Story

เปิดประวัตินิทานของ “อีสป” ต้นตำรับนิทานคติสอนใจผู้เป็นตำนานของโลกแห่งนิทาน

เปิดประวัตินิทานของ “อีสป” ต้นตำรับนิทานคติสอนใจผู้เป็นตำนานของโลกแห่งนิทาน

ในช่วงที่สมาร์ทโฟนหรือระบบอินเตอร์เน็ตยังไม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันนั้น เราต่างก็รู้ดีว่าในสมัยก่อนนั้นมีกิจกรรมที่ให้เล่นกับเพื่อน ๆ กันอยู่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกีฬาชนิดต่าง ๆ หรือการละเล่นพื้นบ้านอย่างวิ่งไล่จับ เล่นซ่อนแอบฯลฯ แต่ทว่ากิจกรรมส่วนใหญ่ที่กล่าวมานั้นล้วนเป็นกิจกรรมที่เราไว้เล่นนอกบ้านกับเพื่อนฝูงเสียเป็นส่วนมาก และเมื่อเรานึกถึงกิจกรรมที่บ้านโดยเฉพาะเวลากลางคืน ผู้เขียนเชื่อเลยว่าหลายคนมักนิยมที่จะอ่านนิทานก่อนนอนกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะนิทานอีสป ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและคติสอนใจต่าง ๆ ที่ให้ทั้งแง่คิด การวางตัว จนต้องยอมรับเลยว่านิทานเป็นสิ่งที่สำคัญในการเสริมสร้างจินตนาการอย่างแท้จริง และในบทความนี้เองผู้เขียนก็จะขอนำพาคุณผู้อ่านไปย้อนเวลาทำการรู้จักกับนิทานอีสปว่ามีที่มาอย่างไร และใครกันคือผู้แต่งของผลงานวรรณกรรมสุดอมตะชิ้นนี้กันได้เลยใน  “เปิดประวัตินิทานของ “อีสป” ต้นตำรับนิทานคติสอนใจผู้เป็นตำนานของโลกแห่งนิทาน” เชิญรับชมรับอ่านกันได้เลยจ้า.

นิทานของอีสปเป็นนิทานที่ถูกแต่งขึ้นโดยทาสชาวกรีกที่มีขื่อว่า อีสป (Aesop) ที่นักวิชาการต่างลงความเห็นว่าเขานั้นน่าจะเกิดอยู่ในช่วง 620 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นทาสโดยกำเนิดตามกฏหมายของชาวกรีก โดยเขาได้เป็นทาสคนแรกของ Xanthus ชาวเกาะซาโมส ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะถูกขายให้ Jadmon และเจ้านายคนที่สอง Jadmon คนนี้เองที่เป็นผู้มอบอิสรภาพเป็นรางวัลแก่อีสป โดยเห็นแก่ความเป็นผู้ที่มีไหวพริบและสติปัญญาล้ำเลิศ

ในหลายสำนักต่างเชื่อว่าอีสปนั้นเกิดที่เมืองซาร์ดิซ (Sardis) เมืองหลวงของราชอาณาจักรลีเดีย (Lydia) บนแผ่นดินใหญ่ด้านตะวันตกของดินแดนอนาโตเลียหรือที่เรียกว่าเอเชียไมเนอร์ หรือไม่ก็เกาะซาโมส ในทะเลอีเจียน ซึ่งปัจจุบันอยู่ใกล้กับชายฝั่งของประเทศตุรกี ถึงแม้ว่าจะระบุได้อย่างไม่ชัดเจนมากนักว่าบ้านเกิดจริง ๆ ของเขานั้นอยู่ที่ไหน แต่ทว่านักประวัติศาสตร์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าอีสปนั้นต้องเกิดอยู่ในยุคอาร์เคอิกอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นช่วงที่การปกครองระบอบกษัตริย์เริ่มเสื่อมสลาย ขณะที่การปกครองแบบนครรัฐเริ่มพัฒนามากยิ่งขึ้น ซึ่งจะค่อย ๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคกรีกถัดมาคือยุคคลาสสิค

ในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นเมืองต่าง ๆ อยู่ในอำนาจของผู้นำที่ผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว หรือที่ทุกคนมักเรียกว่า “ทรราช” ผู้ปกครองแสนชั่วร้ายกดขี่ข่มเหงประชาชนและยึดอำนาจด้วยมิชอบในกฏหมาย ในครานั้นนับเป็นช่วงยุคมืดของแต่ละเมือง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกรีกจึงมีพัฒนาการด้านประชาธิปไตยไปเป็นแบบนครรัฐ และในนครรัฐนั้นนี่เองที่ให้สิทธิพิเศษแก่เสรีชน นั่นคือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะได้อย่างเสรี และสิ่งนี้เองที่ทำให้ ‘อีสป’ ก้าวขึ้นมามีบทบาทในฐานะศิลปินที่บอกเล่าเรื่องราวคติสอนใจ ผ่านในรูปแบบนิทานที่แสนสนุกจนถูกกล่าวถึงอย่างมากมาย นอกจากนี้อีสปเองยังออกเดินทางเพื่อสอนสั่งผู้คนผ่านนิทานนี้ไปทั่วทุกเมืองในอาณาจักร.

จนกระทั่งในเวลาต่อมาตัวของอีสปก็ได้มีโอกาสมาทำงานให้กับทางราชสำนักของกษัตริย์เครซุส ซึ่งทรงเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชอาณาจักรลิเดียของเอเซียไมเนอร์ และด้วยสติปัญญา ความรอบรู้พร้อมกับลูกเล่นในการเล่านิทาน จึงทำให้ตัวของกษัตริย์เครซุสรู้สึกประทับใจ และแต่งตั้งให้เขาเป็นทูตประจำราชสำนักที่คอยออกไปตามเมืองต่าง ๆ ใต้การดูแลเพื่อสอนสั่งและให้ความรู้ผู้คนผ่านเรื่องเล่านิทานของอีสป 

ซึ่งนิทานของอีสปนั้นก็ได้สอนให้ชาวเมืองทั้งหลายต่างตระหนักถึงการใช้ชีวิต เช่นเมืองโครินธ์ อีสปได้ใช้นิทานของเขาเป็นสื่อตักเตือนชาวเมืองถึงภยันอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการใช้กฏหมู่แทนกฏหมาย และที่กรุงเอเธนส์เขาก็ได้ใช้นิทาน เรื่อง “กบเลือกนาย” เป็นสื่อชักชวนให้ชาวเมืองเลื่อมใสในการปกครองของปีซัสเตรตัส เป็นผลสำเร็จ และนิทานของอีสปเองยังมีอีกหลายเรื่องที่ให้ข้อคิดที่ดีไม่ว่าจะเป็น “ชาวนากับงูเห่า” ที่ให้ข้อคิดว่า ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจะไม่ผูกมัดคนเนรคุณ (The greatest kindness will not bind the ungrateful) , “หมาป่ากับนกกระสา” ที่สอนให้รู้ว่า การรับใช้คนชั่ว อย่าคาดหวังว่าจะได้รับรางวัลตอบแทน” (In serving the wicked, expect no reward) และ “หมาป่ากับลูกแกะ” ที่สอนว่า ทรราชย่อมหาเหตุแห่งการทราชได้เสมอ” (The tyrant will always find a pretext for his tyranny) เป็นต้น 

หลังจากที่ออกเดินทางสั่งสอนผู้คนมาได้สักระยะอีสปก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เขาได้สอนให้ผู้คนตระหนักถึงเรื่องต่าง ๆ ทั้งการใช้ชีวิต ความสุข ความสนุก ที่แฝงด้วยคติสอนใจ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเขาได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ราชทูตที่เมืองเดลฟิ ตามคำสั่งของกษัตริย์เครซุส และเมืองแห่งนี้เองอีสปได้เล่านิทานโดยใช้สัตว์เป็นสัญาณบอกความจริง เกี่ยวกับความอยุติธรรมทางการเมืองให้ชาวเมืองได้รับรู้!

ซึ่งการกระทำของเขาได้จุดไฟแห่งความโกรธแค้นให้โหมกระหน่ำในหัวใจของนักการเมืองแห่งเดลฟิอย่างหนัก จนทำให้นักการเมืองเหล่านี้ต่างคิดแก้แค้นอีสป ด้วยการแอบนำเอาขันทองศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารเทพอะพอลโลไปใส่ไว้ในกระเป๋าสัมภาระของเขา พร้อมทั้งกล่าวหาว่าเขาเป็นขโมย จนนำมาสู่การประหารอีสปด้วยข้อหาว่าเป็นหัวขโมยและทำการลบลู่เทพอะพอลโล 

ส่งผลให้ชาวเมืองเดฟิจำนวนไม่น้อยรู้สึกโกรธแค้นจนได้โยนเขาลงมาจากหน้าผาสูงจนถึงแก่ความตายไปในที่สุด และเป็นการปิดตำนานของยอดนักเล่านิทานนามว่ส ‘อีสป’ แต่ทว่าหลังจากนั้นได้ไม่นานชาวเมืองเดลฟิก็ได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม เพราะการสังหารทูตนั้นเป็นสิ่งที่ขัดต่อข้อบัญญัติกฏหมายอย่างร้ายแรง ไม่นานประชาชนชาวเดลฟิก็ได้รับโทษทัณฑ์ หรือที่ผู้คนเรียกในเวลาต่อมาว่า “The blood of Aesop” หรือ ‘โลหิตของอีสป’ นั่นเอง.

จบไปแล้วกับการย้อนประวัติไปรู้จักกับสุดยอดนักเล่านิทานในตำนาน ‘อีสป’ ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน และทำไมเขาถึงได้โด่งดังเป็นอย่างมาก ซึ่งเรื่องที่เล่ามานี้นั้นเป็นส่วนหนึ่งในข้อมูลการสันนิษฐานมากมายของนักประวัติศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับเป็นจำนวนมาก แต่ก็อาจจะมีบางส่วนที่ตกหล่นไปหรือผิดแปลกจากที่เคยได้อ่าน หรือรับชมมา เพราะประวัติของอีสปนั้นค่อนข้างคลุมเครือมีอ้างอิงกันอยู่หลายอย่างมากมาย แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ได้รับการยอมรับเหมือนกันนั่นคือ ‘นิทานอีสป’ ที่ไม่ว่าจะผ่านมาสักกี่พันปีเรื่องราวก็ยังเป็นที่เล่าขานต่อไป พร้อมกับคติสอนใจที่เป็นประโยชน์เมื่อมาประยุกต์ใช้กับชีวิตของเรานั่นเอง บทความประวัติของอีสปก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ ถ้าหากว่ามีสิ่งใดที่ผิดพลาดไป ผู้เขียนก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และไว้พบกันใหม่ในเรื่องเล่าครั้งหน้า จะมีอะไรบ้างนั้นไว้รอติดตามกันนะ..

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun

What's your reaction?

Excited
0
Happy
3
In Love
3
Not Sure
0
Silly
0

You may also like

Story

ประวัติวันสงกรานต์ เทศกาลประเพณีที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน.

สงกรานต์เป็นเทศกาลปีใหม่ไทยแบบดั้งเดิมที่มีการเฉลิมฉลองทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งชาวต่างชาติจะรู้จักกันในชื่อว่า Water Festival หรือ เทศกาลแห่งน้ำ เพราะในวันนี้ผู้คนจะนิยมนำน้ำมาสาดใส่กันเพื่อคลายร้อนอย่างสนุกสนาน
Story

เปิดประวัติที่มาของสงครามนกอีมู สงครามสุดแปลกที่โลกนี้ต้องจดจำ

สงครามนกอีมู หรือที่เรียกว่าสงครามนกอีมูครั้งใหญ่ เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินการในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียในปี 2475 ปฏิบัติการนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมประชากรของนกอีมู ซึ่งก็ได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผลในภูมิภาคออสเตรเลีย
Story

เปิดประวัติที่มาของวัน “April Fool’s Day” หรือ “วันโกหก” วันสุดแสบแสนตลกของผู้คนทั่วโลก!

"วันโกหก" นักประวัติศาสตร์ได้เชื่อว่าวันนี้ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลฮิลาเรียของโรมันที่จัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เพราะเทศกาลนี้ผู้คนจำนวนมากจะออกมาแต่งกายตลก ๆ พร้อมกับมีการละเล่นที่เรียกเสียงหัวเราะของผู้คน ซึ่งก็คล้ายคลึงกับวันโกหกเป็นอย่างมาก และในยุคต่อมาก็ได้มีบันทึกไว้ในหนังสือ

Comments are closed.

More in:Story

Breaking News

ซีเซียม-137 คืออะไร? อันตรายมากแค่ไหน?

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวที่ถูกพูดถึงมากมาย เกี่ยวกับประเด็นท่อเก็บสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ที่ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 ก็ได้มีรายงานว่าพบวัตถุดังกล่าวแล้ว แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมากจากข่าวนี้
Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 84

ผมและไอ้แว่นได้ลงมาตั้งแถวรอเยี่ยมญาติอยู่หน้าองค์พระประจำแดน ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวสำหรับพวกที่มีชื่อเยี่ยมญาติในแต่ละรอบ ผมสังเกตเห็นไอ้แว่นมันดูลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะถามอะไรผม แต่มันก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถามสักที
"วันเข้าพรรษา" ประวัติที่มา ความสำคัญ
Story

“วันเข้าพรรษา” ประวัติที่มา ความสำคัญ

ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับเทศกาล "วันเข้าพรรษา" ที่ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม 2565 ที่จะถึงนี้ หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจถึงที่มาและความสำคัญของวันสำคัญดังกล่าว