Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่42

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่42

บทที่42 วันที่ 2 ของการย้ายแดน ep1

“เวลาเหนื่อยขอแค่พัก เวลาท้อหนักขอแค่กำลังใจ เวลาหมดแรงขอสักคนคอยห่วงใย เวลาเดียวดายใครก็ได้คอยรับฟัง”

** วันนี้ช่างเป็นเช้าที่โชคดีสำหรับผม 2 คนจริงๆ เพราะได้โชครับทรัพย์ตั้งแต่เช้า เงินยังไม่ได้ออกจากกระเป๋าสักบาท ก็มีเงินเข้ากระเป๋ามา รวมแล้วตกประมาณ 1,500 บาท มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีเลยทีเดียว กับการที่เราจะดำเนินธุระกิจสีเทา ภายในแดน ส่งสัยว่าช่วงนี้ดวงกำลังขึ้นแน่ๆ **

ยามเช้าแบบนี้นั่งจิบกาแฟพร้อมกับสูบบุหรี่ 1 มวนกับบรรยากาศเย็นสบายมันช่างให้ความรู้สึกสงบนิ่งดีจริงๆ ผมชอบความรู้สึกแบบนี้ที่สุดความรู้สึกที่มันไม่ต้องรีบเร่งหรือต้องทำอะไรที่มันต้องแข่งกับเวลา ผมกับไอ้แว่นกินกาแฟไปพลาง คุยกันไปพลาง ส่วนสายตาก็มองภาพความวุ่นวายของเหล่านักโทษที่ต้องรีบเร่งเพื่อทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ ก่อนที่จะมีเสียงนกหวีดอาหารเป็นสัญญาณบอกถึงเวลากินข้าว

ภาพที่ผมมองตรงหน้าอยู่นั้น สายตาของผมมันก็ได้ที่สุดตรงกำแพงเรือนจำมันไม่สามารถทอดสายตาให้มองเลยกำแพงออกไปได้ ส่วนภาพหลังกำแพงนี้นั้นคือทุ่งนาอันกว้างใหญ่ในใจของผมคิดว่า ถ้าภาพตรงหน้าไม่มีกำแพงขวางกั้นเอาไว้ก็คงจะดี ในเวลาที่นั่งทอดอารมณ์กินกาแฟอยู่ตอนนี้กับบรรยากาศแบบนี้ อยู่แดนนี้ชีวิตของผมไม่ต้องรีบเร่งอะไรปล่อยชีวิตให้มันไหลไปตามเวลา 

“พี่วันนี้จะให้ผมโทรศัพท์ ไปหาที่บ้านให้อีกมั้ย ผมจะได้บอกแม่ผมให้ ” ไอ้แว่นถามผมก่อนที่จะต้องออกไปเยี่ยมญาติในรอบแรกหลังจากที่เคารพธงชาติเสร็จ “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่เขียนไปหาเขาเอง เอ็งเอาเรื่องของเอ็งอย่างเดียวดีกว่า” ผมได้บอกกับไอ้แว่นไป ส่วนไอ้แว่นมันก็เข้าใจในเรื่องที่ผมบอก 

“มึงอย่าลืมนะ ก่อนออกไปเยี่ยมญาติ เดินไปหาไอ้คมมันก่อน แล้วมึงก็ดูว่ามันให้ซื้ออะไร และเป็นเงินเท่าไหร่ดูด้วย ส่วนเรื่องซื้อของเข้าบ้านยังไม่ต้องซื้อ มึงแค่ซื้อน้ำดื่มคริสตัลมาให้ 3 แพ็ค ก็พอ จะได้เอาไปไว้ให้พี่เกียรติบนโรงงาน แล้วซื้อคอฟ กาแฟ น้ำตาล ก็แล้วแต่มึง ส่วนขนมนมเนย ที่มึงจะกินก็ไม่ต้องสั่งมามาก ซื้อมาแค่พอกินพอ ส่วนเงินฝากของเอ็งก็ฝากมาเท่าเดิมและยังไม่ต้องให้เขาเอาเงิน ค่าย้ายแดนมาฝากเข้าบุ๊คให้ละ เดี๋ยวจะให้ใช้ตอนไหน จะมีคนโทรไปบอกเองว่าให้แม่มึงทำยังไง แล้วก็ให้แม่มึงทำตามนั้น ที่กูบอกมึงทั้งหมดจำได้ใช่ไหม ไอ้แว่นพยักหน้าตกลง 

“จำได้และเข้าใจทุกอย่างดีครับพี่ ” หลังจากที่ผมสั่งงานกับไอ้แว่นเสร็จแล้ว ผมจึงหันไปถามกับไอ้เบนซ์ถึงบุคคลคนหนึ่ง ที่ตั้งแต่ผมย้ายมาแดนนี้ผมยังไม่เห็นเขาเลย และบุคคลคนนี้นั้น เป็นดังที่พึ่งของพวกเราเด็กบ้านอ. เมืองทุกคน ไม่ว่าเฉพาะเด็กบ้าน อ.เมือง เด็กบ้านอื่น ต่างอำเภอหรือทั้งแดนนี้เลยก็ว่าได้ ต่างให้ความเคารพรักในตัวแก 

“ไอ้เบนซ์ พี่เวียงเขาไปไหนวะ ไม่เห็นแกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว กูจะเข้าไปไหว้แกสักหน่อย ” พี่เวียงหรือป๋าเวียง ที่ใครใครเรียกกัน คือบุคคลที่ผมพูดถึง เขาเป็นถึงรองผ.บแดนนี้ และบรรดาเหล่านักโทษ ต่างให้ความเคารพและยำเกรงป๋าเวียงเป็นอย่างมาก แกคือผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ สีผิวดำแดงไว้หนวดดูน่าเกรงขาม ทำไมเหล่านักโทษจึงให้ความเคารพรักในตัวของป๋านะหรอ คงเป็นเพราะนิสัยของป๋าเวียงนั้นจิ๊กโก๋ คำไหนคำนั้น ให้คือให้ไม่ให้ก็คือไม่ให้ ถ้ากูขอต้องได้ แล้วถ้าพวกมึงขอกู กูก็ให้มึงได้เหมือนกัน  อยู่ด้วยกันอย่างพี่อย่างน้องดีที่สุด เพราะยังไงก็พวกๆกันทั้งนั้น มันเป็นคำพูดสโลแกนที่แกมักจะพูดเป็นประจำ 

“พี่เขาลาพักผ่อน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์จันทร์ วันนี้แหละจะมาทำงาน เดี๋ยวมึงก็รอดูเอาแล้วกัน” ไอ้เบนซ์พูดบอกผมเอาไว้ “พี่เขาทำงานอีกปีก็เกษียณแล้วนะไอ้ใหญ่ มึงจะทำอะไรก็รีบรีบทำรีบเก็บ มีเวลาแค่ปีเดียว เพราะต่อไปไม่มีแกอยู่แล้ว กูก็ไม่รู้ว่าอะไรมันจะดีเหมือนเดิมไหมมึงคงเข้าใจที่กูบอกนะ ” ได้ยินดังนั้นผมรู้สึกใจหาย ผมไม่ได้คิดตรงนี้เลยจริงๆ 

ผมรู้ว่าใกล้เกษียณแล้วแต่ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้ นึกว่าอีก 2 ปีซะอีกจะได้ไม่ต้องรีบร้อนทำไปได้เรื่อยๆ แต่ถ้าลองเป็นแบบนี้แล้วก็คงต้องรีบทำอะไรให้เร็วที่สุด ผมคงไม่รออะไรแล้ว มีทุนเท่าไหร่ก็วัดไปเท่านั้น ไม่เช่นนั้นมันจะเสียเวลามากไป กว่าจะรอให้พร้อมหมดทุกอย่าง คงจะมีเก็บได้ไม่เท่าไหร่เป็นแน่ คงจะได้ไม่คุ้มเสียอีกด้วย

สักพักไอ้บอยดำก็ได้ให้เด็กในบ้านเดินมาตามผมกับไอ้แว่นไปกินข้าวเช้าที่โรงเลี้ยง ทีแรกผมนึกแปลกใจว่าตอนเช้าไม่ได้กินกันเป็นบ้านหรอกหรอ แต่ก็ดีกินแบบนี้จะได้ประหยัดไปได้ 1 มื้อ ผมบอกได้เลยว่าอาหารในตอนเช้าที่ทางเรือนจำได้จัดหามาให้นักโทษรับประทานน่ากินเลยทีเดียว เพราะส่วนใหญ่จะเป็นพวกต้มจืด มื้อนี้เองก็เป็นต้มจืดกะหล่ำปลีใส่เนื้อไก่ 

ซึ่งเดี๋ยวนี้ไก่ในคุกไม่ค่อยเหนียวอย่างแต่ก่อน เพราะทางเรือนจำไม่ได้สั่งไก่มาเป็นตัวแล้ว แต่จะสั่งมาเป็นชิ้นอกสะโพก เศษเนื้อ มากกว่า ผมก็ว่าดีนะครับเพราะถ้าเป็นแต่ก่อนไก่เหนียวอย่างกับยางในรถมอไซค์เลยทีเดียว 

บางครั้งผมยังคิดเลยว่าไก่ตัวนี้ต้องไปสักยันต์กันเหนียวอาจารย์หนูมาแน่ๆได้ยินดังนั้น ผมกับไอ้แว่นก็รีบเดินไปยังโรงเลี้ยงทันที 

“กูลืมบอกมึงไป คราวหน้าถ้าได้ยินเสียงให้กินข้าวรอบ 2 มึงสองคนก็มาที่โรงเลี้ยงเลยนะ เพราะตอนเช้าหากินกันเอง ชนหลวงซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วนี่ของมึงกับไอ้แว่น ” ไอ้บอยได้ตักแกงให้ผมกินกับไอ้แว่นสองคน รวมถึงข้าวอีกหนึ่งประกบ(2 จาน)ด้วย “โทษทีว่ะที่ต้องให้คนมาตาม “

ผมบอกกับไอ้บอยแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวกันไป 2 คน เด็กทุกคนในบ้านรวมถึงไอ้บอยก็นั่งกินอยู่ด้วยมันเป็นบรรยากาศที่หาดูได้ยากจริงๆครับ

พอกินข้าวรอบเช้าเสร็จได้ไม่นาน ดูดบุหรี่ยังไม่หมดมวนดีเลย ก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าแถวเช็คยอด เคารพธงชาติกันแล้ว ซึ่งการเข้าแถวเคารพธงชาติ ของแดนนี้จะเข้าแถวกันห้องใครห้องมัน ไม่เหมือนกับแดนนู้นนะครับ โดยจะมีคนรายงานยอด 1 คน และห้อง2/5 คนที่รายงานยอดก็คนเดิมไอ้อ๊อฟตู้ จะเป็นคนเดินเช็คยอดไปที่ละคนจนครบ มันก็จะไปรายงานยอดห้อง กับเจ้าหน้าที่ต้องเดินมาฟังทุกห้อง รายงานยอดถึงหน้าห้อง 2/5 ก่อน แล้วถึงได้บอกว่ายอดผู้ต้องขังมีเท่าไหร่ ครบครับผม

พอรายงานยอดห้องกันเสร็จหมดแล้ว ทีนี้ ก็นั่งรอสัญญาณกระจายเสียงที่เปิดจากหน้าฝ่ายควบคุมกลางให้เคารพธงชาติพร้อมกัน ที่แดนนี้ใช้เวลาเข้าแถวไม่นานนักก็เสร็จ ร้องเพลงชาติ สวดมนต์ จบก็แยกย้าย ไม่ต้องรอให้ผ.บแดนมาก่อนถึงจะเลิกแถวได้ แต่ถ้าผ.บแดน หรือ เจ้าหน้าที่คนไหน มีเรื่องอะไรจะคุยก็จะประกาศให้รู้กันก่อน ที่จะเคารพธงชาติว่าอย่าเพิ่งออกจากแถวหลังเคารพธงชาติเสร็จ แค่นี้ก็เข้าใจกันหมดว่ามีใครจะมาคุยด้วย แดนนี้ง่ายๆไม่เรื่องมาก ทั้งผู้คุมและก็นักโทษ

แยกย้ายจากเคารพธงชาติแล้ว สายตาของผมก็สังเกตเห็นป๋าเวียงนั่งอยู่ในห้องรองผ.บแดน เมื่อเห็นเช่นั้น ผมจึงรีบเดินไปหาแกโดยเร็วพร้อมกับเสียงประกาศเยี่ยมญาติรอบแรกได้ดังขึ้น และหนึ่งในนั้นก็มีชื่อของไอ้แว่นเยี่ยมญาติอยู่ด้วย โดยที่จริงแล้ว ผมอยากจะพาไอ้แว่นเข้าไปหาป้าเวียงด้วยอีกคนแต่เอาไว้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวค่อยพามาทีหลังก็ได้ ผมจึงบอกให้ไอ้แว่น ไปเตรียมตัวเยี่ยมญาติให้เรียบร้อย และไปจัดการเรื่องที่สั่งให้เรียบร้อยอีกด้วย

พอกลับจากเยี่ยมญาติก็ให้มันขึ้นไปรอบนโรงงาน 2 ได้เลย และห้องของรองผ.บนั้น ตั้งอยู่ข้างในประตูแดน จึงทำให้การเข้าไปหาป๋าเวียงนั้น ไม่ง่ายเลย แต่ก็ไม่ยากสำหรับผมนะครับ ก็เพราะว่าข้างห้องของแกหน้าต่างมันก็อยู่ในแดน ผมก็แค่เดินไปที่หน้าต่างให้แกเห็น แกก็สั่งให้เด็กหน้าประตูมาเปิดประตูให้ผมเข้าไปแล้วครับ แล้วผมก็ได้ทำอย่างที่บอก โดยที่ผมกล่าวทักทาย ป๋าเวียงก่อนเป็นอันดับแรกเลยครับ

“ป๋าหวัดดีครับ” ป๋าเวียงที่กำลังนั่งจิบกาแฟพร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย เงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียงที่เรียกแกว่าเป็นใคร พอแกเห็นว่าเป็นผมที่เป็นคนเรียก จากใบหน้าที่ดูเข้มๆ กลับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแกให้เห็น “อ้าวว่าไงไอ้เสือไม่นึกว่าจะเจอมึงอีก ไอ้นุมึงเปิดประตู ให้ไอ้เสือใหญ่เข้ามาหากูหน่อย” 

ป๋าเวียงทักทายกับผม พร้อมกับสั่งให้ไอ้นุที่ทำงานหน้าประตูแดน เป็นคนมาเปิดประตูให้ผมเข้าไปหาแก คำว่าไอ้เสือแกก็จะเป็นคนใช้เรียกผมคนเดียว และที่เรียกผมว่าไอ้เสือนั้น ก็คงจะเป็นเพราะงานที่ผมไปเตะหน้าไอ้หนึ่งถึงกับกรามหักเข้าโรงพยาบาลเป็นแน่ แต่ยังไม่พอมันยังมาขอกับป๋าเวียงอีกว่า จะไม่อยู่ในแดนนี้อีกแล้วถ้าผมอยู่ แล้วมันก็บอกให้ป๋าเวียงรู้ถึงนิสัยของผมว่าเป็นคนกัดไม่ปล่อยขนาดไหน จึงทำให้นับตั้งแต่นั้นมาป๋าเวียงก็เรียกผมไอ้เสือมาโดยตลอด 

“ก็ผมคิดถึงป๋ามากนิครับ ก็เลยต้องมาหาให้หายคิดถึงแต่ผมไม่รู้เลยว่าปีหน้าป๋าก็จะเกษียณแล้ว ผมนึกไม่ถึงก็เลยมาหาป๋าซะนานเชียว  รอบนี้ 4 ปี 6 เดือน ครับป๋า ” ผมเข้ามาถึงก็ได้บอกกับป๋าเวียงไปในสิ่งที่แกถามผมเมื่อกี้นี้ มันก็เลยเรียกเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจของแกให้ได้ยิน 

“แล้วมาหาป๋ามีเรื่องอะไรหรือไอ้เสือ ” ป๋าเวียนได้ถามกับผม “ไม่มีเรื่องอะไรหรอกครับป๋า ผมก็แค่ต้องมาหา คนที่ผมเคารพก็เท่านั้นครับ อยู่บ้านผู้ใหญ่ไม่เข้าไปหาผู้ใหญ่ ได้ยังไงครับ ” มันเป็นสํานวนเปรียบเปรย ในการที่ผมใช้พูดสนทนากับป๋าเวียง และเราสองคนก็มาคุยกัน ผมจึงบอกกับแกถึงเรื่องธุรกิจสีเทาที่ผมกำลังจะทำ แกก็รับรู้และรับฟัง 

แต่แกก็ไม่ได้ว่าอะไร  เพียงแต่แกบอกกับผมว่า กูเหลือเวลาแค่ปีเดียวนะ มึงจะทำอะไรมึงก็รีบๆทำ เพราะกูไม่อาจรับรองได้ว่า เมื่อกูไปแล้วพวกมึงจะยังเหมือนเดิมกันได้หรือเปล่า กูบังให้พวกมึงได้ก็แค่ตอนกูยังอยู่ที่เดิมในนี้เท่านั้น แต่ไม่ว่ามึงจะทำอะไร ก็ขอให้อยู่ในขอบเขตบ้างนะ อย่าเกินให้มันมากไป และที่กูขออะไรไว้ว่าอย่าทำอะไร พวกมึงก็น่าจะรู้กันนะ.. ความสนุกยังไม่หมดเพียงเท่านี้พบกันในตอนหน้าสวัสดีครับ..(โปรดติดตามตอนต่อไป) ” หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ “# คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่42

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun

What's your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0

You may also like

Story

ประวัติวันสงกรานต์ เทศกาลประเพณีที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน.

สงกรานต์เป็นเทศกาลปีใหม่ไทยแบบดั้งเดิมที่มีการเฉลิมฉลองทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งชาวต่างชาติจะรู้จักกันในชื่อว่า Water Festival หรือ เทศกาลแห่งน้ำ เพราะในวันนี้ผู้คนจะนิยมนำน้ำมาสาดใส่กันเพื่อคลายร้อนอย่างสนุกสนาน
Story

เปิดประวัติที่มาของสงครามนกอีมู สงครามสุดแปลกที่โลกนี้ต้องจดจำ

สงครามนกอีมู หรือที่เรียกว่าสงครามนกอีมูครั้งใหญ่ เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินการในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียในปี 2475 ปฏิบัติการนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมประชากรของนกอีมู ซึ่งก็ได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผลในภูมิภาคออสเตรเลีย
Story

เปิดประวัติที่มาของวัน “April Fool’s Day” หรือ “วันโกหก” วันสุดแสบแสนตลกของผู้คนทั่วโลก!

"วันโกหก" นักประวัติศาสตร์ได้เชื่อว่าวันนี้ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลฮิลาเรียของโรมันที่จัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เพราะเทศกาลนี้ผู้คนจำนวนมากจะออกมาแต่งกายตลก ๆ พร้อมกับมีการละเล่นที่เรียกเสียงหัวเราะของผู้คน ซึ่งก็คล้ายคลึงกับวันโกหกเป็นอย่างมาก และในยุคต่อมาก็ได้มีบันทึกไว้ในหนังสือ

Comments are closed.

More in:Story

Story

เปิดประวัตินิทานของ “อีสป” ต้นตำรับนิทานคติสอนใจผู้เป็นตำนานของโลกแห่งนิทาน

นิทานของอีสปเป็นนิทานที่ถูกแต่งขึ้นโดยทาสชาวกรีกที่มีขื่อว่า อีสป (Aesop) ที่นักวิชาการต่างลงความเห็นว่าเขานั้นน่าจะเกิดอยู่ในช่วง 620 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นทาสโดยกำเนิดตามกฏหมายของชาวกรีก
Breaking News

ซีเซียม-137 คืออะไร? อันตรายมากแค่ไหน?

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวที่ถูกพูดถึงมากมาย เกี่ยวกับประเด็นท่อเก็บสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ที่ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 ก็ได้มีรายงานว่าพบวัตถุดังกล่าวแล้ว แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมากจากข่าวนี้
Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 84

ผมและไอ้แว่นได้ลงมาตั้งแถวรอเยี่ยมญาติอยู่หน้าองค์พระประจำแดน ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวสำหรับพวกที่มีชื่อเยี่ยมญาติในแต่ละรอบ ผมสังเกตเห็นไอ้แว่นมันดูลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะถามอะไรผม แต่มันก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถามสักที