คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่57
บทที่57 ความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่
“ถ้าตัดต้องตัดให้ขาด ถ้าให้โอกาส ต้องลืมเรื่องที่ผ่านมา”
**ก่อนอื่นเลยผมต้องขอโทษเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ที่ติดตามอ่านกันอยู่ด้วย..เนื่องจากที่บ้านของผู้เขียนประสบปัญหาน้ำท่วม ซึ่งตอนนี้ก็ยังท่วมอยู่ แต่ก็ได้จัดการปัญหาต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เลยมีเวลามาทำงานต่อได้สักที(เพราะตอนนี้น้ำได้ท่วมชั้นล่างเรียบร้อยแล้วนั่นเอง)และที่บ้านของคุณผู้อ่านล่ะครับ มีใครโดนน้ำท่วมบ้างรึเปล่า? ระวังจะโดนหาว่าเชยกันนะครับ(ฮา)…**
รุ่งอรุณของวันใหม่ได้มาถึง บรรยากาศในห้อง 2/5 มันช่างดูเงียบกริบ ไม่ค่อยมีใครพูดคุยกันเหมือนอย่างเช่นทุกวัน.. ก็จะให้คุยกันได้อย่างไร ในเมื่อมีศพคนตายนอนอยู่ในห้องเช่นนี้
ไอ้ต้นหัวหน้าห้อง 2/5 ได้หันมาพูดกับผมว่า “ไอ้ใหญ่..เดี๋ยวพอตำรวจมามึงอย่าลืมลงมาให้ปากคำกับตำรวจด้วยล่ะ เพราะว่ามึงเป็นคนสุดท้ายที่คุยกับแก ” ผมพยักหน้าแล้วบอกกับมันว่า “กูรู้แล้วละไอ้ต้น แล้วกูจะพูดความจริงทุกอย่างที่แกบอกให้กูฟัง ” ไอ้ต้นได้ฟังที่ผมพูดมันก็นิ่งไปพักนึง เหมือนมันใช้ความคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดกับผมว่า
“มึงจะพูดอะไรก็คิดให้มันดี ถ้าสิ่งที่มึงพูดมันทำให้เรื่องเข้ามาหาตัวมึง มึงก็อย่าพูดมันเลยดีที่สุด ไหนๆ แกก็ตายไปแล้ว พูดไปแกก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก มึงก็รู้ไม่ใช่หรอว่าคุกมันเป็นอย่างไร” สิ่งที่ไอ้ต้นบอกกับผมมันก็จริง ถึงผมอยากจะบอกความจริงว่าใครเป็นคนผิดที่ทำให้ลุงต้องตาย และอยากให้มีคนมารับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับผม แถมตัวผมจะต้องมีศัตรูเพิ่มอีกและคนที่ผมจะต้องมีเรื่องด้วยก็คือเจ้าหน้าที่ ซึ่งมันก็คงไม่เป็นเรื่องดีกับผมเป็นแน่ เพราะผมก็ต้องอยู่ในคุกนี้ไปอีกนาน “เออขอบใจที่บอก กูรู้แล้วไอ้ต้นว่ากูจะต้องทำอย่างไร” ผมตอบกับไอ้ต้นไปแบบนั้น
หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้เวลาลงจากขัง เจ้าหน้าที่เวรกลางคืนได้ขึ้นมาไขห้องผมเป็นห้องแรก “ค่อย ๆ ลงกันมา อย่าขยับเขยื้อนศพนะ ปล่อยไว้อย่างนั้น รอตำรวจเขาเข้ามาชันสูตรก่อน ” เจ้าหน้าที่ได้เตือนพวกผมก่อนจะลงจากห้องขัง ผมได้ยกมือขึ้นไหว้ศพลุงแก ก่อนจะพูดว่า “หมดเวรหมดกรรมแล้วนะลุง ไปดีนะครับผมขอขมา” จากนั้นผมกับไอ้แว่น ก็ลงจากขังเพื่อไปทำธุระส่วนตัว ล้างหน้า ล้างตา กินกาแฟ กินข้าวเช้าต่อไป ในตอนที่เรา 2 คน นั่งกินกาแฟกันอยู่ ไอ้แว่นจึงถามผมด้วยความเป็นห่วงมาว่า
“พี่ใหญ่..เวลาที่ตำรวจมาสอบปากคำ พี่จะบอกยังไงหรอครับ” ผมจึงหันมาตอบมันว่า “กูก็บอกตามความจริงไปไงวะไอ้แว่น” ไอ้แว่นทำหน้าตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินในสิ่งที่ผมพูด ” พี่อย่าบอกผมนะ ว่าพี่จะพูดเรื่องที่เขาขาดยาฉีดเบาหวานด้วย ” ผมบอกตามตรงเลยว่า ตอนนั้นผมก็ชั่งใจอยู่ว่าจะพูดดีหรือไม่ ใจจริงผมอยากจะพูดมากเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะผมรู้ดีว่าถ้าผมพูดไปถึงสาเหตุที่แกตายจริงๆนั้น คือ การที่แกขาดยาฉีดเบาหวานเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งยาฉีดเบาหวานญาติก็ได้เอามาฝากไว้ให้แล้ว
แต่ติดอยู่ที่เจ้าหน้าที่พ.บไม่ยอมไปเอามาให้ ซึ่งถ้าเรื่องนี้ได้ยินเข้าไปถึงหูผู้บัญชาการเรือนจำเข้าแล้วมันจะต้องมีการสอบสวนเจ้าหน้าที่เป็นแน่ และความซวยจะตกไปอยู่ที่เจ้าหน้าที่พ.บเต็ม ๆ ที่ปล่อยปละละเลยในหน้าที่ จึงทำให้นักโทษถึงแก่ความตายแบบนี้ และถ้าหากเจ้าหน้าที่พ.บรู้ว่าผมเป็นคนได้พูดไป ซึ่งก็คงจะรู้ได้ไม่ยาก ทางเจ้าหน้าที่พ.บก็คงจะไม่เอาผมไว้เป็นแน่ คงจะหาทางแก้แค้นผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน
“มึงอย่ากังวลเป็นห่วงพี่เลยไอ้แว่น พี่คงไม่พูดเรื่องนั้นหรอก” ผมได้หันมาพูดกับน้องชายเพื่อให้มันสบายใจ ไอ้แว่นมีสีหน้าที่ดีขึ้นแล้ว มันก็ยิ้มออกมาให้ผมได้เห็นต่างจากเมื่อสักครู่ลิบลับ “จริงๆนะพี่ พี่จะไม่พูดจริงๆนะครับ ” มันถามย้ำกับผม “ก็เออ! สิวะ…ไม่พูด ก็ไม่พูด” ผมบอกย้ำกับมันให้มันมั่นใจ
เวลาประมาณ 10 โมงกว่าๆ ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หมอที่มาชันสูตรศพ หน่วยกู้ภัยและญาติของผู้เสียชีวิต ได้เข้ามาดูศพลุงในห้อง 2/5 แล้วในเวลาไม่นานก็มีเสียงประกาศเรียกชื่อของผมให้ไปพบที่หน้าประตูแดน ผมก็รู้ทันทีเลยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะมาสอบปากคำของผมเป็นแน่ ผมจึงรีบเดินลงไปยังหน้าประตูแดนทันที แต่แล้วมันก็ไม่ใช่ตำรวจที่จะมาสอบปากคำผม เพราะตำรวจยังอยู่บนห้อง 2/5 กันอยู่เลย แต่คนที่เรียกผมนั้นก็คือป๋าเวียง ลูกพี่ของผมนั่นเอง
“สวัสดีครับป๋า” ผมยกมือไหว้และกล่าวทักทายกับแก ป๋าเวียงแกจึงพยักหน้ารับ ก่อนจะพูดกับผมว่า “ไอ้ใหญ่..มึงเป็นคนสุดท้ายที่คุยกับแกใช่ไหม” แกถามกับผม มันจึงทำให้ผมเดาได้ว่าแกรู้เรื่องนี้มาจากไอ้ต้นแน่นอน
“ครับป๋าผมเป็นคนคุยกับแกเป็นคนสุดท้าย… แล้วป๊ามีอะไรจะบอกผมหรือเปล่าครับ” ผมเลยถามป๋าเวียงไปในเรื่องที่อยากจะคุยกับผม “กูรู้นะใหญ่ว่ามึงรู้สึกยังไง แต่อะไรที่มึงพูดแล้วทำให้ตัวมึงเดือดร้อนในภายหลัง ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นผลดีกับมึง มึงก็เงียบหรืออย่าเอ่ยเป็นดีที่สุด เชื่อป๋านะ ป๋าเป็นห่วง แล้วมึงก็รออยู่นี่แหละเดี๋ยวสักพักตำรวจก็ลงมาแล้ว ” ป๋าเวียงบอกกับผม
“ผมรู้ครับป๋า..ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูดป๋าสบายใจได้ครับ ไม่ต้องคิดมาก ” ผมบอกกับป๋าไม่ให้แกเป็นกังวล ถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ และไม่ทันที่ป๋าเวียงจะได้ตอบอะไรกลับมา ผบ.แดนและเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงญาติผู้เสียชีวิตและหมอที่มาชันสูตรศพ พร้อมกับหน่วยกู้ภัยที่ได้หามผู้เสียชีวิตเดินออกมาด้วย ก็ได้เดินมาถึงหน้าประตูแดน
ในตอนนี้ก็เหลือเพียงแต่ ผบ.แดน ป๋าเวียงและเจ้าหน้าที่ตำรวจกับตัวผมเพียงแค่นั้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง..ผมก็ได้เล่าไปตามความจริงทุกอย่างระหว่างที่ผมกับผู้เสียชีวิตได้คุยกัน แต่ผมก็เว้นไว้อยู่แค่เพียงเรื่องเดียว ที่ไม่ได้เล่าให้ตำรวจฟัง ตำรวจใช้เวลาสอบปากคำผมแค่เพียงไม่นาน ก็ได้ขอตัวกลับเป็นอันว่าเรื่องนี้ก็ได้จบลง ผมลุกขึ้นยืนทำความเคารพ ผ.บแดนกับป๋าเวียงและกำลังจะหันหลังกลับออกไปจากหน้าประตูแดน แต่แล้วจู่ๆ ผบ.แดนก็เรียกผมเข้ามาคุย “เดี๋ยวก่อน!อย่าพึ่งไปมาคุยกันก่อน!” ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ถูกเรียกเช่นนี้
“ใหญ่..มาคุยกับผ.บแดนก่อน มานี่มา” ป๋าเวียงแกพูดเสริมขึ้นมาอีกคน ผมผยักหน้า พร้อมกับพูดขึ้น “ครับป๋า” ผมได้เดินไปนั่งลงตรงหน้าผ.บแดน “แล้วเอ็งไปเอายาพารามาจากไหนให้แกกินว่ะ เพราะพี่ได้ข่าวว่า ที่พ.บยามันไม่มีแล้ว ไม่ใช่ไง” ผบ.แดนถามผมขึ้นมาเรื่องยาพารา ซึ่งในตอนที่ผมได้ยินนั้นในหัวของผมก็คิดอะไรขึ้นมาได้ และผมควรจะพูดตอบไปว่าอย่างไร
“ผมได้หาซื้อมาเก็บไว้ตอนที่รู้ข่าวว่ายาพ.บมันจะหมด และมันก็เริ่มจะมีไข้หวัดใหญ่ระบาดขึ้นมาอีกครับ ผมเอามาไว้กิน และก็เอาไว้ให้กับคนในห้อง2/5 ที่ป่วยหนักและไม่มียากินด้วยครับ” ผมได้ชี้แจงในความเป็นจริงให้ผบ.แดนแก่ได้ฟัง เพื่อสิ่งที่ผมพูดไป มันจะเป็นอย่างที่ผมคิด “แล้วยาที่เอ็งซื้อมา เอ็งเอามาจากเด็กพ.บรึเปล่าละ ” ผบ.แดนถามผมมา ซึ่งมันก็เป็นไปอย่างที่ผมต้องการ
ผมได้หันหน้าไปหาป๋าเวียง ทำทีเป็นเหมือนจะขอความคิดเห็นจากแก ส่วนป๋าแกก็ผยักหน้าให้ผมเข้าใจในทำนองที่ว่า บอกไปเถอะ มึงไม่มีความผิดหรอก “ครับพี่ แต่ผมไม่ได้ต่อตรงหรอกครับ ผมถามจากคนที่ผมซื้ออีกที และมันก็บอกผมว่าพวกเด็กที่ พ.บ มันฝากมาให้ขาย” แค่นี้ผมก็ได้แก้แค้นให้กับลุงทางอ้อมแล้วนะครับ เพราะว่าเดี๋ยวเรื่องราวต่างๆ มันจะดำเนินไปเป็นขั้นตอนของมันเอง เจ้าหน้าที่ งัด กับเจ้าหน้าที่ รับรองสนุกแน่นอน
ดูเหมือนผบ.แดนจะถามผมต่ออีกเป็นแน่ ว่าผมได้ไปซื้อยามาจากใคร แต่แกก็ไม่ทันป๋าเวียงลูกพี่ผมหรอกครับ แกเดาเกมของผบ.ออก จึงชิงไล่ให้ผมออกไปก่อน ด้วยท่าทีที่เสียงดัง “ไป!!ได้แล้วไอ้ใหญ่ กลับไปทำงาน..เฮ้ย!เด็กหน้าประตูไปไหนหมดว่ะ ไอ้นุ..ไอ้นุ มาชงกาแฟให้ ผบ.กับกูกินหน่อยสิ” เป็นไงครับเหลี่ยมของลูกพี่ผม รู้ว่าผมกำลังจะโดนบีบ แกก็เลยออกตัวบังให้ผมแบบเนียนๆ
ผมเองก็ต้องเป็นงานสิครับ อาศัยจังหว่ะช่วงชุลมุนลุกออกไปแบบเนียนๆ แต่ผมก็ไม่วายทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ให้ผบ.แดนได้คิด “พี่ครับ พี่หายาพารามาให้กินสิครับ แค่ยาพารา2-3กระปุกในแดนนี้ก็หายกันหมดแล้วครับพี่ ” และผมคิดว่าสิ่งที่ผมพูดนั้น ผบ.แดนเองแกคงจะได้ยิน เพราะแกหันหน้ามาทางผม ตอนที่ผมเดินหันหลังออกจากประตูแดนไป
ไอ้แว่นมันยืนดักรอผมที่มุมทางขึ้นโรงงาน ด้วยความที่มันกลัวผมจะเดือดร้อน หรืออะไรผมก็ไม่ได้ทันคิด “ยืนทำเหี้ย!! อะไรของมึงเนี้ยไอ้แว่น ” ผมถามกับมัน “ผมไม่ได้ทำเหี้ยอะไรหรอกพี่ แค่เห็นพี่ลงมานานเกิน..ก็เลยลงมาดู แล้วตกลงว่าไงมั่งพี่ ” มันถาม
“ว่าไงเรื่องอะไรละ” ผมก็เลยถามมันกลับไปอีกที “โธ่พี่..ก็เรื่องตำรวจไงพี่บอกเขาว่าไงมั่ง ” ไอ้แว่นมันนึกว่าผมแกล้งมัน เลยย้อนถามมันกลับมาแบบนั้น เพราะสีหน้าของมันบ่งบอก “สรุปตรงๆที่มึงถามกูเนี้ย ด้วยความเป็นห่วงหรือความอยากรู้กันแน่ ” ผมถามมันด้วยใบหน้ายิ้มๆ “ก็ทั้งสองอย่างแหละพี่ แต่เป็นห่วงมันต้องมากกว่าอยู่แล้ว ” มันบอกให้ผมฟัง ผมยิ้มและเดินกอดคอมันขึ้นโรงงาน
โดยที่เล่าเหตุกราณ์ที่เกิดขึ้นให้มันฟังไปด้วย และผมก็ไปเย็บแหเพื่อเตรียมให้กบพวกเด็กใหม่ในกองงานของผมต่อ ผมรู้สึกดีใจอยู่ในใจของผมที่ผมได้ทำเรื่องดีๆกับเขาได้บ้าง ถึงมันจะต้องมีเล่ห์กลกันบ้าง เดินหัวอีกนิดหน่อย แต่ผมก็คิดว่าสิ่งที่ผมทำ มันเป็นประโยชน์ให้กลับส่วนรวมมากกว่าส่วนตัวแน่นอน
ไอ้แว่นมันคงเห็นผมทำงานไปด้วยอมยิ้มไปด้วยจึงถามผมว่า “พี่เป็นไรของพี่ ผมเห็นพี่เป็นแบบนี้นานแหละ” มันถาม “เปล่า(เสียงสูง) เรื่องของกูมึงสนใจทำไมเนี้ย..ทำงานของมึงต่อเถอะ.. ” ผมบอกกับมัน…แล้ววันนี้ก็ผ่านไปกับบรรยากาศที่หนาวเหมือนเดิม….(โปรดติดตามตอนต่อไป) ” หมีขาว ขั้วโลกเหนือ ” # คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่57
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun