ฉลองเดือด!! วันที่4 กรกฎา วันชาติสหรัฐฯ ยิงกันมากกว่า 400ครั้ง ตายแล้วอย่างน้อย 150 ราย!!
เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวท้องถิ่นในหลายรัฐ ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุยิงกันเกิดขึ้นในช่วงวันหยุด เฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต โดยเหตุการยิงกัน หรือ เกี่ยวกับอาวุธปืน มีมากกว่า 400ครั้ง ในช่วงตั้งแต่วันศุกร์(2 ก.ค.) ไปจนถึงวันอาทิตย์(4 ก.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 150 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่าหลายร้อยคน หนึ่งในนั้นมีเด็กผู้หญิงวัยเพียง 5 ขวบ รวมอยู่ด้วย
โดยเฉพาะที่นิวยอร์กมีข่าวรายงาน เกี่ยวกับเหตุการณ์ยิงกัน ภายในวันเดียวคือวันที่ 4 กรกฎา เกิดเหตุยิงกันมากถึง 12 เหตุการณ์ และมีเหยื่อมากกว่า 13 คน เพิ่มมากกว่าเมื่อปีที่แล้ว ที่มีเหตุยิงกันเพียงแค่ 8ครั้ง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียง 8 คน
จนถึงตอนนี้นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2021 เหตุการณ์ความรุนแรงจากอาวุธปืนในนิวยอร์กเพิ่มขึ้นเกือบ 40% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2020 พบเหตุยิงกันแล้ว 767 เหตุการณ์ และมีเหยื่อ 885 ราย
ไม่ใช่เฉพาะแต่นิวยอร์คเท่านั้น แต่ยังมีเมืองในรัฐอื่น ๆ ทั่วสหรัฐฯ ก็เกิดเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้ ยกตัวอย่างเช่นที่ ชิคาโก ก็เกิดเหตุการณ์ยิง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 83 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียขีวิตมากถึง 14 คน หนึ่งในผู้เสียชีวิตมี สมาชิกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิอิลลินอยส์ ซึ่งทางครอบครัวระบุตัวตนเขาบนสื่อสังคมออนไลน์ว่าชื่อนายคริส คาร์วาจาล แม้เจ้าหน้าที่ชันสูตร คุ้ก เคาน์ตี ไม่ได้เปิดเผยชื่อเขาอย่างเป็นทางการก็ตาม
ผู้บัญชาการตำรวจ เดวิด บราวน์ เคยหยิบยกความกังวลในเรื่องดังกล่าวและเตือนถึงช่วงสุดสัปดาห์ที่ท้าทายที่สุดในรอบปีของตำรวจ พร้อมทั้งเตรียมเจ้าหน้าที่ และสนธิกำลังตามจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อเฝ้าระวังและป้องกัน เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่จะเกิด แต่ก็ไม่วายยังเกิดเหตุการณ์ยิงกัน จนเกิดความสูญเสียขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายงานทางด้านอัตราคดีฆาตกรรมในชิคาโกตลอดทั้งเดือนมิถุนายนนั้นต่ำกว่า ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนราวๆ 2% แม้จำนวนเหยื่อจะสูงขึ้น 14% ก็ตาม
นอกจากนิวยอร์กและชิคาโกแล้ว เหตุการณ์ในทำนองเดียวกันก็เกิดอีกในหลายเมือง ในช่วงวันหยุดของสหรัฐฯ โดยสำนักข่าวCNN ได้รายงานถึงเหตุกราดยิง ที่มีเกิดขึ้น ตามคำจำกัดความที่ว่า ต้องมีผู้ถูกยิงและได้รับบาดเจ็บ จนถึงขั้นเสียชีวิตมากกว่า 4 คนขึ้นไป
โดยเช้าวันอาทิตย์(4 ก.ค.) ถือว่าเป็นจุดพีคที่สุด มีเหตุกราดยิงในหลายพื้นที่ ขนาดรัฐเทกซัสที่เปิดเสรีภาพทางด้านการพกอาวุธปืน และถือว่าเป็นรัฐที่มีเหตุการณ์ยิงกัน น้อยเมื่อเทียบกับรัฐใหญ่ ๆ ในสหรัฐ เหตุการณ์นี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 คน ในเหตุยิงกันใกล้ร้านล้างรถแห่งหนึ่งในเมืองฟอร์ตเวิร์ท รัฐเทกซัส หลังเกิดการโต้เถียงกันระหว่างชายกลุ่มหนึ่ง
ชายคนหนึ่งในกลุ่มคนที่โต้เถียงกัน แยกตัวออกไปและกลับมาพร้อมอาวุธปืน จากนั้นก็เริ่มกราดยิงเข้าใส่ผู้คน ระหว่างนั้นหลายคนก็ชักปืนยิงตอบโต้ ทั้งนี้ ผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบทุกรายเชื่อว่าเป็นผู้สัญจรผ่านไปมาที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ อย่างไรก็ตามทั้งหมดอาการทรงตัว
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ที่ นอร์ฟอล์ค รัฐเวอร์จิเนีย มีเด็ก 4 คนถูกยิงในนั้นรวมถึงเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ที่เบื้องต้นมีรายงานว่าอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน อย่างไรก็ตาม เวลานี้อาการของเธอทรงตัวแล้ว ส่วนเหยื่อคนอื่นๆ ประกอบด้วย เด็กชายวัย 14 ปี เด็กหญิงวัย 16 ปี และเด็กชายวัย 16 ปี ทั้งหมดคาดหมายว่าจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ
ตำรวจนอร์ฟอล์คเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนได้จับกุมและตั้งข้อหาเด็กชายวัย 15 ปีรายหนึ่ง ในความเกี่ยวข้องกับเหตุยิงกันดังกล่าว
สำนักข่าวCNNยังรายงานว่า ยังมีเหตุการณ์ยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายอีกหลายเหตุการณ์ในหลายเมืองช่วงสุดสัปดาห์วันชาติอเมริกา 4 กรกฎาคม ในนั้นรวมถึงที่แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เมืองโตเลโด รัฐโอไฮโอ เมืองซินซินเนติ รัฐโอไฮโอ ในดัลลัส รัฐเทกซัส และที่อื่นๆ
ส่วนทางด้านสาเหตุและแรงจูงใจ ที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ ยิงกันที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงวันชาติสหรัฐ ส่วนหนึ่งมาจากความคึกคะนอง ขาดการยั้งคิด และซึมซับพฤติกรรมการเฉลิมฉลองมาอย่างผิด ๆ ที่มักจะนิยมนำปืนยิงสลุตขึ้นฟ้า เพื่อทำการเฉลิมฉลอง ส่งผลให้ลูกกระสุนปืน ตกใส่ผู้คนจนได้รับบาดเจ็บ และอีกส่วนเกิดจากการดื่มเหล้า จนเมามาย ขาดสติ ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท จนนำมาซึ่งการสูญเสีย ถึงแม้ว่าทางการจะออกมาตราการ มาบังคับใช้ รวมทั้งตั้งทีมขึ้นมาคอยดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงวันหยุด ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งความรุนแรงที่เกิดจากการใช้อาวุธปืนทั้งหมดได้ ส่วนหนึ่งมาจากที่อาวุธปืนนั้น สามารถหามาครอบครองได้ค่อนข้างง่าย จึงอาจจะกลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดเหตุการยิงกันขึ้นบ่อยๆ
ปัจจุบันจึงได้มีการก่อตั้ง กลุ่มต่อต้านการซื้อขายอาวุธปืนในสหรัฐขึ้นมา เพื่อหวังที่จะข่วยหยุดวงจรการค้านี้ พวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลกลางแก้กฎหมาย การถือครองอาวุธปืน เพราะในกลุ่มได้ลงมติและศึกษาผลกระทบ จนเห็นพ้องต้องกันว่า ในหลายเหตุการณ์ที่เกิดการกราดยิงขึ้น ส่วนหนึ่งผู้ที่ก่อเหตุมักจะซื้ออาวุธปืนมาจากร้าน เพื่อใช้ลงมือก่อเหตุ จึงกลายเป็นตัวเลือกและแรงจูงใจ ให้ผู้กระทำผิดได้ตัดสินใจกระทำผิด
นอกจากนี้ ทางด้านกลุ่มยังช่วยกันรณรงค์ ให้แบนบริษัท NRA (National Rifle Association of America) เพื่อตอบโต้ เพราะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังและมีอิทธิพลในการค้าปืนในสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้ ทำให้เกิดกระแสในทวิตเตอร์ภายใต้แฮชแท็ก #BoykottNRA ขึ้นมา ส่งผลให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาหลายบริษัท อย่าง United และ Delta Airlines แจ้งเข้าร่วมผ่านทางทวิตเตอร์ รวมถึงบริษัทรถเช่า Hertz and Enterprise, บริษัทประกัน MetLife, บริษัทรักษาความปลอดภัยระบบอินเตอร์เน็ต Symantec หรือเครือโรงแรมต่างๆ ก็พากันขานรับ พร้อมจะยุติการให้ความสนับสนุน และตัดขาดการทำธุรกิจใดๆ ร่วมกับ NRA
ณ ตอนนี้ กฎหมายที่ทางกลุ่มยื่นให้รัฐบาลกลาง กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา และบางรัฐในประเทศสหรัฐฯ ก็เริ่มมีมาตราการ ออกกฎเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืนขึ้นมาแล้ว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดความสูญเสีย ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพราะคงไม่มีใคร อยากออกจากบ้านมาเจอเหตุการณ์กราดยิงเกิดขึ้นอีก จริงไหม…
ฉลองเดือด!! วันที่4 กรกฎา วันชาติสหรัฐฯ ยิงกันมากกว่า 400ครั้ง ตายแล้วอย่างน้อย 150 ราย!!
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending