คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 70
บทที่ 70 บทลงโทษ ep.2
” เพื่อนไม่ใช่ศัตรู ถ้าหากยังคบกันอยู่ อย่าเอาชนะกัน “
** วันเพ็ญ”เดือนสิบสองน้ำคนองเต็มตลิ่ง” เราทั้งหลายชาย หญิง สนุกกันจริงวันลอยกระทง…เป็นประเพณีที่มีมาแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน และผมเชื่อว่ามีชาติเราชาติเดียวในโลก ที่มีการลอยกระทงกัน มันก็เหมือนกับสงกรานต์ที่มีชาติเราชาติเดียวที่จัดงานใหญ่ และเฉลิมฉลองจนคนต่างชาติเห็นต้องบอกว่า amazing แต่สำหรับพวกเราแล้วบางคนอาจจะรู้สึกเฉย ๆ ส่วนตัวผมนั้นก็รู้สึกเฉย ๆ เหมือนกัน
อาจจะเป็นเพราะว่าเราโตแล้ว อายุก็มากขึ้นความสนุกมันเลยเริ่มลดลง ซึ่งแต่ก่อนถ้าลอยกระทงมาถึงเด็ก ๆ อย่างเราจะนึกถึงความสนุกต่าง ๆ มันมีให้เราได้สัมผัสมากมาย ทั้งการละเล่นประทัดดอกไม้ไฟ ผู้เขียนจำได้ว่าตอนเป็นเด็กบ้านเก่าของผู้เขียนข้างบ้านจะเป็นสวนกล้วย ก็ไม่ได้ใหญ่มากมายอะไรมีต้นกล้วยประมาณ 50 ต้น พอถึงเทศกาลลอยกระทงทีนึง ย่าและป้าของผม เขาก็จะมาตัดต้นกล้วยเพื่อมาทํากระทงขาย ซึ่งมันก็ขายดีด้วยครับ พวกเราจะอยู่ขายกระทงกันประมาณสามทุ่มจนถึงสี่ทุ่ม แล้วเราจะมาลอยกระทงกันตอนเวลาเที่ยงคืน เพื่อจะขอขมาพระแม่คงคา ถ้าหากว่าเราได้ล่วงเกินหรือทำอะไรไม่ดีไว้
สิ่งเหล่านี้มันคือภาพจำของผู้เขียนในสมัยตอนเป็นเด็กที่จำได้ และผู้เขียนก็ได้สัญญากับคุณผู้อ่าน ไว้ว่าจะมาเล่าการที่ได้ไปเที่ยวเทศกาลลอยกระทงที่จังหวัดของผู้เขียนได้จัดขึ้น อยู่ว่าในปีนี้ได้มีกิจกรรมและที่เที่ยวอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ภายหลังจากที่เราต้องถอยให้กับเจ้าโรคโควิดไป 2 ปี แต่เท่าที่ผมดูแล้วในปีนี้ มันก็ดูไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ไม่เหมือนอย่างที่ตอนแรกผู้เขียนอยากให้เป็น แต่มันก็ยังดีที่ทำให้คืนนี้ไม่เงียบเหงาเหมือนทุกคืน ได้เห็นรถราวิ่งกันเยอะแยะไปหมด มีเสียงประทัดมีแสงสีเสียงดังออกมาเป็นระยะระยะ มันก็เลยทำให้ผม รู้สึกจิตใจมันดูกระชุ่มกระชวยขึ้น
ในคืนนี้ผู้เขียน ได้ออกไปเที่ยวตอนประมาณ 20:00 น แต่ก็ไปได้ไม่ถึงชั่วโมงดีหรอกครับ ผมก็รู้สึกอยากกลับแล้ว กลับมาเขียนหนังสือดีกว่า และในปีนี้ก็ยังไม่มีการประกวดนางนพมาศ ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของทุกปี มันก็เลยดูดรอปลงไปเยอะ จะมีก็แต่การตั้งบูธจุดลอยกระทง ไว้ตามจุดแม่น้ำสำคัญ สำคัญ ในจังหวัดก็แค่นั้น ถ้าถามผมว่าประทับใจไหม ผมให้แค่นิดนึงพอ ผมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยมากกว่า ใจจริงผมคิดว่างานมันต้องใหญ่กว่านี้ แต่ก็อย่างว่าเราไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ เมืองหลวงนี่นา เพราะผมเห็นข่าวในกรุงเทพฯที่เที่ยวเยอะน่าดู งั้นเอาเป็นว่าผมขอจบบทสนทนาเอาไว้ตรงนี้ดีกว่า เจอกันใหม่นะครับบ๊ายบาย **
ผมนั่งปล่อยใจเหม่อลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จิบกาแฟยามเช้านั้งซึมซับบรรยากาศเหมือนอย่างเคยทุกวัน อากาศเย็นสบายและในช่วงเวลานี้ของทุกวันมันคือความสุขของผมจริงๆ ที่อยู่ในคุกนี้ และวันนี้ผมคิดว่าไอ้แว่นมันน่าจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพราะทางเรือนจำเขาจะไม่ให้นักโทษอยู่ข้างนอกนานหรอกครับมันมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง ประเด็นหลัก ๆ เลยนั้นก็คือ การหลบหนี อย่างไอ้แว่นได้ใส่เฝือกเมื่อไหรก็คงกลับทันที ส่วนของไอ้บีผมไม่รู้ว่าแผลมันสาหัสขนาดไหน อาจจะอยู่อีกก็ได้ หรือ ไม่ก็กลับมาพร้อมกัน
ในตอนนี้มีหลายเรื่องที่ผมคิดอยู่ในหัวก็มีเรื่องของไอ้แว่นว่าจะทำยังไงให้มันไม่โดนย้าย แล้วผมก็ยังคิดอีกว่าถ้าสมมุติเขาไม่ย้ายใครเลยแล้วจะทำกันยังไง เพราะผมรู้นิสัยของไอ้บีมันไม่จบแน่นอน ระดับพ่อบ้านมันโดนเด็กอย่างไอ้แว่นลูบคมเข้าขนาดนี้ รู้ถึงไหนอายเขาไปถึงนั่น เสียทรงในคุกมันแก้ยากนะครับ และเรื่องหัวจิตหัวใจของมัน ผมยอมรับเลยว่ามันอ่ะของจริง มันไม่มีทางจบง่าย ๆ แน่นอน มันต้องหาทางเก็บไอ้แว่นเข้าสักวัน และถ้ามันเป็นเช่นนั้นมีหรือที่ผมจะยอม หัวเด็ดตีนขาดผมไม่มีทางปล่อยให้ไอ้แว่นมันต้องโดนอะไรอีกแน่!!
อีแบบนี้เรื่องมันก็จะไม่จบไม่สิ้น ถ้าหากว่าเขาไม่จัดการย้ายพวกมันไปหรือไม่ย้ายพวกผมไปไม่ทางใดก็ทางนึง ถ้าขืนยังอยู่กันแบบนี้ และคนของผมเป็นอะไรไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง คราวนี้พวกมันก็จะได้รู้นิสัยของผมจริง ๆ ว่าผมเป็นคนประเภทไหน ผมกัดไม่ปล่อยอยู่แล้วและเล่นไม่เลิกด้วย
และก่อนที่มันต้องเป็นแบบนั้น ผมก็ควรที่จะหาทางป้องกันก่อนที่เรื่องมันจะเกิดไม่ดีกว่าหรือครับ ผมก็เลยต้องคิด คิดเอาไว้หลายทางมันดีกว่า เพราะเมื่อถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา และเราคิดทางแก้แค่ทางเดียว แต่ปัญหาที่เกิดมันดันไม่ตรงกับทางแก้ของเรา อีกเดี๋ยวเราจะยุ่งจนแก้อะไรไม่ได้อีกเลย คิดไปคิดมาพอดีหันมาเห็นไอ้เบนซ์ผมก็เลยถามมันไปว่า
” แผลเป็นไงบ้างว่ะไอ้เกลอยังปวดอยู่ป่าว “ มันยิ้ม และส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า ” เล็กน้อยว่ะแผลแค่นี้ไกลหัวใจเยอะ ” ก็คงใช่ไขมันทั้งนั้นที่พุงของมัน อันนี้ผมแค่คิดนะครับ แต่ไม่ได้พูดกับมันไปหรอก
” ไอ้ใหญ่ รอกับข้าวเบิกมาก่อนแล้วมากินข้าวกับกูนะกูซื้อมาเพื่อ ” อยู่ ๆ มันก็ชวนผมกินข้าวซะงั้นคงจะต้องมีเรื่องอะไรอีกเป็นแน่ ‘ผมคิดในใจ’ “เออ กูรู้เรื่องแล้ว แต่ตอนนี้กําลังหาอะไรกินลองท้องก่อนแล้วกัน ” ผมบอกกับมันและจึงเดินไปกินข้าวที่โรงเลี้ยง ที่โรงเลี้ยงมีคนเดินมาถามผมมากมายที่เกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน อย่างว่าและครับในคุกมันมีคนอยากรู้อยากเห็นเยอะ พูดกันตรง ๆ เลยก็คือเสือก
แต่มันจะเข้ามาถามคุณในรูปแบบที่เป็นห่วงเป็นใย อันที่จริงผมดูออกหมดนะครับว่าใครมายังไงกันแน่ และแต่ละคนเป็นยังไง ห่วงจริงหรือเสือกจริงกันแน่ แต่ก็เอาเถอะในเมื่อพวกเขามาถามมาคุยดี ๆ ด้วย ผมก็คุยดีเช่นกัน (ใครใส่หน้ากากมาผมก็ใส่กลับไปก็แค่นั้น)
หลังจากเช็คยอดเคารพธงชาติเสร็จ ผมกำลังจะเดินไปอาบน้ำ เพื่อที่จะได้เตรียมตัวเข้าไปหาป๋าเวียงในเช้านี้ แต่แล้วผมกลับต้องมาเจอกับพวกเด็กบ้านไอ้อารต์คู่กรณี กำลังเดินมาอาบน้ำด้วยอีก มิหนำซ้ำ ผมก็ได้เจอกับไอ้เด็กคนที่โดนผมแทงไปคนแรก ไอ้คนที่มันเอาก้อนหินเขวี้ยงใส่ผมในตอนนั้น ในตอนที่ผมเจอพวกมันตอนแรก ผมก็รู้สึกใจหายเสียวอยู่เหมือนกัน เพราะว่าผมดันมาอาบน้ำคนเดียว แต่พวกมันมากันตั้ง 6-7 คน จะให้ผมเดินกลับก็ไม่ได้ไม่ทันแล้ว เพราะพวกมันเห็นผมเข้าแล้ว
ถ้าขืนเดินกลับตอนนี้เดี๋ยวเสียฟอร์มแย่ ผมก็เลยทำเป็นใจดีสู้เสือเดินดึงหน้าตึง ๆเข้าไปอาบน้ำที่อ่างอาบน้ำ ผมทำกับราวเหมือนว่าเราไม่เคยมีเรื่องอะไรต่อกัน ทำหน้าเฉย ๆ แต่ผมก็ต้องอาบน้ำไปด้วย ตาก็ชำเลืองมองพวกมันไปด้วย จะเอาสบู่ฟอกหน้าตอนนี้ยังไม่กล้าฟอกเลยครับ กลัวว่ากำลังฟอกหน้าอยู่พวกลักต่อยเอาขึ้นมายุ่งอีก แต่ผมสังเกตเห็นว่ามีอยู่คนหนึ่งมันมองมาหลายครั้ง ทุกครั้งที่ผมมองไป มันก็เลยทำให้ผมเกิดมีอารมณ์ขึ้นมานิดนึง
“เฮ้ย!!มึงอ่ะ…กูเห็นว่ามึงมองกูนานแล้ว มีอะไรกับกูหรือเปล่า จะมาคุยกับกูก็ได้นะ แต่อย่ามองหน้ากูอย่างนี้กูไม่ชอบ มึงเข้าใจที่กูพูดไหมหรือจะให้กูย้ำ อีกทีเอายังไงก็ได้ ” ด้วยความที่มีอารมณ์ขึ้นมาเพราะผมไม่ชอบให้ใครมามองหน้า ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน ผมก็จะไม่ค่อยอะไรหรอกครับ
แต่นี่มึงกับกูมีเรื่องกันมาเมื่อวาน แล้ววันนี้มึงยังมามองหน้ากูอีก จะให้ผมคิดในแง่ดีกว่านี้ผมคิดไม่ได้หรอกครับ ตัวผมเองไม่พูดเปล่าด้วย ตั้งท่าจะเดินไปหาพวกมัน พวกมัน 6- 7 คนเห็นดังนั้นก็ต่างค่อย ๆ ถอย และไอ้คนที่มองหน้าผมมันก็พูดขึ้นมาว่า
“เปล่าครับพี่ใหญ่ ผมไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับพี่ คือ ที่ผมมองหน้าพี่ ผมอยากจะขอโทษพี่เรื่องเมื่อวานครับ ผมอยากจะจบครับไม่อยากจะมีเรื่องกับพี่แล้ว พวกผมขอโทษนะพี่ ต่อไปผมจะไม่ไปมีเรื่องกับพี่อีกแล้ว ” มันรีบออกตัวขอโทษผมทันที จึงทำให้ผมหยุดแล้วเดินกลับไปที่เดิม ก่อนที่ผมจะพูดว่า
” ก็ใครจะไปรู้ กูก็เห็นมึงมัวแต่อ้ำๆอึ้งๆมองหน้ากูอยู่ได้ จะพูดอะไรก็ไม่พูดสักที กูก็นึกว่ามึงไม่จบ เอานะในเมื่อมึงกล้าพูดมาแบบนี้ กูก็ไม่มีปัญหาอะไรกับพวกมึงแล้ว ต่างคนต่างอยู่ไปและที่สำคัญคนของกูมึงก็คงรู้นะว่าใคร อย่า!ไปทำอะไรมันจบคือจบ อย่างที่มึงพูดแล้วกันนะ และกูอยากจะบอกมึงให้ไว้อย่างนึงนะ
พวกมึงทั้งหลายออกมาอยู่กันเองเถอะ ขืนมึงยังอยู่กับไอ้เหี้ยนั่น ชีวิตพวกมึงมีแต่เรื่องแต่ราวแน่นอน มันไม่นำพามึงไปสู่ความเจริญหรอก พวกมึงก็โต ๆ กันแล้ว อยู่กันเองก็น่าจะได้มั้งไม่ต้องไปอยากเป็นขาใหญ่ จิ๊กโก๋ ซามูไรอะไรแม่งหรอก เป็นตัวของมึงเองอยู่กันอย่างนิ่งๆ รอวันกลับบ้านดีกว่าเชื่อกู ” ผมร่ายยาวจนพวกมันก้มหัวพยักหน้า และได้รับปากกับผมเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าจะไม่ยุ่งกับไอ้แว่น และที่สำคัญจะไม่ทำตามพ่อบ้านมันอีกแล้ว
“ครับพี่ผมรับปากครับ” ได้ยินดังนั้นผมก็รู้สึกโล่งในใจ ก็เลยถามไอ้เด็กที่โดนผมแทงไปว่า ” แล้วมึงอ่ะแผลที่โดนแทงเป็นไงบ้าง หมอว่าไงมั่งเย็บกี่เข็มว่ะ” มันยิ้มเจือนๆออกมาก่อนพูดว่า
“4เข็มครับพี่ ” ผมตกใจที่มันบอกมาแบบนี้ ” เฮ้ย 4 เข็มเลยหรอวะ นี่ขนาดกูยั้งมือไว้เยอะแล้วนะ ” ผมบอกมันตามจริง
“ใช่ครับพี่หมอเขาก็บอกมาว่า ดูแล้วคนแทงน่าจะยั้งมือ แล้วผมก็คิดว่าพี่ยั้งมือจริงๆนั่นแหละ เพราะผมเห็นเหล็กของพี่คมขนาดนั้น ถ้าพี่กดไปเต็มแรงทะลุกระเพาะผมแน่” มันบอกให้ผมเข้าใจ ว่ามันก็รู้ว่าผมยั้งมือให้มัน
“เอองั้นกูก็โทษทีวะ ต่อไปนี้ถ้าพวกมึงทำได้อย่างที่พวกมึงพูดกับกู ต่อไปกูก็จะเห็นมึงเป็นพวกและถ้ามีเรื่องอะไรให้กูช่วยก็บอก กูช่วยได้ก็จะช่วย แต่ขออย่างเดียวอย่าไปหาเรื่องใครก่อน แล้วก็เชื่อกูเหอะอยู่ในคุกมีมิตรมาก ๆ ดีกว่ามีศัตรูเยอะ ” ผมก็ได้บอกให้พวกมัน ได้เข้าใจว่าผมคิดยังไงกับพวกมันจริงๆแค่นี้ผมก็ได้ใจพวกมันแล้ว
ในที่สุดก็แก้ปัญหาได้อีกหนึ่งเปาะ แถมกับได้ใจศัตรูมาเป็นมิตรอีกด้วย วันนี้มันคงจะราบรื่นนะเพราะมีเรื่องดีๆมาแต่เช้า ผมอาบน้ำไปด้วยอารมณ์ที่ดี และคิดในใจว่าเมื่อไหร่ไอ้แว่นจะกลับมาสักทีวะ… (โปรดติดตามตอนต่อไป) “หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ” # คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 70
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun