มหาศึกคนชนเทพ อโฟรไดท์ (APHRODITE)
อโฟรไดท์ เทพีแห่งความรักและความสวยงาม ตามตำนานเทพกรีก เธอมีรูปร่างน่าตาที่งดงาม ตามความหมายในชื่อของเธอ นอกจากนี้แล้ว เทพีอโฟรไดท์ยังถือว่าเป็นเทพที่ ชาวกรีกให้การสักการะ และถือว่าเป็นเทพแห่งความสมบูรณ์ตามความเชื่อของชาวฟีนีเซีย เทพีอโฟรไดท์ ยังถูกนับถือให้เป็น 1 ใน 12 เทพสูงสุดแห่งโอลิมปัส เพราะนอกจากหน้าตาที่งดงามแล้ว เทพียังแฝงไว้ด้วยพลังที่แข็งแกร่งซุกซ่อนอยู่ ที่เทพน้อยองค์นักที่จะรู้ถึงพลังนั้นของเธอ คงจะมีเพียงเทพซูสองค์เดียวเท่านั้น ที่รู้ถึงพลังที่นางซ่อนอยู่….
ประวัติ ตามตำนาน เทพของชาวกรีก
เทพีอโฟรไดท์ (Aphrodite) หรือ วีนัส (Venus) ตามการเรียกของชาวโรมัน ถูกนับถือให้เป็น เทพีแห่งความรักและความงาม ความงามของพระองค์นั้น เชื่อกันว่าสามารถสะกดทั้งเทพและมนุษย์ทั้งหลาย ที่พบเห็นให้เกิดอาการ ลุ่มหลง มัวเมา จนอาจทำให้สติปัญญาของผู้ฉลาดตกอยู่ในความโง่เขลาได้
ประวัติการถือกำเนิดของเทพีอโฟรไดท์นั้น ไม่ค่อยแน่ชัด แต่ถ้าสืบลงลึกไป กับพบว่า แท้จริงแล้ว ต้นกำเนิดของพระองค์นั้น มีมาแต่ก่อนที่จะถือกำเนิดของชนชาวกรีกเสียอีก ความเชื่อเกี่ยวกับพระองค์นั้น มีมาตั้งแต่การเกิดขึ้นของชนชาติฟีนีเซีย ที่เข้ามาตั้งรกรากอาณานิคมอย่างมากมายในดินแดนตะวันออกกลาง ตามตำนานที่เล่ากันมาบอกเอาไว้ว่า เทพีอโฟรไดท์ถือเป็นหนึ่งเดียวกันกับเทพีของชาวอัสสิเรียและบาบิโลเนีย ที่มีชื่อเรียกว่า อีชตาร์ (Ishtar) และก็ยังคงถือให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเทพีของชาวไซโร-ฟีนิเซี่ยน ที่มีชื่อเรียกว่า แอสตาร์เต (Astarte) ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ จึงทำให้เทพีอโฟรไดท์ถือเป็นเทพีที่มีความสำคัญอย่างมากมาแต่ครั้งโบราณกาล ถือว่าเป็นเทพีผู้มอบความสุขให้แก่มนุษย์ตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม
ต่อมาในภายหลัง เมื่อชนชาวกรีกเริ่มก่อตัวขึ้น และสามารถพัฒนาวิทยาการมากมาย จนเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ก็ได้รับเอาเทพีอโฟรไดท์เข้ามา โดยที่พระองค์ถูกกล่าวถึงในตำนานมหากาพย์อิเลียดของโฮเมอร์ ที่ยกย่องนับถือให้เทพีอโฟรไดท์เป็นเทพธิดาของซูส และมีมารดาเป็นนางอัปสร หรือ ไดโอนี (Dione) แต่พอมาในช่วงบทกวีนิพนธ์ที่พบเจอในชั้นหลัง ๆ กลับกล่าวว่า
เทพีอโฟรไดท์นั้นเกิดขึ้นมาจากฟองทะเล เนื่องจากคำว่า Aphros ที่เป็นส่วนหนึ่งของชื่อของพระองค์นั้น มีความหมายในภาษากรีกว่า “ฟอง” ดังนั้น จึงมีความเชื่อต่อมาว่า แหล่งกำเนิดของเทพีอโฟรไดท์น่าจะอยู่ในทะเลแถบเกาะไซเธอรา (Cythera) ต่อจากนั้น เทพีก็ถูกคลื่นซัดพาตัวมาจนถึงเกาะไซพรัส (Cyprus) ทำให้เกาะทั้งสองแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับพระองค์ และบางตำนานก็ทำให้พระองค์มีชื่อเรียกอีกสองชื่อตามชื่อเกาะทั้งสองแห่งนี้ว่า ไซเธอเรีย (Cytherea) และ ไซเพรียน (Cyprian)
หลังจากที่เทพีอโฟรไดท์ ถูกคลื่นซัดไปติดที่เกาะไซพรัสแล้ว นายทวารแห่งเขาโอลิมปัส เมื่อมาเห็นก็ได้ลงมารับเทพีอโฟรไดท์และพาขึ้นไปยังเทพสภา บนเขาโอลิมปัส เมื่อเทพทุกองค์ได้เห็นก็ต่างพากันตกตะลึงในความงดงามของเทพีอโฟรไดท์ และต่างองค์ก็ต่างอยากได้เทพีมาเป็นคู่ครองกันแทบทั้งนั้น แม้แต่เทพซุสเองก็อยากจะได้เทพีมาไว้ในครอบครอง แต่เทพีก็ปฎิเสธอย่างไร้เยื่อใย เทพซุสจึงจำใจ และ เลือกคู่ครองให้นาง เพราะถ้าปล่อยไว้แบบนี้อาจจะกลายเป็นศึกชิงนางของเหล่าเทพเกิดขึ้นได้
พระองค์จึงได้ให้นางไปเป็นคู่ครองของ ฮีฟีสทัส (Hephaestus) นายช่างใหญ่แห่งโอลิมปัส ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นบำเหน็จรางวัลทดแทนความดี ความชอบ ในการที่ฮีฟีสทัส สามารถสร้างอสนีบาตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาถวาย และอีกส่วนก็ถือเป็นการลงโทษเทพี ในเหตุที่ไม่ไยดีเทพซุสไปในตัวด้วย เพราะฮีฟีสทัส เป็นเทพพิการ อีกทั้งยังมีแผลเป็นบนหน้าจากการทำงาน ที่ต้องอยู่กับไฟตลอดเวลา จึงทำให้ความเข้ากันได้ของทั้งคู่นั้น ลดน้อยลงไปมาก
แต่อย่างไรก็ตาม เทพองค์แรกที่เทพีอโฟรไดท์ร่วมพิศวาสอภิรมย์ด้วยนั้น ไม่ใช่เทพฮีฟีสทัส แต่กลับเป็นเทพแอรีส (Ares) หรือ มาร์ส (Mars) ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม และเป็นเทพบุตรของเทพซูสกับเทพีเฮร่า โดยทั้งคู่ได้แอบคบชู้กัน และทำให้เทพีอโฟรไดท์ให้กำเนิดบุตรสององค์กับธิดาหนึ่งองค์ออกมา โดยลูกๆของเทพีอโฟรไดท์มีชื่อว่า ‘อีรอส (Eros) หรือ คิวปิด (Cupid)’ ‘แอนติรอส (Anteros)’ และ ‘เฮอร์ไมโอนี (Hermione) หรือ ฮาร์โมเนีย (Harmonia)’ ตามลำดับ โดยนางเฮอร์ไมโอนีได้แต่งงานกับแคดมัส (Cadmus) ผู้ที่ทำหน้าที่สร้างเมืองธีบส์ขึ้นมานั่นเอง
เรื่องราวความรักของเทพีอโฟร์ไดท์ ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ ด้วยความงดงามและเสน่ห์ของพระองค์ จึงทำให้ไม่ว่าจะเป็นเทพ หรือ มนุษย์ ก็ต่างหลงเสน่ของพระองค์กันอยู่เสมอ แม้แต่เทพเฮอร์มีสเอง ก็ได้มาลุ่มหลง ในตัวเทพีอโฟร์ไดท์ จนเกิดมีโอรสองค์หนึ่งนามว่า เฮอร์มาโฟร์ดิทัส (Hermahroditus) ส่วนทางด้านมนุษย์ เทพีอโฟร์ไดท์ ยังเคยแอบไปมี จิตพิศวาสกับบุรุษเดินดิน เช่น ไปชอบพอกับเจ้าชายชาวโทรจัน นามว่า แอนคิซีส (Anchises) จนมีโอรสครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ออกมานามว่า เอนิแอส (Aenias) ผู้เป็นต้นตระกลูของชาวโรมันในเวลาต่อมา
ถึงแม้พระองค์จะเป็นเทพีที่มอบความรักให้แก่บุรุษเพศไปทั่ว แต่พระองค์ก็ยังเคยมีประสบการณ์การแอบรักคนอื่นข้างเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ประหลาดมาก ที่พระองค์โหยหาความรักก่อน ก่อนที่ความรักจะพุ่งเข้ามาหาพระองค์เอง เหตุการณ์นั้นกล่าวว่า วันหนึ่ง ในขณะที่เทพีอโฟรไดท์กำลังเล่นหยอกล้ออยู่กับอีรอส หรือ คิวปิด กามเทพตัวน้อย ก็บังเอิญถูกศรของคิวปิดสะกิดโดนที่อุระ ถึงแม้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้จะทำให้เกิดเป็นแผลเพียงเล็กน้อย แต่ด้วยอำนาจวิเศษของศรแห่งรักนี้ ก็มากเพียงพอที่จะทำให้เทพีเกิดความผิดปกติด้วยอำนาจนี้ได้ ในขณะที่แผลยังไม่หายดี พระองค์ก็ได้บังเอิญพบกับ อโดนิส (Adonis) ชายหนุ่มสุดหล่อที่ร่อนเร่พเนจรอยู่ในป่า ด้วยอำนาจของศรคิวปิดก็ทำให้เทพีบังเกิดเป็นความรัก ลุ่มหลง ในตัวของอโดนิส จนห้ามใจไว้ไม่อยู่
พระองค์จึงรีบลงมาจากสวรรค์เพื่อตามหาอโดนิส เพื่อหวังที่จะได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันไปตลอด ไม่ว่าอโดนิสจะไปทางไหน เทพีอโฟรไดท์ก็จะติดตามไปด้วยทุกที่ ด้วยความที่เทพีอโฟรไดท์รู้สึกหลงใหลและเป็นห่วงอโดนิสเอามากๆ ถึงแม้จะลำบากเพียงใด เทพีอโฟรไดท์ก็ยังเที่ยวติดตามอโดนิสไปในป่าตลอดเวลา แถมยังคอยตักเตือน และกำชับอโดนิสในการล่าสัตว์ทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เขาเสี่ยงภัยอันตรายมากเกินไป พร้อมทั้งบอกให้หลีกเลี่ยงสัตว์ใหญ่ และให้เขาล่าแต่สัตว์ตัวเล็กๆ เท่าที่เขาจะพอล่าได้เท่านั้น
แต่ความรักครั้งนี้ของเทพีที่มีต่อ อโดนิสกลับเป็นความรักเพียงข้างเดียว เพราะเจ้าหนุ่มอโดนิส ไม่ได้มอบความรักตอบแก่เทพีเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะคิวปิดไม่ได้แผลงศรรักปักเข้าที่ชายหนุ่มด้วยละมั้ง จึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และด้วยเหตุผลที่อโดนิสไม่ได้รักเทพีอโฟรไดท์ตอบ จึงทำให้เขาไม่แยแสสนใจในคำกำชับตักเตือนของเทพีเลย และยังคงเที่ยวล่าสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ๋ ไปเรื่อยตามความต้องการของตน
ในวันหนึ่ง ขณะที่เทพีอโฟรไดท์จำเป็นต้องจากอโดนิสไปเพราะมีธุระ พระองค์ก็ได้ทรงกำชับและเตือนอโดนิสก่อนที่จะจาก แต่ฝ่ายอโดนิสกับไม่ค่อยจะใส่ใจมากนัก เขาก็ได้เดินทางไปล่าสัตว์ตามปกติต่อ และได้พบกับหมูป่าตัวใหญ่ที่แสนดุร้ายตัวหนึ่ง (บางตำนานเล่ากันว่า เทพแอรีสเสกหมูป่าตัวนี้ขึ้นมา เนื่องจากความหึงหวงที่เทพีอโฟรไดท์มีความรักให้ต่ออโดนิส) เขาจึงตามล่าหมูป่าไปจนมันจนมุม ก่อนที่อโดนิสจะซัดหอกไปถูกร่างของหมูป่า แต่โชคร้ายที่หอกไม่ได้ปักเข้าที่ตำแหน่งสำคัญ จึงทำให้หมูป่าได้รับความเจ็บปวดและทวีความโหดร้ายมากขึ้น หมูป่าจึงตรงเข้าขวิดจนอโดนิสถึงแก่ความตายในที่สุด
เมื่อเทพีอโฟรไดท์ได้ยินเสียงร้องของอโดนิสขณะที่อยู่กลางอากาศ พระองค์ก็ทรงล้มเลิกธุระที่จะทำ และรีบตรงปรี่เข้าหาอโดนิสในทันที เทพีก้มลงจุมพิตอโดนิสที่กำลังจะขาดใจตายด้วยความเจ็บปวด พร้อมทั้งคร่ำครวญรำพึงพันด้วยความรักสุดแสนอาลัย และทึ้งเกศาข้อนทรวงทำอาการต่าง ๆ ตามแบบที่ผู้คลุ้มคลั่งรักมักทำกัน เทพีรู้สึกว่าตนเองช่างโชคร้าย และรำพึงรำพันต่อเทพผู้ครองชะตากรรม ว่าเหตุใดจึงต้องพลัดพรากชายผู้เป็นที่รักของนางไปด้วย ความเจ็บช้ำครั้งนี้คล้ายกับการควักเอาดวงใจของพระองต์ออกไปก็ไม่ปาน หลังจากที่ความโศกเศร้าเริ่มจางหายไปแล้ว เทพีอโฟรไดท์ก็เอื้อนเอ่ยตั้งปณิธานขึ้นมาว่า
“ถึงการณ์ดังนั้นก็อย่าคิดเลยว่า ผู้เป็นที่รักของข้าจะต้องอยู่ในยมโลกตลอดกาล หยาดโลหิตของอโดนิสผู้เป็นแก้วตาของข้า จงกลายเป็นบุปผชาติชนิดหนึ่ง เพื่อแสดงถึงความโศกเศร้าของข้า และให้ข้าได้ระลึกถึงเหตุการณ์อันเศร้าสลดครั้งนี้เป็นประจำปีเถิด”
หลังจากเอ่ยปณิธานออกไปดังนั้นแล้ว เทพีก็พรมน้ำด้วยเกสรอันศักดิ์สิทธิ์ลงไปบนเม็ดเลือดของอโดนิส และทันใดนั้นเอง ก็ปรากฏเป็นพันธุ์ไม้ที่มีดอกสีแดงดั่งสีทับทิมผุดขึ้นมา และดอกไม้นั้นก็ถูกเรียกชื่อสืบต่อกันมาว่า “ดอกอโดนิส หรือ ดอกเออะเนมโมนิ (Anemone)” ที่มีความหมายว่า ดอกตามลม (หรือบางตำนานก็ว่าเป็นดอกกุหลาบนั่นเอง) ซึ่งมีเหตุผลมาจากธรรมชาติของลมที่ทำให้ดอกไม้ดอกนี้สามารถแย้มบานได้ และก็จะต้องมีช่วงเวลาที่พัดกลีบให้ร่วงหล่นไป ทำให้มีอายุอยู่ได้เพียงไม่นานแค่ 3-4 เดือนเท่านั้น
เทพีอโฟร์ไดท์ก่อนที่จะกลายเป็น ตัวแทนเทพแห่งความรักและความงามนั้น พระองค์เคยถูกนับถือให้เป็น เทพแห่งความสมบูรณ์มาก่อน เมืองที่นับถือเทพีมากที่สุดได้แก่ เมืองปาฟอส ในไซปรัส และเมืองไซธีรา ในเกาะครีต นอกจากนั้น วิหารที่เล่าลือว่าโอ่อ่ายิ่งใหญ่ที่สุดของซีกโลกตะวันออก คือ วิหารที่เมืองคนิดุส ในรัฐแคเรีย (Caria)
เมื่อเดินทางมาถึงกรีกก็มีผู้ศรัทธาเชื่อถือสร้างวิหารใหญ่ให้หลายแห่ง รวมทั้งกรุงเอเธนส์ซึ่งมีเทพีเอเธน่าเป็นเทพอุปถัมภ์อยู่แล้ว ได้กล่าวว่า อโฟรไดท์เป็นเทพีที่ชาวกรีก และโรมันโบราณ ถือว่าเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของมนุษย์มากที่สุด เนื่องจากเป็นเทพีแห่งความรักและความงาม อันความงามกับความรักนี้ ก็เป็นสิ่งที่จับใจคนมากกว่าเรื่องอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ เทพีจึงมักเป็นที่เทิดทูน เคารพบูชา และกล่าวขวัญทั้งในวิจิตรศิลป์และวรรณคดีในด้านต่าง ๆ นอกจากนั้น ชาวกรีก และโรมัน ยังถือว่าเทพีอโฟร์ไดท์ เป็นเทพีครองความมีลูกดก และการให้กำเนิดทารกอีกด้วย
จึงไม่แปลกที่ในสมัยก่อน จะมีความเชื่อว่า นกกระสา เป็นสัตว์ประจำตัวของพระองค์ และเมื่อบ้านไหนมีนกกระสามาทำรัง บ้านนั้นก็จะให้กำเนิดบุตร และจะมีโชคดีตามมาให้แก่บ้านหลังนั้น นกกระสาจึงกลายเป็นตัวแทนแห่งการพาบุตรมาให้ ตำนานเกี่ยวกับนกกระสายังแพร่หลายออกไป ในยุโรป โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นับถือนกกระสาให้กลายเป็นนกมงคล โดยเฉพาะ ประเทศเยอรมันและเนเธอร์แลนด์ ที่ถือว่านกกระสาเป็นสัตว์มงคลที่นำโชคลาภมาให้ และพวกเขาจะยินดีเป็นอย่างมาก ถ้านกกระสาเหล่านี้จะมาทำลังอยู่บนหลังคาบ้านของตน
ปัจจุบันตำนานและเรื่องเล่า รวมถึงวิหารของเทพีอโฟร์ไดท์ ก็ยังมีอยู่ ถึงแม้ว่าจะเสื่อมโทรม พังลงไปตามกาลเวลา แต่ตำนานเกี่ยวกับพระองค์ ก็ยังคงเฉิดฉาย ทั้งในรูปภาพ บทกวี รวมถึงงานศิลปะต่างๆ ก็มักนำเอาตัวท่านมาเป็นแบบเสมอ เพราะท่านถือได้กับความงดงาม และความรัก ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ศิลปะนั้นประสบความสำเร็จตลอดมานั่นเอง…
เรื่องราวในอนิเมะมหาศึกคนชนเทพ
ในส่วนของอนิเมะมหาศึกคนชนเทพ ก็ได้หยิบยกนำเอาประวัติของ เทพีอโฟรไดท์ นำมาตีความใหม่ และดีไซน์ตัวละครให้เป็นหนึ่งในตัวละครของเรื่อง โดยที่เทพีอโฟรไดท์จะค่อนข้างมีบทบาทหน้าที่ อยู่พอสมควร จะเห็นได้จากหลายเหตุการณ์ที่พระองค์มักมีส่วนร่วมอยู่เสมอ ทั้งยังเป็นตัวตั้งตัวตี ในทุกการโหวตที่เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของมนุษย์ ที่พระองค์มักที่จะโหวตให้ทำลายมนุษย์ทิ้งเสียทุกครั้งไป เพราะพระองค์ทรงเล็งเห็นแล้วว่า การที่ให้มนุษย์อยู่ต่อไปบนโลกนั้น รั้งแต่จะทำให้โลกที่สวยงามทรุดโทรมลงไป และมนุษย์ยังไม่มีการนับถือเทพเจ้าอย่างเช่นเคย กับอุทิศตัวไปกับวิทยาศาสตร์เพื่อสนองกิเลสตัวเองอีก เหตุผลเพียงเท่านี้ก็มากพอสำหรับพระองค์ที่จะตัดสินใจ โหวตทำลายมนุษย์ทิ้งเสียให้หมด
ถึงแม้เทพีจะเป็นเทพที่เกี่ยวกับความรัก แต่พระองค์ก็ทรงเลือกว่าใครนั้น คู่ควรกับความรักนี้เสียมากกว่า เทพีอโฟร์ไดท์ในอนิเมะมีรูปร่างที่สวยงาม มีสง่าราศี มาพร้อมกับบริวารคู่ใจ ที่จะคอยเป็นทั้งเก้าอี้ และพยุงปถุมทันที่ทะลักของพระองค์ไว้อยู่เสมอ อันจะเห็นได้ถึงพลังอำนาจที่พระองค์มีต่อบริวาร และความเจริญสมบูรณ์ที่เหมาะสมกับชื่อของพระองค์
พลังและความสามารถที่เทพีอโฟรไดท์ มีอยู่นั้น ในตอนนี้ยังไม่เปิดเผย แต่จากภาพที่เราเห็นว่าเทพีมักจะอยู่ดูการต่อสู้ ในส่วนของอัฒจันทร์ส่วนตัว ไม่เหมือนเทพองค์อื่นทั่วไป ก็อาจจะบอกได้ถึงตำแหน่ง และความแข็งแกร่งที่พระองค์มีอยู่ ที่น่าจะเหนือกว่าเทพทั่วไป อีกทั้งพระองค์ยังเคยหลุดแสดงพลังออกมา จนเกือบฟิวส์ขาด ในตอนที่ศากยมุณีลงต่อสู้ในคู่ที่หก ก็อาจจะบอกเป็นนัยได้ว่า แท้จริงเทพที่เราเห็นว่าสวย ที่ดูไม่น่าจะมีพิษ มีภัยอะไร กับแฝงไว้ด้วยพลังที่แข็งแกร่ง แต่สิ่งที่ถือว่าพระองค์คือเทพแห่งความรักอย่างแท้จริง คือความรักที่พระองค์พร้อมจะมอบให้แก่บุคคลที่พระองค์สนใจจริง โดยไม่สนว่าคนนั้นจะเป็นศัตรู อย่างตอนที่ต่อสู้กันในสนาม ถ้าถูกใจเทพีแล้ว ก็ไม่สนอะไรทั้งนั้นเลยจริงเชียว….
(เทพีอโฟรไดท์ ไม่ได้เป็นตัวแทนในการลงต่อสู้ในศึกแรคนาร็อก แต่ถึงแม้เทพีจะไม่ได้ลงแข่ง แต่เทพีก็มาดูการต่อสู้ทุกครั้ง และพร้อมจะมอบความรักที่พระองค์มีให้กับการต่อสู้ในทุกๆ นัดโดยไม่สนว่า คนผู้นั้นจะเป็นฝ่ายตัวเองหรือศัตรู ถ้าถูกใจแม่แล้ว แม่ก็ไม่สน..)
มหาศึกคนชนเทพ อโฟรไดท์ (Record of Ragnarok)
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun