คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่54
บทที่54 7 วันอันตราย ep. 2
“ชีวิตของเราเป็นของเราทั้งหมด ไม่มีใครกำหนดกฎเกณฑ์ชีวิตเราได้ถ้าเราไม่อนุญาต ดังนั้นอย่ามอบอำนาจให้คนอื่นมามีบทบาทในชีวิตของเราเลย หากเราทำเพื่อตัวเราเอง คนที่ได้รับคือตัวเรา แต่หากเราทำในสิ่งที่คนอื่นต้องการ คนที่ได้รับมันไม่ใช่เรา แล้วชีวิตคนเรามันก็สั้น เราจะเสียเวลาไปทำเพื่อให้คนอื่นมีความสุขทำไม ทำไมไม่ทำให้ตัวเรามีความสุขเองล่ะ”
** 7 วันอันตราย จะเรียกแบบนี้ก็ไม่ผิด เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่เริ่มระบาดหนัก การแพร่ระบาดของโรคจะหนักประมาณ 10 วันแรก แล้วมันจะค่อย ๆซาลงไป ผ่านมา 7 วัน เหล่านักโทษเผชิญกลับอุณหภูมิความเย็นที่ลดต่ำลง และมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกหนาวได้เลย อีกทั้งลมเย็นในตอนเช้าที่พวกเราต้องเจอทุกวันตอนลงจากขังในทุกเช้า มันได้สร้างความเหน็บหนาว ความเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูกกันเลยทีเดียว นี่ขนาดผมเป็นคนปกติ ที่สุขภาพค่อนข้างแข็งแรงไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไร ผมยังรู้สึกหนาวได้ขนาดนี้ และถ้าลองเปรียบเทียบกับคนที่ป่วยอยู่ตอนนี้ล่ะ เขาจะหนาวขนาดไหน หนาวเป็น 2 เท่าของผมเลยก็ว่าได้
นี่มันแค่เริ่มต้นเพียงแค่ 7 วันแรกเองนะ ความหนาวยังมากมายขนาดนี้เลย แล้วในวันต่อไปมันจะมากกว่านี้อีกไหม ผมนึกในใจว่าครั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยา คงจะคาดการณ์ถูกว่าความหนาวจะเกิดขึ้นทั้งเดือน จึงทำให้ในตอนนี้นักโทษเกือบ 400 คนในแดน ต่างก็ล้มป่วยเป็นไข้ไม่สบาย เหล่าผู้ป่วยก็จะมีทั้งอาการหนัก และอาการเบาปะปนกันไป มันคือโรคเดิมของปี 56 นั่นคือโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งในช่วงปี 58 ได้แพร่ระบาดหนัก โดยเฉพาะจะเกิดกับคนแก่ผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ (จนภายหลังถึงได้มีรถพยาบาล เข้ามาฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับพวกเราทุกปีตั้งแต่นั้นมา) ตอนนี้หายนะกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้มันน่าจะหนักกว่าคราวที่แล้ว มันใกล้เข้ามาทุกทีทุกที ตอนนี้ที่ พ.บ ความหวังเดียวของคนในคุก เริ่มพึ่งไม่ได้อีกแล้ว เพราะยาแก้ไข้ที่มีอยู่เหลือน้อยเต็มที
โดยปกตินักโทษไปหาหมอ นักโทษจะได้ยามากินประมาณ 10 เม็ด แต่ตอนนี้ช่วงเกิดโรคระบาดพวกนักโทษที่ไม่สบาย ได้ไปหาหมอครั้งล่าสุดมา ได้บอกกันว่ายาที่แจกเหลือแค่คนละ 6 เม็ดเท่านั้น ต่อไปมันก็จะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนหมด ถ้าขืนเป็นแบบนี้พวกนักโทษจะไม่เหลือยาแก้ไข้ไว้ให้กินอีกเลย
เป็นระยะเวลานานเกือบ 2 เดือน กว่าทางกรมราชทัณฑ์ จะจัดส่งยาเวชภัณฑ์ล็อตใหม่มาให้ และในตอนนี้ผมยืนมองดูพวกผู้ป่วย ที่นอนรวมกันอยู่ใต้ถุนเรือนนอนทั้งหมด เพราะมันคือสถานที่ทางแดนได้จัดเตรียมไว้ ให้กับผู้ป่วยเพื่อนอนพักรักษาตัว และเพื่อที่จะได้ไม่ไปแพร่ไข้หวัดใหญ่นี้ ให้กับนักโทษคนอื่น ๆอีกด้วย ยิ่งผมยืนมองดูนานเท่าไร ความรู้สึกนึกสงสารมันก็เพิ่มมากขึ้นทุกที แต่สำหรับในครั้งนี้ผมจะแค่สงสารเท่านั้น จะไม่มีการมาช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น เพราะว่าลำพังแค่ตัวเองกับไอ้แว่น ก็แทบจะเอาตัวกันไม่รอดอยู่แล้ว ต้องคอยประคับประคองให้มันผ่านไปได้ในแต่ละวันอยู่เลย และในสถานการณ์แบบนี้ผมต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจอยู่เสมอว่า ‘เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด’
ระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ก่อนที่จะเปิดกองงานอย่างเป็นทางการ พวกผมก็ต้องทำหัวจอมกับปลาเย็บแห เตรียมเอาไว้ให้ได้เยอะที่สุด เพราะพวกเราก็ยังไม่รู้ว่ายอดผู้ต้องขัง เขาจะแบ่งให้กองงานแหทั้งหมดกี่คน จึงทำไว้เผื่อเหลือมันดีกว่าเผื่อขาดครับ….
ผมนั่งทำหัวจอมอยู่เพลิน ๆ จนลืมดูเวลาเผลอแป๊บเดียวพักกลางวันแล้วหรือนี่ ไอ้แว่นเดินถือข้าวกล่องมา 2 กล่องพร้อมกับพูดว่า “พี่ใหญ่ครับกินข้าวครับ เดินผ่านร้านพี่คม เห็นมีข้าวกล่องอยู่ผมก็เลยซื้อมา 2 กล่อง เป็นข้าวมันไก่ด้วยนะพี่น่ากินเชียว” ไอ้แว่นได้พูดกับผม
“เดี๋ยวกินเสร็จมึงก็เอาบุหรี่ในลิ้นชักไปจ่ายค่าข้าวของไอ้คมเลยนะ” ผมพูดกับไอ้แว่น ไอ้แว่นส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ผมให้พี่คมจดลงบัญชีของผมไปแล้ว เพราะยังไงพรุ่งนี้ผมเยี่ยมญาติ พี่คมเขาจะต้องใช้ให้ผมซื้อขนมจากร้านค้านอกเหมือนเดิม ผมก็จ่ายค่ากินไปแล้วด้วยนะครับ” ผมพยักหน้าเข้าใจในเรื่องที่มันบอก แล้วเราสองคนก็นั่งกินข้าวกล่องกันจนหมด
“ได้แป๊บซี่ซักขวดคงจะชื่นใจกว่านี้ ” ไอ้แว่นพูดจบมันก็ลุกและรีบเดินลงไปข้างล่างเพื่อไปซื้อแป๊บซี่ขึ้นมากิน “ไอ้แว่น! เอามาสองขวดเลย เผื่อไอ้บอยดำมันด้วย” ผมรีบตะโกนเรียกมันไว้ได้ทัน ก่อนที่มันจะหันมาพยักหน้าตอบกลับมาว่ารู้แล้ว จากนั้นมันก็เดินลงกองงานไป ผมจุดบุหรี่สูบยังไม่ถึงครึ่งมวนด้วยซ้ำ ไอ้แว่นมันก็เดินถือน้ำอัดลมขึ้นมาถึงผมแล้ว
“นี่พี่น้ำเขียวเย็นๆ แล้วขวดนี้ผมเอาไปให้พี่บอยเขาเลยนะ” มันชูขวดแป็บซี่ขึ้นมา แล้วถามผม “เออ..แล้วบอกไอ้บอยด้วยว่าพี่ให้มาเอาบุหรี่แถวนึง ” ไอ้แว่นมันจึงเดินไปหาไอ้บอยดำ ไปทำตามที่ผมบอก จากนั้นมันก็เดินกลับมาพร้อมบุหรี่ในมือ 1 แถว
“พี่..พี่บอยเขาฝากมาบอกว่า บุหรี่อีกแถวนึงที่พี่ฝาก พี่บอยเขายืมใช้ก่อนนะพี่ ” ได้ยินดังนั้น ผมจึงหันไปทางที่ไอ้บอยกำลังทำงานอยู่ ไม่ต้องถามอะไรต่อ แค่ผมหันไปหามันตอนแรกที่ไอ้แว่นบอก ผมก็เห็นไอ้บอยดำมันมองมาทางผมอยู่แล้ว ด้วยท่าทางที่ดูอมยิ้มอยู่เล็กน้อย “มึงใช้ไปแล้วหรือว่ายังไม่ได้ใช้ ” ผมตะโกนถามมันไป “กูใช้ไปแล้ว มึงถามทำไมว่ะ ” นี่คือคำตอบที่ผมได้รับ “ก็เพราะที่กูถามกูจะใช้ไงถ้ามึงยังไม่ได้ใช้ก็เอามาก่อน กูจะเอาไปให้ไอ้เบนซ์ค่าเรตบอล” ผมได้บอกให้บอยดำฟัง
เนี่ยแหละครับปัญหา ที่มักจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ ในคุก ผมถึงไม่อยากจะฝากบุหรี่ไว้กับใคร มันเหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมวยังไงไม่รู้ เพราะว่าเวลาคนเรายิ่งสนิทกันมาก อะไรมันก็จะดูง่ายไปหมด แม้กระทั่งการหยิบยืมสิ่งของโดยที่ไม่บอกก่อนเลยแบบนี้ ดีนะที่ผมยังพอมีเหลือเก็บไว้อยู่ ไม่งั้นผมไม่ปล่อยผ่านไปแบบนี้แน่นอน เพราะบุหรี่ในคุกมันก็เปรียบเสมือนเงินสด ที่เราเอาไว้จับจ่ายซื้อของ และบุหรี่ตั้ง 10 ซอง สำหรับคนในคุกมันมีค่าไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นอันว่าผมก็ต้องลงไปหาไอ้คมที่ร้าน เพื่อเอาบุหรี่ที่ฝากไว้มาแถวนึงอีก เพื่อที่จะเดินเอาบุหรี่ไปให้ไอ้เบนซ์
ซึ่งมันก็นั่งรอผมอยู่ที่ใต้ถุนเรือนนอน ที่ซุ้มบ้านของมันเอง และราคาค่าเรตบอลที่ผมจะต้องช่วยมันจ่าย ไอ้เบนซ์มันคิดผมอาทิตย์ละ 1 แถวบุหรี่ ใน 1 อาทิตย์เราจะเปิดโต๊ะบอลกันประมาณ 3-4 วัน ซึ่งผมก็มองว่าอาทิตย์ละ 1 แถวถือว่ามันก็ไม่มากจนเกินไปนัก เพราะว่าผมได้ประเมินดูคร่าวๆแล้วสำหรับโต๊ะของผมนั้น เปิดโพยบอลทั้งหมด 7 โพยซึ่งถ้าเดินบอลกันใน 1 โพย กับจำนวนคนที่เข้ามาแทงประมาณเท่าที่มีอยู่กันนั้น ก็ยังคุ้มไม่เข้าเนื้อ
แต่ถ้าอาทิตย์ไหนโต๊ะลบทั้งอาทิตย์ละก็ อันนี้ก็ค่อยมาว่ากันอีกเรื่องนึง ซึ่งในเรื่องนี้ผมก็ได้เตรียมพร้อมไว้แล้วเหมือนกัน เพราะว่าการที่โต็ะจะลบทั้งอาทิตย์นั้น ก็มักจะเกิดขึ้นและมีมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน โดยเฉพาะบอลทีมชาติ ไม่ว่าจะเป็นคัดยูโร คัดบอลโลก หรือนัดกระชับมิตร ก็แล้วแต่จะมีจัดขึ้น ทีมประเทศใหญ่ ๆ มักจะยิงประตูทะลุเรตอยู่เป็นประจำ และถ้าอาทิตย์ไหนที่โต๊ะบอลพร้อมใจกันลบทั้งอาทิตย์ คนในคุกจะเรียกกันว่ามหกรรมเกมล้มโต๊ะ ซึ่งมันจะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง
หลังจากที่ผมได้บุหรี่ 1 แถว มาจากไอ้คมแล้วผมก็รีบเดินไปหาไอ้เบนซ์ทันที ขาผมยังไม่ทันก้าวขึ้นเรือนนอน ก็มีเสียงที่คุ้นหูนำมาก่อนเลย
“ไอ้ชิบหาย!!นึกว่าจะมาพรุ่งนี้ซะแล้วกูก็นั่งรอไปเถอะไหนล่ะบุหรี่ เร็วๆดิพี่เขารออยู่ กูยังไม่ได้เรทบอลมาเลย ” ไอ้เบนซ์พูดเร่งผมเป็นการใหญ่
“เออกูรู้แล้ว กูก็รีบอยู่แล้วเนี่ย บุหรี่กูเตรียมไว้แล้วฝากไว้ที่ไอ้บอยดำมัน แต่มันเสือกเอาของกูไปใช้แถวนึง กูก็เลยต้องไปดึงจากที่อื่นมา ไอ้เหี้ย! นิสัยมันเม่งเป็นงี้ทุกที จะเอาก็ไม่ยอมบอกกูก่อน ” ผมบ่นเรื่องไอ้บอยดำให้ไอ้เบนซ์ฟัง
“มึงก็รู้นิสัยมันเป็นยังไงมึงยังจะฝากบุหรี่ไว้ที่มันอีกเนาะ” ใช่มันก็เป็นจริงอย่างที่ไอ้เบนซ์บอก ผมก็รู้ทั้งรู้ว่านิสัยไอ้บอยดำมันเป็นยังไง มันเป็นคนประเภทที่เห็นบุหรี่เป็นไม่ได้ เห็นปุ๊บมีเรื่องใช้ทันที ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ของมันเองหรือของใคร มันเอาไปหมุนใช้ก่อนตลอด เอาไปแล้วเอามาใช้คืนจะไม่ว่าเลย แต่นี่แม่งเอาไปที่ไร แม่งมักจะลืมเอามาใช้ทุกที
“ก็ตอนนั้นกูรีบมันจะขึ้นห้องแล้วพึ่งได้ค่าบอลมาด้วย ก็เลยฝากมันไว้ขี้เกียจถือลงจากโรงงาน ” ผมบอกให้ไอ้เบนซ์ฟัง พร้อมกับยื่นบุหรี่ให้มันสองแถว ไอ้เบนซ์รับไปแล้วก็รีบลุกเดินไปหาพี่ที่หน้าประตูแดนทันที “ไอ้ใหญ่มึงอย่าเพิ่งไปไหนนะรอกูก่อนมาดูเรตบอลกับกูก่อน ” ไอ้เบนซ์หันมาบอกกับผม ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่มันจะหันหลังและเดินไปหน้าประตู
เวลาผ่านไปได้ไม่นาน ไอ้เบนซ์ก็เดินกลับมาจากหน้าประตูแดน พร้อมกับพูดขึันว่า “ไอ้ใหญ่..ตาลุงคนเมื่อเช้าตายว่ะ เป็นไข้ตายว่ะแกไปตายที่ พ.บ ไอ้เหี้ยอีกแค่ 2 เดือนแกก็จะออกแล้ว ” ในตอนแรกผมก็งงที่จู่ ๆ มันก็พูดขึ้นมาแบบนี้กับผม และผมจะรู้จักไหม แต่พอฟังมันพูดต่อผมก็ถึงบางอ้อว่าลุงคนที่ตาย ก็คือลุงคนเมื่อตอนเช้าวันนี้ ที่นอนอยู่ในรถเข็นไป พ.บ ในที่สุดศพแรกก็ได้สังเวยขึ้นแล้ว
“อะไรนะอีกแค่ 2 เดือน แกก็ปล่อยแล้วหรอโคตรน่าสงสารแกเลยว่ะ” ผมได้บอกกับไอ้เบนซ์ มันก็น่าสงสารแกจริง ๆ นั่นแหละครับ ทนอยู่ในคุกมาได้ตั้งนาน อีกเพียงแค่ 2 เดือน แกก็จะได้มีอิสรภาพกลับบ้านแล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้แกก็ได้กลับบ้านก่อนกำหนด แต่กลับไปแบบไม่มีลมหายใจ สำหรับคนที่ตายในคุกนั้นสำหรับผม ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่อาภัพนะครับ เพราะผมมีความเชื่ออยู่ว่า ทุกคนที่อยู่ในคุกนั้น ล้วนมีความฝันในวันที่ได้ออกไปแล้วว่า เราจะทำอะไร จะไปที่ไหน อยากจะเจอกับใคร ซึ่งทุกคนในคุกจะคิดกันแบบนี้เสมอ และผมเชื่อว่าลุงแกเองก็ต้องคิดเอาไว้อยู่แล้ว
อีกเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น แกก็จะได้ออกไปเจอไปอยู่กับคนที่รัก คนที่รอแกอยู่ข้างนอก เพราะว่าต่างคนก็ต่างเฝ้ารอกันและกัน รอวันที่จะได้มาเจอกัน มาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่สุดท้ายสิ่งที่ฝันกันเอาไว้ มันก็ไม่ได้เป็นจริง คิดดูแล้วมันอาภัพจริงๆ คุณผู้อ่านละครับ คิดต่างกับผมไหม หรือ คุณผู้อ่านจะคิดเหมือนกันกับผมกันแน่ นี่เป็นเพียงแค่ศพแรกแต่ยังไม่ใช่ศพสุดท้าย สำหรับโรคระบาดในครั้งนี้ เพราะว่าครั้งนี้มันโหดร้ายจริงๆ…พบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ.( โปรดติดตามตอนต่อไป ) ” หมีขาว ขั้วโลกเหนือ ” # คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่54
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun