คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 82
บทที่ 82 รู้จักเอาตัวรอด เป็นยอดดี.
” จงอย่าทำเพื่อคนอื่น และ รักคนอื่นมากกว่าตัวเราเอง จงรักตัวเองให้ได้ก่อน ก่อนที่จะไปรักคนอื่น “
**เกือบ 2 เดือนที่เราไม่ได้ทักทายกัน คุณผู้อ่านหลายคนคงคิดว่าตัวผมคงเลิกเขียนไปแล้ว และตอนนี้ผู้เขียนคิดว่าคงไม่มีใครติดตามอ่านนิยายของผู้เขียนอีกแล้ว แต่ที่ผู้เขียนหายไปมันมีเรื่องมากมายที่ถาโถมเข้ามา จนผู้เขียนตั้งตัวไม่ทัน! คนเรายิ่งโตขึ้นอายุมากขึ้น ปัญหาก็มักจะเข้ามามากขึ้นตามไปด้วย ผู้เขียนคิดว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายคน คงจะเคยประสบปัญหาเหมือนผู้เขียนกันมาบ้างไม่มากก็น้อย
แต่มีคำพูดหนึ่ง ที่ผู้เขียนเชื่อว่ามันคือเรื่องจริงนั่นก็คือ ทุกปัญหามันจะมีทางออกให้เราเสมอเพียงแต่เราต้องมีสติและค่อย ๆ หามันแล้วเราก็จะเจอทางออกได้เอง เหมือนกับตัวผู้เขียนเองจนตอนนี้ปัญหาต่าง ๆ ได้คลี่คลายลงจนหมด ผู้เขียนถึงได้มีเวลามานั่งเขียนนิยายต่อได้ ซึ่งมันก็เป็นงานที่ผู้เขียนชอบและรัก ถึงแม้มันจะเกือบสองเดือนก็ตามที่ผู้เขียนไม่ได้ลงตอนใหม่เลย แต่ผู้เขียนยังคิดไว้ว่ามันจะต้องมีสักคนสองคนไม่ก็อีกหลายคน ที่ยังคอยอ่านนิยายของผู้เขียนกันอยู่ สัญญานะครับว่าจะเขียนจนจบ**
เมื่อการสอบสวนของนายอำพลนั้นไม่เป็นผลอย่างที่เขาคิดเอาไว้ เพราะว่าผมเองนั้นไม่ได้แสดงอาการสะทกสะท้านหรือหวาดกลัวอะไรเลยกับการข่มขู่และเสียงดังของเขา ที่มักจะได้ผลทุกครั้งไป และในความคิดของนายอำพลตอนนี้นั้น ถ้าให้ผมเดาว่าแกคิดอะไรอยู่มันก็คงจะไม่ผิดไปจากนี้เป็นแน่ แกคงคิดว่าถ้าถึงขนาดต้องเรียกนักโทษคนอื่น ใครก็ได้ที่ตัวผมนั้นไม่เคยรู้จักมักคุ้นมาถามว่าตัวผมนั้นได้อยู่ในแดนหรืออยู่ข้างนอกกันแน่ แกคงคิดได้ว่าคำตอบที่แกจะได้รับก็คงจะเป็นคำตอบที่ว่าตัวผมนั้นอยู่ในแดนไม่ได้ออกไปไหนหรือจะให้เป็นคำตอบที่คลาสสิคหน่อย ก็คือผมไม่รู้ไม่ได้สังเกตประมาณนี้เป็นแน่
จึงทำให้ในตอนนี้ แกเองก็ไม่สามารถจะทำโทษอะไรผมได้หรือจะเอาผิดผมในข้อหาใดๆได้เลย… ผมนึกขำอยู่ในใจ แกเองก็คงจะคันไม้คันมืออยากจะตีผมเป็นแน่ ไม่งั้นแกคงจะไม่ถือคมแฝกไม้ประจำตัวของแกมาหรอก ผมก็เลยต้องขอพูดยั่วแกอีกซักหน่อยดีกว่า
” ท่านผ.บครับ ท่านต้องหาหลักฐานมาให้ได้ก่อน ว่าผมออกไปข้างนอกได้แล้วจริงๆ ก่อนดีกว่านะครับ และถ้าท่านหาหลักฐานมายืนยันได้แล้ว ตัวผมนั้นจะนอนมอบให้ท่านตีโดยทันที และจะไม่มีการโต้แย้งใด ๆ หรือโอดครวญใดๆ ทั้งสิ้น ผมเองก็จิ๊กโก๋พอครับท่าน “
นายอำพลได้ยินในสิ่งที่ผมพูดไม่ทันไร แกจ้องมองหน้าผมตาขวางหน้าแดงก่ำเหมือนคนโมโหเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ข่มใจกัดฟันแน่น จนผมได้ยินเสียงดัง”กร็อด”
“ใหญ่ เอ็งก็เงียบ ๆ ไม่ต้องพูดอะไร คิดอะไรอยู่ ถึงได้พูดไปแบบนั้น มันเสียมารยาทรู้ไหม ” พี่เกียรติลูกพี่บนกองงานของผมได้พูดทักขึ้นมา ถึงการกระทำของผมเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
” ผมขอโทษครับพี่ “ ตัวผมเองนั้นได้พูดขอโทษพี่เกียรติ พร้อมกับยกมือไหว้ “เอ็งไม่ต้องมาไหว้พี่หรอก คนที่เองต้องไหว้ต้องขอโทษ นั่งอยู่นู้น” พี่เกียรติพูดบอกกับผมพร้อมกับชี้มือไปที่นายอำพลที่นั่งอยู่ ผมจึงหันไปยกมือไหว้ขอโทษกับแก
” ผมขอโทษครับท่าน ที่พูดจาไม่มีมารยาท.. “ ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ นายอำพลก็ลุกพรวดออกไปทันที ผมจึงหันหน้าไปพูดกับพี่เกรียรติว่า “ดูดิพี่ผมขอโทษ แกก็ไม่รับ” พี่เกียรติอมยิ้มในสิ่งที่ผมพูด ก่อนที่แกจะปล่อยให้ผมออกมาจากหน้าประตูแดน
“ใหญ่…พรุ่งนี้เปิดทำการ อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์กองงานแหให้เรียบร้อยนะ ไม่แน่พรุ่งนี้แดนนู้นจะระบายนักโทษมาเลยก็ได้ ” พี่เกรียรติแกพูดไล่หลังผมมาผมก็ผยักหน้ารับทราบให้แกเห็น
หลังจากนั้นผมจึงเดินกลับซุ้มทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้แว่นดูมีอาการลุกลี้ลุกลนเป็นอย่างมาก เมื่อมันเห็นผมเดินมามันจึงได้วิ่งมาหาผม “พี่ใหญ่ โดนอะไรหรือเปล่าครับเห็นเข้าไปนานเลย ” ไอ้แว่นถามผมด้วยความเป็นห่วง
“ตอนนี้ยังไม่โดนอะไร แต่ถ้ากล้องสนามกลางจับภาพพี่ได้ ปัญหาใหญ่แน่นอน พี่คิดว่าคงถ่ายจับพี่ไม่ได้หรอก” ผมบอกไอ้แว่นไปตามความรู้สึกของผม แต่ถ้าให้ผมเดา ผมก็เดาแบบไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะครับ ผมคงไม่โดนอะไรในเรื่องนี้แน่นอน เพราะว่าในตอนนั้นสถานการณ์มันชุลมุนวุ่นวายดูสับสนอลหม่านไปหมด ไม่รู้ว่าแดนใครเป็นแดนใคร แบบนี้ผมก็เลยมั่นใจว่ากล้องวงจรปิดคงจะจับภาพผมไม่ได้ แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากจะนึกสภาพของผมเลยว่าจะเป็นอย่างไร คงจะโดนตีอ่วมเป็นแน่ มันก็ต้องสุดแล้วแต่บุญวาสนาครับงานนี้
เพื่อน ๆ ต่างเดินมาถามผมมากมายถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ ว่าผมโดนอะไรบ้างไหม ผมก็ตอบไปอย่างที่ตอบไอ้แว่นไปนั้นแหละ เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ชื่อของผมดังไปทั้ง 3 แดน ทั้งแดนหญิง แดนแรกรับ และแดนที่ผมอยู่ หลังจากนั้นผมได้รับจดหมายจากขังหญิงจำนวนหลายฉบับ ทั้งที่อยากจะรู้จักกับผมและพวกที่ผมเคยรู้จักมาก่อน เขียนมาถามเขียนมาจีบ แต่ผมก็ไม่เคยตอบกลับไป ไม่ใช่ว่าผมหยิ่งอะไรนะครับ มันขี้เกียจต่างหาก….
แล้ววันหยุดวันนี้ก็ผ่านไป โดยที่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ผมเองก็นั่งๆ นอนๆ ตื่นมาก็อาบน้ำตอนเย็น เพื่อที่จะกินข้าวที่โรงเลี้ยงและก็รอเวลาขึ้นห้องนอนต่อไป แล้ววันพรุ่งนี้ก็เป็นวันเปิดทำการวันแรกและยังถือเป็นวันเยี่ยมญาติของแดนเด็ดขาดอีกด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่บ้านจะมีใครมาเยี่ยมผมหรือเปล่า แล้ววันพรุ่งนี้ถ้าแดนแรกรับจำแนกคนมาเข้าโรงงาน ผมคงต้องเหนื่อยทั้งวันเป็นแน่ ใจก็เลยคิดว่าขึ้นห้องไปจะกินยาพาราแล้วก็แพ้อากาศเพื่อที่จะให้มันหลับ ตื่นมาจะได้มีแรงไว้สู้กับงานในวันพรุ่งนี้ต่อไป
” ไอ้แว่น ถ้าพี่หลับถึงเวลาสวดมนต์ยังไม่ตื่นเองก็ไม่ต้องปลุก เข้าใจไหมปลุกพี่ตอนถึงเวลาอาบน้ำพอ พี่อยากพักผ่อนว่ะ ” ผมได้กำชับกับไอ้แว่นน้องรักไป ไอ้แว่นก็รับปากผม
“ครับพี่ใหญ่ แต่พี่ไม่สบายหรือเปล่าครับ” ไอ้แว่นก็อดถามผมด้วยอาการเป็นห่วงไม่ได้ “เปล่าพี่ไม่ได้เป็นไร มึงทำตามที่พี่บอกแล้วกัน” ผมเองก็ได้ตอบมันไป
หลังจากนั้นผมก็กินยาแล้วล้มตัวลงนอน ไม่นานเมื่อตัวยาที่กินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ผมก็นอนหลับไปยาว มารู้สึกตัวอีกทีก็เกือบสองทุ่มเพราะว่าไอ้แว่นมันปลุกผม “พี่ใหญ่ๆ ได้เวลาอาบน้ำแล้วครับ” ผมลืมตาตื่นขึ้นตามเสียงปลุกของมัน
“ไอ้แว่นตักน้ำให้พี่กินแก้วดิคอแห้งชิบหาย” ผมพูดสั่งกับไอ้แว่นไป ไอ้แว่นได้ยินดังนั้นก็รีบกุลีกุจอนตักน้ำเย็นมาให้ผม 1 แก้วเต็มๆ ผมรับมากินโดยไวอย่างคนหิวกระหาย เมื่อน้ำเย็นได้ไหลผ่านลำคอมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาอย่างมาก มันสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกตาสว่างขึ้นมาเลยทีเดียว
แล้วผมกับไอ้แว่นต่างก็ลงมาอาบน้ำ ทาแป้งเย็น แล้วขึ้นมากินขนมกับนมกันต่อ ผมนั่งดูทีวีสักพักก็เอนตัวลงนอนหลับไปอีกครั้ง มารู้สึกตัวอีกทีก็ประมาณ 3:00 น กว่า ๆ มาพบกับบรรยากาศที่เงียบเหงาที่ชวนให้คิดถึงบ้าน ผมนอนพลิกไปพลิกมาอยู่ซักพักเพื่อสลัดภาพในหัว และหลังจากนั้นก็หลับต่อมารู้สึกตัวอีกทีก็ได้เวลาตื่นนอนเพื่อที่จะรอเช็คยอดและลงจากห้องขังต่อไป พร้อมด้วยเช้าวันใหม่และกิจกรรมที่แสนจำเจก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง….(โปรดติดตามตอนต่อไป)” หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ” # คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 82
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun