คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่48
บทที่48 การมาถึงของโรคระบาดภายในแดน
“จงอย่าเดินตามรอยเท้าคนอื่น ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่มีรอยเท้าเป็นของตัวเอง”
** เข้าเดือนพฤศจิกายนปี 58 แล้วผ่านไป 10 วันหลังจากที่ไอ้นพโดนย้ายไปที่เรือนจำเขาบิน ไอ้นพเองมันก็ยังไม่ได้ติดต่อกลับมาหาพี่ชายทั้งสองของมันเลย แต่ก็ได้ยินจากปากพี่วุฒิมาแค่ว่า ตัวไอ้นพนั้นมันไม่ได้อยู่แดน 5 ซึ่งเป็นแดน super max ที่มีเอาไว้ขังเหล่าบรรดานักโทษที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดภายในเรือนจำ ส่วนนักโทษทั้ง 15 คนที่มีพี่อิ๋วรวมอยู่ด้วยนั้น ทั้งหมดอยู่ที่แดน 5 แดน supermax ดังนั้นจึงหมดสิทธิ์ที่จะสามารถติดต่อกับใครได้อีกเลย
แต่ส่วนตัวของไอ้นพมันอยู่ที่แดน3 ซึ่งเป็นแดนปกติทั่วไป ได้รู้ข่าวเพียงแค่นี้ก็พอให้พี่ชายทั้ง2เบาใจไปได้มากแล้ว ส่วนอีเบลเมียไอ้นพนั้น หลังจากที่มันย้ายไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ มันก็มีคนคอยดูแลคนใหม่ไปแล้ว ผัวใหม่ของมันไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนเลย เป็นคนใกล้ตัวซะด้วยก็พี่นนท์พี่ไอ้นพไงล่ะ สงสัยจะแอบมองเธออยู่นะจ๊ะ เรือร่มในหนองทองจะไปไหน เท่าทีผมเห็นอีเบลมันก็ได้ดูเศร้าอะไรเลยที่ไอ้นพโดนย้าย วันแรกทำเป็นร้องไห้จะเป็นจะตาย จะขอไปด้วยยังงั้นยังงี้ฟูมฟายแทบขาดใจ ยังไม่ถึงอาทิตย์ดีเลย ก็ดีด๊าต่อแหลเหมือนเดิม นี่แหละกระเทยในคุกล่ะ **
ตอนนี้เข้าช่วงปลายฝนต้นหนาวแล้ว ปีนี้ดูแล้วจะหนาวไวกว่าปกติ ในเวลาที่ลงจากเรือนนอนตอนนี้ อากาศมันไม่เย็นขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ว่าตอนนี้ทั้งลมหนาวที่พัดมาเป็นระยะ และอากาศที่เย็นลงกว่า3องศาในตอนนี้ ทำให้น้ำในอ่างอาบน้ำเหลือมากกว่าปกติหลายเท่า ส่วนพระอาทิตย์มันก็ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าสักที อากาศแบบนี้ถ้าได้อยู่ข้างนอกคงจะดี
ไอ้แว่นถือกาแฟมาเสริฟ์เหมือนทุกวัน ควันลอยคลุกกรุ่นอยู่เหนือแก้วกาแฟ กลิ่นของกาแฟวันนี้ทำไมมันช่างหอมจังนะ (ผมคิด) ” อากาศเย็นขนาดนี้ ต้องกาแฟร้อน ๆ เพิ่มความเข้มของกาแฟเข้าไปอีกหน่อย หอมกลิ่นกาแฟรึเปล่าพี่ “ นี่เองคือสาเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกว่ากาแฟวันนี้มันหอมกว่าทุกวัน “กูว่านะมึงปล่อยตัวไปแล้ว มึงออกไปเปิดร้านกาแฟดีกว่าไอ้แว่น กูว่ารุ่งแน่นอน ” ผมเอ่ยปากชมมันถึงการชงกาแฟที่อร่อยถูกใจผมอย่างมาก
ครั้งนี้ก็เช่นกัน เพียงจิบแรกที่กาแฟสัมผัสกับลิ้นของผม จากที่ผมคิดเอาไว้ว่ามันต้องร้อนและขมขึ้นมากแน่ ๆ แต่กลับเปล่าเลยมันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด มันช่างพอดีและลงตัวจริงกับบรรยากาศแบบนี้ ผมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เราทั้งสองต่างนั่งจิบกาแฟกันอย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่คุยอะไรกันเลย มันเป็นความรู้สึกที่สดชื่นในบรรยากาศที่เหน็บหนาวอะไรเช่นนี้ ผมมีความสุขจริงๆ แล้วบทสนทนาของเราทั้งสองคนจึงเริ่มต้นขึัน หลังจากที่กาแฟได้หมดลง
“เป็นไงมั่งว่ะไอ้แว่นบวกหรือลบเมื่อคืนนี้ ” ผมถามมันถึงผลบอลเมื่อคืนนี้ เพราะว่าผมเปิดโต๊ะบอลมาก็เข้าอาทิตย์ที่สองแล้ว ซึ่งอาทิตย์แรกที่ผมเปิดนั้น ไอ้เบนซ์ได้แบ่งเด็กเดินโพยมาให้ผมอีก5คนให้มันช่วยเดินให้ผมอีกใบ และผมก็เดินเองด้วยรวมแล้วก็6ใบแค่นี้ก็พอแล้วครับ สำหรับโต๊ะเล็กๆอย่างผม
เด็กไอ้เบนซ์ทั้ง5คนที่มันส่งมาช่วยเดินบอลให้กับผมนั้น แต่ละคนส่งโพยตอนเย็นให้ผมคิด ทุกคนเดินกันไม่ต่ำกว่าร้อยกล่อง(นม) ยิ่งไอ้หมัดวันแรกที่ส่งโพยผม 150 กล่อง ผมยังจำวันแรกที่เปิดโต๊ะบอลได้เลยว่ายอดรวทั้งหมดเท่าไหร่ มันเป็นวันศุกร์เปิดบอลลีกเดอร์ (ฝรั่งเศส)รองจากลีกเอิง ร่วม5โพยแรก 550กล่อง ของผมเดินเอง 80กล่อง และไอ้เบนซ์แทงอีก5ซอง เพราะรับปากกับมันไปแล้วว่าผลัดกันแท่งคนละครั้ง และมันก็แทงผมสเต๊ป4ตัว แม่คุณเอ๋ย!! ถ้าคืนนั้นพะโล้ขึ้นมาเอาแค่ไอ้เบนซ์ถูกคนเดียวก็โดนไป3000แล้ว
ซึ่งตอนนั้นผมมีทุนแค่6000เห็นจะได้ ในตอนที่ผมนั่งคิดยอดรวมเส็รจ ผมยังมองหน้ากับไอ้แว่นกันอยู่เลย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะกลัวมันจะเป็นจริงอย่างที่พูด แค่มองหน้ากันมันก็แทนคำที่จะพูดออกมาว่า ถ้าเจ๊งจะเอาที่ไหนจ่ายกันว่ะเนี้ย จึงทำให้คืนนั้นเราทั้งคู่แทบจะนอนเอาตีนก่ายหน้าผากกันเลยที่เดียว
‘กูอยู่เฉยๆก็ดีอยู่แล้ว’เปิดแล้วก็มานอนเครียดกูจะเปิดทำไมว่ะ ผมนอนคิดคำพวกนี้กลับไปกลับมาเกือบตี1 เห็นจะได้ผมจึงหลับลง พอถึงเช้าลงจากห้อง ไอ้แว่นมันมีหน้าที่เดินไปจดผลบอลที่หน้าทีวีและเอามาให้ผมเพื่อเอาไปคิดโดยระเอียดอีกทีบนโรงงาน
แล้ว’เทพีแห่งโชค’ก็อยู่ข้างผม วันแรกผมกินเรียบไม่มีคนถูกเต็มเลยสักคน มีถูกครึ่งนึงและก็เจ๊าไม่ถึงสิบคนเห็นจะได้ นอกนั้นแดกยกโพยรวมถึงไอ้เบ็นซ์อีกด้วย ตั้งแต่นั้นมาผมก็กินมาโดยตลอด จนตอนนี้มีทุนพอหมื่นแล้วครับ
“นี่ครับพี่ใหญ่ผลบอลเมื่อคืน บอลมันพลิกหลายคู่เลยพี่ บอลรองเข้าเกือบหมด “ ไอ้แว่นมันยื่นผลบอลมาให้ผม พอผมได้ยินที่มันบอกบอลรองเข้าเกือบหมด ผมจึงนึกถึงภาพเมื่อวานตอนที่ผมดูคนที่แทงแต่ละโพย โดยคราว ๆ ว่าหนักไปทางบอลต่อหรือรองกันแน่ “จะเจ็บน้อยเจ็บมากเท่านั้นเองวันนี้ ” ผมได้บอกกับไอ้แว่นว่าวันนี้น่าจะลบมากกว่าบวก
เจ็ดโมงตรง ได้เวลากินข้าวเช้ากันแล้ว “ทำไมมันยังหนาวขนาดนี้อยู่ว่ะ ” ผมพูดบ่นขึ้นมาลอยๆ ทั้งที่ตอนนี้แดดยามเช้าก็เริ่มสาดแสงลงมาจากท้องฟ้าแล้วก็ตาม มันก็ไม่อาจทำให้ความหนาวในตอนนี้คลายลงไปได้ ผมสังเกตุเห็นนักโทษบางคนได้นำเอาผ้าห่มลงมาห่มข้างล่างก็หลายคน บางคนก็นั้งคุดคู้หลบลมหนาวอยู่ตามมุมต่างๆ ในเรือนจำก็มีไม่น้อย “เมื่อวานตอนเช้ามันยังไม่หนาวเลยนะพี่ ” ไอ้แว่นหันมาพูดกับผมในตอนที่เรากำลังกินข้าวกันอยู่ ขนาดต้มฟักที่ว่าร้อนๆตอนนี้ยังเย็นเลย
“อากาศเปลี่ยนแปลงเร็วอย่างนี้ไม่ดีแน่ ร่างกายปรับตัวไม่ทันโรคภัยมันจะถามหาเอา ใครร่างกายไม่ค่อยดีก่อนแล้วเจออากาศแบบนี้เข้าไปด้วยละก็ ไข้แดกแน่นอน “
ผมบอกกับไอ้แว่นถึงอากาศที่หนาวอย่างนี้ มันก็เลยทำให้ผมนึกถึงเมื่อตอนปี56ที่ผมยังอยู่ที่นี่ในตอนนั้นขึ้นมา อากาศที่หนาวมากกว่าตอนนี้ด้วยซ้ำ อีกทั้งลมหนาวที่พัดกระหน่ำมาเป็นระยะ ๆ สร้างความเหน็บหนาวให้เหล่านักโทษเป็นอย่างมาก หรือ บางวันก็ได้มีฝนตกพร่ำ ๆ ลงมาอีกด้วย ทั้งหนาวลม หนาวฝนปั่นป่วนไปหมด และในปีนั้นเป็นปีที่อากาศหนาวเย็นนานมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา แสงแดดก็ไม่ค่อยจะโผล่ออกมาจากก้อนเมฆให้เห็น
ช่วงนั้นในทีวีกรมอุตุบอกว่ามันคือความกดอากาศต่ำที่แพร่ลงมาจากประเทศจีน จึงทำให้ประเทศไทยได้รับอิทธิพลความหนาวเย็นจากความกดอากาศต่ำนี้ แล้วมันจะอยู่แบบนี้นานถึง 2 สัปดาห์ แต่ยังไม่ถึง 3 วัน นักโทษก็เริ่มล้มป่วยเป็นจำนวนมาก มันเป็นไข้หวัดใหญ่ที่รุนแรงและติดต่อกันได้ง่ายเหลือเกิน จากสิบเป็นร้อยจากร้อยเป็นหลายร้อยคน จนทำให้ยาแก้ไข้หวัดในพ.บขาดแคลนอย่างหนัก แม้แต่พาราเซตามอลก็ยังไม่มี ในเมื่อหมดหนทาง
นักโทษทุกคนจึงต้องดูแลตัวเอง ตามมี ตามเกิด หาสมุนไพรที่มีอยู่ในแดนมาต้มกิน เพื่อที่จะบรรเทาอาการหวัดที่เป็นอยู่ “ลูกใต้ใบ “ คือยาสมุนไพรชั้นดีที่หากันได้ในคุก เอามาใส่ขวดแล้วผสมน้ำอุ่นเพื่อใช้ดื่มแทนน้ำได้เลยรสชาติของมันจะออกขมเฝื่อนๆเล็กน้อยเท่านั้น ลดอาการหวัดได้ดีระดับหนึ่งอีกอย่างฟ้าทะลายโจรก็ลดไข้ได้ชะงักนัก
แต่เมื่อนักโทษนั้นป่วยเป็นจำนวนมาก มากถึงครึ่งแดน จึงทำให้สมุนไพรที่มันขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยที่ไม่มีนักโทษคนไหนปลูกมันขึ้นมาเลย ได้หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือสักต้น มันเป็น 2 อาทิตย์แห่งหายนะที่ยาวนานเลยทีเดียว และอาการของไข้หวัดชนิดนี้นั้น มันรุนแรงเหมือนกับเป็นไข้จับสั่น ตัวร้อนไข้ขึ้นสูง คนที่เป็นจะรู้สึกร่างกายหนาวสั่น แต่ตัวร้อนดั่งไฟ ปวดเมื่อยตามร่างกายจะออกไปหาหมอก็ไม่ได้ เพราะไม่มียาให้กินแล้ว ได้แต่นอนในแดนให้เพื่อนเช็ดตัวไปวันๆ โชคดีก็หาย โชคร้ายก็ตาย ก็แค่นั้นเอง ใครจะมาสนใจคนอย่างพวกเรา
พี่เจ้าหน้าที่ในแดนเห็นสภาพที่นักโทษเป็นอยู่ คงรู้สึกเวทนาสงสารเลยไปซื้อยาพาราจากข้างนอกมาให้ ไม่ว่ามีเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ กระปุกนึง 1000 เม็ด แจกไม่ถึง 5 นาทีก็หมดเกลี้ยง จนต้องใช้วิธีใหม่ด้วยการวัดไข้ ใครที่มีไข้สูงเกิน 39 องศาก็ถึงจะได้ยาพาราไปกิน 1 เม็ด คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับแค่เพียง 1 เม็ดเท่านั้น แต่ถ้าใครที่มีไข้ไม่เกิน 39 องศาก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง เช็ดตัวกันต่อไป จึงทำให้ 2 อาทิตย์นั้น มีนักโทษเสียชีวิตจำนวน 3 รายซึ่งเป็นผู้สูงอายุทั้งสิ้น
มันเป็นการตายที่น่าเศร้าใจจริง ๆ ตายเพราะไข้หวัด ซึ่งเป็นโรคที่แสนจะธรรมดาทั่วไปสำหรับคนข้างนอก เป็นโรคที่แค่กินพาราเซตามอล 2 เม็ดติดต่อกัน 2 วันก็น่าจะหาย แต่มันกลับกันในคุก มันสามารถเอาชีวิตนักโทษไปได้ถึง 3 รายด้วยกัน ก็ไม่รู้จะโทษใครได้ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เพียงแค่พาราเซตามอลถึงไม่มีให้กิน บอกเราได้คำเดียวว่ายาหมดไม่ต้องมาพ.บกันแล้วนะ เพราะว่าถึงมาก็ไม่ได้ยากลับไป นั่นคือคำพูดของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ที่มีหน้าที่เป็นหมอคอยรักษานักโทษที่ป่วยในเรือนจำ
ผมเรียนมาน้อยจบแค่ ม. 3 ผมยังรู้เลยว่า คำว่าหมอ ต้องมีจรรยาบรรณความเป็นหมอ หมอจะไม่ปล่อยให้คนไข้ตาย โดยไม่ทำอะไรเลยเด็ดขาด แต่เปล่าเลยสำหรับหมอในเรือนจำ คงไม่ได้คิดอย่างนั้น เห็นอยู่ว่าพวกเรานักโทษเป็นไข้กันเป็นพันคน คุณไม่คิดที่จะหาทางช่วยอะไรอีกเลยหรือไง นอกจากคุณรอให้มียาส่งมาให้จากทางกรมราชทัณฑ์เท่านั้น หรือ ว่าคุณเห็นพวกเราเป็นแค่นักโทษ มันก็แค่เศษเดนของสังคม คุณจะทำอะไรกับเราก็ได้อย่างนั้นหรอ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกคุณอยู่ตรงไหนกัน คุณมีหัวใจที่สงสารเพื่อนมนุษย์ด้วยกันบ้างไหม ไม่ใช่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เรื่องของมึงไม่ใช่หน้าที่กูต้องดิ้นรนหายามาให้พวกมึง ไม่มีสิทธิ์ร้องขอ พวกมึงต้องรออย่างเดียว!! รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็ตายไป เพราะว่ากูไม่ได้ใช้ให้มึงมาติดคุก พวกมึงทำตัวของมึงกันเอง!!
ผมนึกถึงเรื่องราวของปี 56 ทีไร ผมก็รู้สึกสะอิดสะเอียนกับผู้คุมน้ำใจเลวทั้งหลาย ไอ้พวกที่ดีก็มีเยอะ ไอ้พวกที่เหี้ยก็เยอะยิ่งกว่า ผมกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 56 มันจะย้อนกลับมาเกิดขึ้นในปี 58 ปีนี้อีกครั้ง..
ผมได้ขึ้นไปคิดผลบอลที่เตะกันเมื่อคืน ได้ข้อสรุปออกมาว่า เขาลบ 2,000 บาทถือว่าน้อยต่างจากโต๊ะไอ้เบนซ์ที่มัน – 20,000 บาทเห็นจะได้ ไม่เป็นไรหรอกให้พวกเขาได้กินกันบ้าง เดี๋ยวจะไม่มีมาแทงพวกเราอีก ไอ้แว่นออกไปเยี่ยมญาติได้สักพักก็กลับเข้ามาสีหน้ามันไม่ดีอีกแล้ว คงจะเป็นเรื่องเมียอีกตามเคย คราวที่แล้วเมียมันบอกจะมาเยี่ยมมันเหมือนเดิม แต่คราวนี้เมียมันบอกจะทำอะไรอีกล่ะ ผมยังไม่ต้องเอ่ยถามมันก็พูดให้ผมฟังว่า
“อีเหี้ย!! ไม่กลับบ้านอีกแล้วพี่ มันบอกไปเที่ยวบ้านเพื่อน แม่ผมก็ให้ไปอีก ผมก็บอกเขาแล้วนะว่าไม่ต้องให้ไปถ้ามันขอไปไหน เหนื่อยใจว่ะ ” ไอ้แว่นบ่นเรื่องเมียให้กับผมฟังซึ่งเดี๋ยวนี้มันจะบ่นให้ผมฟังบ่อยเหลือเกิน ” ไอ้เหี้ย!เ ขาแม่มึงไม่ใช่แม่มันเขาจะไปห้ามอะไรเมียมึงได้ล่ะ ” ผมได้ตอบคำถามนี่แทนแม่ไอ้แว่นไปแล้วครับ ดูไปแล้วคงอีกไม่นานหรอกครับ เมียไอ้แว่นได้มีผัวใหม่แน่นอน อาการมาๆหายหายแบบนี้ เริ่มเป็นบ่อยขึ้นทุกที
แต่เท่าที่ดูแล้ว ไอ้แว่นมันก็คงจะพอทำใจได้บ้างแล้วล่ะ ที่ผมรู้ก็เพราะดูอาการของมันไม่ได้เศร้า หรือ ผิดหวังอะไรมากแล้ว มันเริ่มรู้สึกเฉยมากกว่า ก็อย่างที่ผมเคยบอก ต้องปล่อยให้เวลามันเยียวยาเราเองและเราก็จะทำใจให้มันชินจนได้ละครับ….ตอนต่อไปโรคระบาดรุนแรงขนาดไหน เมียไอ้แว่นจะเลี้ยวหรือไม่ อีกไม่นานก็จะรู้คำตอบแล้วนะครับ ฝากติดตามผลงานผมด้วยนะครับสวัสดีครับ…(โปรดติดตามตอนต่อไป) ” หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ “#คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่48
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun