คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 84
บทที่ 84 งานคือเงิน เงินคืองาน Ep.2
“จงอย่ายึดติดกับอดีตและจงอย่าถามหาอนาคต เพราะไม่เช่นนั้นปัจจุบันของคุณจะหายไป”
** สวัสดีครับ พี่ ๆ น้อง ๆ คุณผู้รักการอ่านทุกคนพบกันอีกครั้งนะครับสำหรับเรื่องที่ผู้เขียนอยากจะเล่าให้ฟังนั้น..คุณทุกคนผมเชื่อว่ามียานพหะนะไว้ใช้กันทุกคน ก็แล้วแต่ใครจะมีรถอะไรกัน รถใหญ่รถเล็กตามอัตภาพของเรา และ ตอนนี้น้ำมันราคาขึ้น ขึ้นได้ทุกวันวันละหลายรอบด้วย ราคายังกับหุ้นมีขึ้นมีลง ซึ่งตอนนี้ตกลิตรละ48-50บาทแล้ว แต่ละที่ก็ไม่เท่ากัน เกิดมาก็พึ่งเคยเจอเติมน้ำมัน100ไม่เต็มถัง ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ลดลงจะมีแต่เพิ่มขึ้น ผมคงต้องหาจักรยานมาใช่แล้วละ **
ผมและไอ้แว่นได้ลงมาตั้งแถวรอเยี่ยมญาติอยู่หน้าองค์พระประจำแดน ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวสำหรับพวกที่มีชื่อเยี่ยมญาติในแต่ละรอบ ผมสังเกตเห็นไอ้แว่นมันดูลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะถามอะไรผม แต่มันก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถามสักที ผมก็เลยตัดสินใจถามมันออกไปว่า ” มึงเป็นอะไรไอ้แว่น มีอะไรรึเปล่า “
มันหันมองหน้าผมพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า ” เอาไงดีพี่ถ้าแม่ถาม จะให้ผมตอบแม่ว่าอะไร ให้ผมบอกเขาว่าเรื่องมันเกิดขึ้นได้อย่างไรดี เราจะไม่เตี๊ยมกันก่อนหรอครับ ” นี่คือสิ่งที่ไอ้แว่นมันถามกับผม และผมก็เลยตอบมันไปว่า
“ความจริงไงไอ้แว่น มึงพูดความจริงไปเลยว่าที่มึงเป็นอย่างนี้ มึงได้กระโดดเข้ามาปกป้องกู เพราะไม่เช่นนั้นกูคงเจ็บหนักกว่าที่มึงเป็นแน่ ๆ ส่วนสาเหตุเรื่องที่เกิดเดี๋ยวกูจะพูดเอง มึงไม่ต้องโกหกแม่มึงเพื่อปกป้องกูเข้าใจไหม”
มันได้ฟังดังนี้จึงผยักหน้ารับรู้ และก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อจำนวนผู้ต้องขังที่มีชื่อเยี่ยมญาติมากันครบแล้ว ก็ถึงเวลาออกไปเยี่ยมญาติกัน นักโทษเดินไปเป็นแถวดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อที่จะไปให้ถึงห้องเยี่ยมญาติ เราทั้งคู่ใช้เวลามองหาแม่ไอ้แว่นไม่นานนักก็เห็นแม่แกนั้งรอเราอยู่ก่อนแล้ว เราทั้งสองต่างยกมือไหว้แก และแกก็ยกมือขึ้นรับไหว้เช่นกัน
“เป็นไงบ้างลูกเจ็บมากไหม ไหนลองเล่าให้แม่ฟังสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ลูกแม่ถึงได้เป็นแบบนี้” สิ่งที่แม่ไอ้แว่นได้พูดได้แสดงออกมามันช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใย ซึ่งผมเองก็สัมผัสได้ ถึงความรักที่แม่มีต่อลูกมากเท่าใด
ไอ้แว่นได้เล่าถึงเหตุกราณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้แม่ฟังอย่างที่ไม่ได้บิดเบือนหรือเพิ่มเติมใด ๆ เพราะมันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด และมันยังบอกถึงบทลงโทษที่มันนั้นต้องได้รับอีกด้วย ส่วนในตัวผมเองนั้น ก็ได้อธิบายถึงต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น และได้กราบขอโทษกับแม่มันไป ที่ไม่สามารถปกป้องมันได้ ทั้งที่แม่มันฝากฝังไว้กับผมให้ช่วยดูแล
“ไม่เป็นไรหรอกใหญ่ ลูกไม่ต้องคิดมากนะเรื่องมันผ่านไปแล้วขอให้มันผ่านไป แต่ถ้ายังไงถ้าแม่พอจะช่วยอะไรลูกทั้งสองได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้ใครติดต่อมาหาแม่นะ แล้วบอกวิธีการมา เดี๋ยวแม่จะจัดการเอง” ผมกับไอ้แว่นรับปากกับแม่มันถึงเรื่องที่ท่านบอก และหลังจากนั้นผมก็ปล่อยให้แม่ลูกทั้งสองได้คุยกัน
ส่วนตัวผมก็ยืนมองบรรดาญาติ ๆ ที่มาเยี่ยมบรรดานักโทษ พูดตรง ๆ คือผมยืนมองสาว ๆ ที่เข้ามาในห้องเยี่ยมมากกว่า เห็นแล้วก็อดนึกสงสัยว่าทำไมผู้หญิงที่ผมเห็นทั้งหมดดูดีกันไปหมด แต่ผมก็ได้คำตอบเรื่องนี้อยู่ในใจแล้วว่า สงสัยกูคงติดคุกนานก็เลยเริ่มเห็นผู้หญิงทุกคนสวยไปหมด.. ‘ปรี๊ดดดๆๆ’ เสียงนกหวีดยาวหมดเวลาเยี่ยมญาติก็ดังขึ้น เหล่าบรรดานักโทษทุกคนต่างบอกลาญาติพี่น้องของตนเอง จากเสียงพูดคุยที่ดังจนฟังแทบไม่รู้เรื่องเมื่อครู่นี้กลับกลายเป็นความเงียบที่ค่อย ๆ เงียบลงไป
ผมและไอ้แว่นต่างก็ยกมือไหว้แม่มันและได้บอกลากัน สายตาในตอนนี้ของแม่ไอ้แว่นที่ผมสังเกตุเห็น มันคือแววตาที่เต็มไปด้วยความรักความเป็นห่วง ซึ่งไม่มีใครแล้วบนโลกใบนี้ที่จะมีความรักความห่วงใยได้มากเท่ากับคนที่ขึ้นชื่อว่าแม่นั้นไม่มีอีกแล้ว
เราทั้งสองเดินกลับมาจากห้องเยี่ยมเข้ามาภายในแดนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไอ้แว่นหันมาพูดกับผมว่า “เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยพี่ใหญ่ มันโล่งมาก ๆ ตอนแรกผมกลัวแม่ผมจะคิดมาก แล้วก็ด่าพี่ใหญ่หรือเห็นเขาร้องไห้ แต่ตอนนี้แม่ผมเข้มแข็งขึ้นมากเลยครับ” ผมมองดูไอ้แว่นยิ้มไปก็พูดไปถึงแม่มัน เห็นแล้วผมเองก็มีความสุข ผมจึงพูดกับมันไปว่า
“ต่อไปวันข้างหน้า มึงก็อย่าทำให้แม่มึงเสียใจอีกละ อะไรที่ผิดพลาดไปแล้วก็คือบทเรียน มึงยังเป็นแค่วัยรุ่น มึงยังกลับตัวทัน” ผมพูดกับมันไปด้วยความหวังดีจากใจ มันจึงหันหน้ามายิ้มให้ผมและเราทั้งสองก็เดินขึ้นโรงงาน 3 ที่ประจำของเราต่อไป
มันคงเป็นอย่างที่ใครหลายคนบอกจริง ๆ ครับว่าทุกปัญหานั้นมีทางออกเสมอ เพียงแต่ว่าเรานั้นต้องค่อย ๆ คิด ค่อยๆ หาทางแก้มันไปทีละขั้นตอน แล้วไม่นานปัญหามันก็จะหมดไป ก็เหมือนกับผมในตอนนี้ ซึ่งได้แก้ปัญหาไปแล้วหนึ่งปัญหา นั่นก็คือเรื่องของไอ้แว่น และต่อจากนี้มันก็จะคือเรื่องราวของผมล้วน ๆ ที่จะต้องแก้ปัญหากับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ซึ่งมันต้องเกิดขึ้นแน่ ๆและไม่มีทางจะหลบไปไหนได้เลย และเนื่องจากวันนี้แดนแรกรับยังไม่ได้ปล่อยนักโทษให้ย้ายเข้ามาแดนนี้ มันจึงทำให้กองงานเย็บแหยังไม่ได้เปิดทำการ วันนี้ผมก็เลยมีเวลาว่างไม่ได้ทำอะไรก็เลยล้มตัวลงนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนเผลอหลับไปในที่สุด
” พี่ใหญ่…พี่ใหญ่ ตื่นเร็วครับผบ.,แดนเรียกให้ไปหาพี่ ” ไอ้แว่นรีบปลุกผมให้ตื่นอย่างไว เมื่อมันได้ยินเสียงประกาศเรียกชื่อผม ผมเองก็สดุ้งตื่นทันที เมื่อรู้ว่าใครเป็นคนเรียกผม “งานเข้าแล้วกู เอาไงดีว่ะ” ผมคิดในใจ..
ผมรีบเดินลงจากกองงานเพื่อที่จะไปหาผบ.แดนที่หน้าประตูแดน สายตาของผมที่มองไปตรงที่หน้าประตูแดน ตรงที่ผบ.แดนนั้งอยู่ ท่านไม่ได้นั้งคนเดียวมีป๋าเวียง และคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดตอนนี้ นายอำพลผบ.แดนแรกรับ “มาทำไรว่ะ..ติดเรื่องxิบหาย” ผมพูดกับตัวเอง ก่อนจะเข้าไปหาจ.น.ททั้งสามคน ผมได้ทำความเคารพเสร็จก็นั้งลงตรงหน้าเขาทั้งสาม
“อ้าว..เป็นเราเองรึ..ที่ก่อเรื่องตอนหยุดยาว” ผบ.แดนถามผม
“เปล่าครับท่าน ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน” ผมได้อธิบายและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผบ.แดนฟังจนจบ ดูแล้วผบ.แดนก็น่าจะเข้าใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“พี่จะเอายังไงกับเรื่องนี้ ในเมื่อไม่มีหลักฐานเอาผิด และจะให้ผมลงโทษ ผมเองก็คงทำให้ไม่ได้ นี่คือคำพูดของผบ.แดนของผม
ผมเองรู้สึกประทับใจ ในตัวผบ.แดนคนนี้อย่างมาก แต่นายอำพลแกคงกลัวจะเสียหน้า แกก็เลยเปลี่ยนประเด็นให้ผมกับไอ้อารต์หน้าลายมาชกมวยกันโดยที่ต้องใส่นวมชกกันในกฎของมวยไทย ผมตกปากรับคำโดยไม่คิดอะไรมาก และมันก็ดีกว่าที่จะให้แกหมกมุ่นหาหลักฐานมาเอาผิดผมให้จงได้ และแล้วในที่สุดกำหนดการชกก็จะมีขึ้นในอีก 1 เดือนข้างหน้า ด้วยความเห็นชอบของทุกฝ่าย เมื่อตกลงเสร็จสิ้นนายอำพลก็เดินออกจากแดนไป
“แล้วเราจะไหวรึ หุ่นมันก็คนละไซน์กันขนาดนั้น” เป็นคำถามที่มาจากผบ.แดน
“ไม่ต้องกังวลอะไรหลอก ไอ้เสือมันไม่ได้หมู ๆ หัวหน้า เชิงมวยมันผิดกัน” ป๋าเวียงเป็นคนตอบคำถามนี้ให้ผบ.แดนรู้
“ผมเองก็ไม่นิยมความรุนแรงสักเท่าไหร่หรอกครับ แต่เห็นพี่อำพลนั้นก็ติดเรื่องท่าเดียวก็เลยต้องตบปากรับคำไป” เมื่อแกพูดจบแกก็เดินจากไปทิ้งให้ผมอยูกับป๋าสองคน ความเงียบมันทำให้ผมรู้สึกกดดัน เพระว่าผมนั้นไม่เคยทำให้แกโมโหถึงขนาดนี้
“ป๋าผมขอโทษด้วยนะครับที่ก่อเรื่องก่อปัญหาให้ป๋าต้องปวดหัวครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วครับ ผมจะเล่นไอ้อาร์ทให้หมอบไปเลยจะได้จบ ๆ เรื่องไปสักที” ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากของป๋าเวียง แกลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องไปทิ้งให้ผมนั่งเหวออยู่คนเดียว แกคงยังไม่หายโกรธผมเป็นแน่ ผมจึงลุกขึ้นและเดินกลับขึ้นไปบนกองงานตามเดิม… (โปรดติดตามตอนต่อไป) ” หมีขาวขั้วโลกเหนือ” # คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 84
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun