า พวกผู้ประท้วงจุดไฟเผารถกระบะจำนวนหนึ่งแถวๆ มูอิริเวอร์ เมืองที่อยู่บนถนนหลวงสาย N3 ที่เชื่อมระหว่างเมืองเดอร์บันกับโยฮันเนสเบิร์ก รวมถึงมีเหตุปล้นสะดมร้านค้าต่างๆ ในเมืองมูอิริเวอร์และอีเทควินิ เขตการปกครองมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองเดอร์บัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย ถูกเรียกระดมพลมาจากหลายพื้นที่ เพื่อเข้าประจำการในทั่วทุกเขตของจังหวัดควาซูลู-นาทาล แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ พร้อมระบุว่า จนถึงช่วงเที่ยงวัน ถนนหลวงสาย N3 ในเมืองมูอิริเวอร์ ยังคงปิดการสัญจร
รามาโฟซา ซึ่งพันธมิตรของเขาเป็นคนวางแผนขับไล่ซูมา ในปี 2018 ระบุในถ้อยแถลงว่า เครือข่ายอาชญากรรมกลุ่มนี้จำเป็นต้องเจอกับการใช้กฎหมายเต็มขั้น
เมื่อถูกสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นสอบถามเกี่ยวกับการประท้วง โฆษกมูลนิธิการกุศลของซูมา ระบุว่า “ความโกรธแค้นของประชาชนมีความชอบธรรม เพราะว่าพวกเขาเห็นความอยุติธรรมกำลังเกิดขึ้นประธานาธิบดีซูมา”
เวลาต่อมาความรุนแรงทั้งการปราบปราม รวมทั้งการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ ส่งผลให้ยอดผู้ที่ถูกจับกุมสูงมากถึง 1,300 ราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 70 คน แล้วในขณะนี้และดูท่าทีจะมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น
ทั้งนี้ประเทศแอฟริกาใต้ยังอยู่ในช่วงการระบาดของไวรัส covid-19 ที่กำลังระบาดอย่างรุนแรงอยู่ในตอนนี้ โดยยอดผู้ติดเชื้อมีมากกว่า 2.2ล้านคน เสียชีวิตรวม 65,142ราย หลายฝ่ายจึงค่อนข้างเป็นกังวลว่า จากเหตุการณ์ความวุ่นวายในครั้งนี้ จะทำให้เกิดการระบาดของโรค กับมาทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และความสูญเสียครั้งใหญ่ก็กำลังจะเกิดขึ้น ความรุนแรงครั้งใหม่ นักวิชาการหลายคนคาดการณ์ไว้ว่าอาจจะรุนแรง จนถึงขั้นพังทลายทางด้านเศรษฐกิจของประเทศได้เลย ถ้าเหตุการณ์นี้ยังไม่สงบ ทั้งนี้หลายฝ่ายจึงได้เร่งให้เกิดการเจรจาอย่างสันติ รวมทั้งออกมาตราการป้องกันต่าง ๆ ที่จะออกตามมา เพื่อหวังไม่ให้เหตุการณ์ร้ายกับมารุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมอีกในอนาคต…
ภาพเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการประท้วงที่ประเทศแอฟริกาใต้
วิกฤตแอฟริกาใต้ ประท้วงเดือด!! หลังจากอดีตประธานาธิบดีซูมาถูกจับ เสียชีวิตแล้วกว่า 70 คน!!
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun