คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่50
บทที่50 การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดถายในแดน
“การให้กำลังใจตัวเองเป็นเรื่องที่ดี เพราะเราสามารถทำมันได้ตลอดเวลา”
**อากาศเย็นลงขึ้นทุกที นี่พึ่งแค่6โมงเย็นเอง ในห้องเปิดพัดลมอยู่เพียงแค่สองตัวนั่นคือพัดลมเพดานเพื่อที่จะระบายอากาศให้มันถ่ายเทได้บ้าง เพราะว่าพวกเรานั่นสูบบุหรี่ในห้องนอน ถ้าจะไม่ให้เปิดพัดลมเลยก็คงจะไม่ไหว สำลักควันกันพอดี บรรยากาศในห้องนักโทษหลายคนจะเอาผ้าห่มขึ้นคลุมกายเพื่อให้คลายความหนาวลงไปได้บ้าง แต่ก็มีบางคนที่ดูแล้วเหมือนจะเป็นไข้ได้นอนเอาผ้าห่มคลุมโปง ส่วนผมกับไอ้แว่นได้โสร่งของบังดุลทำให้อุ่นไปได้เยอะทีเดียว บรรยากาศในตอนนี้มันช่างให้ความรู้สึกที่เหงาปนเศร้า
ผมไม่รู้นะครับว่าจะมีใครรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่า แต่สำหรับตัวผมหน้าหนาวทีไรผมมักจะรู้สึกแบบนี้ทุกที ทั้งที่ผมเป็นคนชอบอากาศเย็น เพราะว่าผมเป็นคนขี้ร้อน ถึงขนาดไม่ว่ากินอะไรที่มันมีรสชาติจัดๆ เหงื่อผมมักจะออกมาก เหมือนกับคนที่เพิ่งออกกำลังกายมาใหม่ๆ หรือไม่ว่าผมจะทำงานหรือทำอะไรก็ตาม ผมก็จะมีเหงื่อเยอะมากกว่าคนปกติทั่วไป ตัวผมถึงไม่ค่อยชอบหน้าร้อนผมชอบหน้าหนาวมากที่สุด แต่พอมาถึงหน้าหนาวมันก็ทำให้ผมรู้สึกเหงา เพราะบรรยากาศหน้าหนาวมันดูเงียบ สงบ ในความคิดของผมนะครับ และยิ่งต้องมาติดคุกอย่างนี้ด้วยแล้วความเหงามันก็เพิ่มมากขึ้น…**
เริ่มมีเสียงไอเสียงสั่งน้ำมูกดังมาให้ได้ยินเป็นระยะภายในห้องขัง มันชักจะไม่ดีซะแล้ว(ผมนึกในใจ) และทำไมผมถึงดูวิตกกังวลมากนะหรอ ก็เพราะผมกลัวว่าจะติดโรคอย่างไงล่ะ แต่ละคนมีภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่เท่ากัน บางคนอายุยังน้อยภูมิคุ้มกันก็จะแข็งแรงกว่าคนที่อายุมากเป็นธรรมดา แต่เราจะเอามาเปรียบเทียบกับในคุกไม่ได้หรอกครับ ในคุกมันเต็มไปด้วยเชื้อโรคทั้งขยะในแต่ละวันที่คนในคุกทิ้งกัน มันมีปริมาณที่เยอะมากเลยครับเมื่อเทียบกับจำนวนคน และความกว้างภายในแดน เปรียบได้กับข้างนอกก็เหมือนชุมชนแออัดดีๆนี้เอง ถ้าในแดนนี้ไม่มีหน้าที่โยธาแดน(คนทำความสะอาด)ตามจุดต่างๆขึ้นมา รับรองได้แค่วันเดียวก็พอ ขยะล้นคุกอย่างแน่นอน
และแบบนี้รางกายคนเราเจอเชื้อโรคอยู่ทุกวัน วันละนิดละหน่อยสะสมอยู่ในร่างกายเป็นปีๆ ภูมิคุ้มกันที่มีไว้ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายมันจะทนไหวได้อย่างไร ที่ผมกลัวก็เพราะว่าผมรู้ตัวเองดี ว่าร่างกายของผมมันไม่แข็งแรงเหมือนก่อน ผมคิดว่าผมติดคุกบ่อยร่างกายมันโดนทำลายไปทีละนิดๆ แถมผมก็ไม่ได้ออกกำลังกายมาเป็นสิบปีแล้วเห็นจะได้ ก็เลยทำให้ผมคิดเอาว่า ภูมิคุ้มกันในร่างกายของผมมันเริ่มน้อยลงแล้วแน่ๆ และไอ้คำว่าโรคระบาดมันก็เลือกไม่ได้นิครับว่าใครจะเป็นไม่เป็น ไข้หวัดใหญ่มันแค่โรคติดต่อที่คนข้างนอกเห็นว่าเป็นโรคที่ธรรมดา ไม่ได้ติดต่อง่ายดายอ่ะไร แต่ขอโทษทีถ้าหากมันเกิดขึ้นกับคนในคุกแล้ว จากโรคติดต่อที่ธรรมดาทั่วไปมันจะกลายเป็นโรคระบาดในทันที ในคุกนั้นมีอยู่หลายโรคด้วยกัน เช่น
1.โรคอีสุกอีใส. ในความเชื่อและความรู้ของเรานั้น โรคอีสุกอีใสใครเคยเป็นมาแล้ว ก็จะไม่สามารถเป็นอีกได้ คนนึงเป็นได้เพียงครั้งเดียว และส่วนมากโรคนี้มักจะเป็น หรือ เกิดขึ้นในเด็กเป็นส่วนมาก และผมเองก็เคยเป็นมาแล้วเมื่อตอนเด็ก ป.4 หรือ ป.5 จำไม่ได้ ซึ่งผมเป็นแล้ว และต่อไปก็จะไม่เป็นอีกใช่ไหมครับ แต่แล้วผมก็รู้ว่าสิ่งที่ผมเคยเข้าใจมาตลอดนั้นมันผิด ก็ในเมื่อผมต้องมาเป็นโรคอีสุกอีใส อีกครั้งในคุกเมื่อตอนปี 56
ซึ่งตอนที่ผมเข้ามาในแดนนี้ โรคอีสุกอีใสมันได้ระบาดหนักไปแล้วและกำลังจะหมดไป แต่ผมก็ดันกลับมาติดอีก ถึงแม้จะโชคร้าย แต่ก็ยังโชคดีกว่าหลายๆคนที่เป็นกัน นั้นก็คือ ผมมีตุ่มใสของโรคอีสุกอีใสขึ้นมาไม่มาก มีเพียงไม่กีตุ่มเท่านั้น เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ และอาการของไข้ก็เป็นเพียง2-3วันก็หาย ไข้ขึ้นสูงไม่มากคงจะเพราะว่าตอนเป็นวันแรก ผมกินยาพาราอัดเข้าไปอย่างต่อเนื่องทุกๆ4ช.ม แต่ผมฟังจากเพื่อนเล่าให้ฟังถึงตอนที่มันระบาดหนักตอนปลายปี55 ถึงขนาดต้องระเบิดห้องขังถึง 3 ห้อง ไว้รองรับพวกที่เป็น บางคนมีแผลขึ้นเต็มตัวถึงในปากในลิ้นเลยก็มี ยิ่งพวกที่น้ำเหลืองไม่ดีมาก่อนอยู่แล้วจะเป็นแผลได้ง่ายและลุกลามเร็วที่สุด
2.โรคตาแดง. โรคนี้จะเป็นกันง่ายมากและลุกลามได้ไวมากอีกด้วย เป็นโรคที่เกิดขึ้นประจำทุกปี แต่ความรุนแรงของโรคไม่มากเท่าอีสุกอีใส ถึงจะติดได้ไวแต่ก็หายไวเช่นกัน ส่วนมากมักจะเป็นกันตอนฤดูฝนและที่เป็นกันมากก็เพราะเวลาอาบน้ำรวมกัน บ่อน้ำจะเป็นบ่อน้ำขนาดยาว เวลาเราตักน้ำอาบน้ำชำระร่างกายบางส่วนก็ได้ไหลกลับเข้าไปในอ่าง พอคนนึงอาบเสร็จก็จะมีคนเข้ามาต่อทันที มันทำให้น้ำในอ่างมีแต่เชื้อโรค มันจึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เวลาจะอาบน้ำผมจะอาบน้ำตอนท้ายๆเสมอ ตอนที่น้ำในอ่างหมดแล้วเขาก็จะเปิดน้ำที่ก๊อกอาบน้ำ ผมก็จะเอาขันไปลองอาบทีละขันจนเสร็จ จะช่วยในเรื่องความสะอาดได้เยอะนะครับ
3.โรคหิด(ตะมอย) โรคยอดฮิตที่คนคุกมักจะเป็นกัน ติดต่อกันได้ง่ายโดยการสัมผัส ส่วนมากคนที่เป็นมักจะเป็นคนที่เป็นโรคน้ำเหลืองไม่ดีมาก่อนแล้ว เพราะโรคหิด(ตะมอย) มันจะเป็นตุ่มเล็กๆใสๆเหมือนกับแผลและมีอาการคันตามแผลอย่างมาก เวลาเกาแล้วตุ่มน้ำใส่ๆได้แตก มันก็จะลามขึ้นมาใหม่และถ้าเมื่อไรแผลที่เกามันเริ่มเจ็บระบมและอักเสบขึ้นมา จากแผลที่เป็นแค่หิดมันก็จะกลายเป็นแผลตะมอย สร้างความเจ็บปวดกับคนที่เป็นอย่างมาก
ส่วนมากมักจะขึ้นตามนิ้วมือ ง่ามมือ ฝ่ามือ แล้วก็ที่ขา นิ้วเท้า ง่ามเท้า หลังเท้าทั่วทั้งเท้า มันจะระบมปวดบวมเป็นอย่างมาก แล้วก็ยังคันอีกด้วย เป็นโรคที่ติดกันได้ตลอดปี และใครที่สัมผัสกับแผลนี้โดยตรงส่วนมากก็มักจะเริ่มเป็นหิดก่อนในอันดับแรก และถ้าไม่ทำการรักษาให้ดีหรือพยายามไม่เกามันได้ มันก็จะเป็นเพียงหิดเฉยๆ แต่คนส่วนใหญ่นั้นมักจะทนกับอาการคันไม่ไหว ก็เลยต้องเกา ยิ่งเกาก็ยิ่งมัน จะเลิกเกาก็ต่อเมื่อแผลมันเริ่มระบม แล้วมันก็จะกลายเป็นแผลตะมอยในที่สุด มักจะติดกันตอนนอน เพราะในเวลานอนมันจะเบียดกันพวกที่นอนขาไขว้กันจะเป็นกันมากที่สุด
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็ตาม ถ้าเราได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงที หรือมียาให้เรากินอย่างสม่ำเสมอ โรคต่างๆที่เป็นมันก็จะหายไปได้ไม่ยาก แต่มีสิ่งนึงที่มันขาดแคลนในคุกนั่นก็คือยารักษาโรค โรคติดต่อมันไม่สามารถปล่อยให้หายเองได้หรอกครับ ถ้าไม่มียากินควบคู่ไปด้วย มันจึงเป็นสาเหตุที่ให้โรคต่างๆได้ลุกลามแพร่ระบาดได้โดยง่าย และอีกอย่างตัวเรานั้นต้องรู้จักรักษาความสะอาดให้ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเรานั้นสะอาดมากที่สุด แต่คนส่วนใหญ่ในคุกมักจะละเลยในการดูแลรักษาความสะอาดให้ตัวเองเท่าที่ควร หลงลืมไปว่าเมื่อเราอยู่ในกลุ่มคนหมู่มากนั้น โรคต่างๆมันก็จะมากตามไปด้วย
แต่ก็อย่างว่าในคุกมันไม่ใช่บ้าน เราไม่สามารถทำอะไรตามที่เราต้องการได้ทุกอย่าง และคนในคุกบางคนหรือคนหมู่มากก็ไม่มีอภิสิทธิ์ที่จะสามารถทำอะไรได้ตามที่ต้องการ นอกจากพวกขาใหญ่ พวกมีหน้าที่ช่วยเจ้าหน้าที่อย่างพวกผม แต่ถ้าทางเรือนจำมียารักษาโรคที่มากพอ ปัญหาแบบนี้มันก็จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ทุกอย่างมันต้องสอดคล้องกันครับ ไม่ใช่ว่าเขาให้เรารักษาดูแลร่างกายตัวเอง ต่อให้มากขนาดไหน ถ้าเป็นขึ้นมาแล้วยังไม่มียาให้เรากินอีกมันก็ดูไร้ประโยชน์ครับ นี่แหละครับคือปัญหาใหญ่ที่ทำให้มีโรคระบาด นั้นคือยาไม่พอนั่นเอง
ผมสะดุ้งตื่นมาเมื่อตอน 02:00 น กว่า ๆ ที่ตื่นมาก็เพราะมีลมหนาวได้พัดเข้ามาปะทะกับร่างกายโดยตรง ลมนี้มันช่างหนาวเย็นเหลือเกิน ร่างกายผมขนลุกซู่กับความหนาวนี้ ที่สามารถทะลุทั้งโสร่งและผ้าห่มที่ผมคลุมโปงอยู่ได้ มันหนักหน่วงและรุนแรงมากทีเดียว และผมก็ได้ยินเสียงของไอ้แว่นพูดผ่านผ้าห่มที่มันคลุมโปรงอยู่ว่า “หนาวจังเลยพี่ใหญ่ ทำไมมันหนาวอย่างนี้วะ “ ไอ้แว่นพูดบ่นขึ้นมาด้วยปากคอที่สั่นเทากับผม “พี่ใหญ่ผมคิดว่าผมเริ่มจะไม่สบายแล้วว่ะพี่ มันหนาวมากแล้วก็คั่นเนื้อคั่นตัวเหลือเกิน ” ไอ้แว่นบอกกับผม ว่ามันเริ่มจะป่วย
ผมนั้นรีบตื่นลุกขึ้นมาดูมันโดยทันใด และก็เอามือมาสัมผัสที่หน้าผากมัน มันจึงทำให้ผมรู้ว่า ตัวของมันนั้นเริ่มร้อนขึ้นมามากแล้ว “ชิบหายแล้วไอ้แว่น..มึงเป็นไข้ไม่สบายแล้วล่ะ นี่มึงพึ่งมาเป็น หรือว่าเริ่มเป็นตั้งแต่ก่อนขึ้นห้องแล้วเนี่ย..” ผมถามกับมัน แล้วคำตอบที่ผมได้รับทำให้ผมโมโหมันมาก “ผมรู้สึกไม่ค่อยดีมาตั้งแต่ก่อนขึ้นห้องแล้วพี่ แต่มันก็แค่นิดเดียว ผมเลยคิดว่าไม่เป็นไร มันก็แค่ปวดเมื่อย ตัวก็ยังไม่ร้อนแค่หนาวนิดหน่อยเอง ผมก็คิดว่าอาบน้ำสระผมก็น่าจะหาย “ ไอ้แว่นได้ตอบผม
“แล้วมึงได้กินยาดักไว้หรือเปล่า” ผมถาม “เปล่าเลยพี่่ ก็มันไม่มียาให้กินครับ ” ได้ฟังดังนั้นผมก็บ่นใส่มันไปว่า “แล้วทำไมไม่บอก กูจะได้ไปซื้อมาให้กิน เงินก็มีและตอนนี้มันยังหาซื้อยาได้อยู่ มึงไม่รู้หรอ ถ้ามันกลายเป็นโรคระบาดมาเมื่อไหร่ มันหายยากกู! เคยเห็นมาแล้ว มึงเชื่อกูเหอะว่ายามันก็จะไม่มีให้กิน และต่อให้มึงมีเงินซื้อยามากขนาดไหน มึงก็หาซื้อไม่ได้ แล้วคนในคุกมันก็จะเป็นกันเยอะ
ถ้ามึงได้เห็นมึงจะตกใจ เอาไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้กูลงไปหาซื้อยามาให้ ซื้อแม่ง 4-5 ซองไปเลยเก็บไว้ เงินเราก็มี มึงเป็นอะไรมึงต้องบอกกูเข้าใจไหม อย่าเงียบ ทำตัวเหมือนคนไม่มีไปได้ ทุกวันนี้ที่เก็บที่หาก็เพื่อจะได้มีกินมีใช้กันไม่ได้อดมื้อกินมื้อ กูบอกเลยว่ากูไม่เคยคิดจะเก็บเงินในนี้ ไปใช้ข้างนอกหรอกมึงจำไว้ ” ผมอธิบายให้มันฟัง พร้อมกับโยนผ้าขนหนูผืนเล็กที่ไอ้แว่นใช้เช็ดตัวบนห้องไปให้แท็กซี่ในห้อง เพื่อที่ให้พวกมันชุบน้ำและโยนขึ้นมาให้ผมเช็ดตัวให้ไอ้แว่น บรรเทาอาการไข้ของมันให้ลดลงบ้าง
“ตอนนี้ก็ทำได้เท่านี้แหละว่ะ เผื่อไข้มันจะลดลงบ้าง บางทีเช้านี้มึงจะได้ไม่ต้องเป็นหนัก “ผมได้บอกกับมันให้อดทน แล้วก็เช็ดตัวมันอยู่เรื่อยๆ แล้วไอ้อ๊อฟก็เรียกผม ผมจึงหันไปหามัน “เอานี่ไอ้ใหญ่..ให้มันกิน กูมีพาราเหลืออยู่ แล้วก็ไม่บอกถ้ากูไม่ตื่นมาได้ยินมึงคุยกูก็คงไม่รู้ ให้มันรีบกินซะ เดี๋ยวมันจะเป็นหนัก แล้วเอามาติดมึงกับกู 2คนจะยุ่งกันใหญ” ไอ้อ๊อฟได้ยินผมกะไอ้แว่นคุยกัน มันจึงลุกขึ้นมาหยิบยาพาราเซตามอลในกระเป๋ายื่นให้ผม 2 เม็ด
“แล้วทีหลังมึงเป็นอะไร ก็รีบบอกกันตั้งแต่ข้างล่างไม่ใช่มาบอกบนห้อง มึงจำไว้เลยนะไอ้แว่น อยู่บนห้องมันทำอะไรไม่ได้ จะกดกริ่งเรียกพี่ให้ขึ้นมาดู กับไอ้แค่เรื่องไข้หวัดเนี่ยมันกดไม่ได้หรอก เดี๋ยวพาให้หัวหน้าห้องโดนด่าไปด้วย และนี่อีก 2 เม็ด ใหญ่..เผื่อตอนเช้ามึงยังหาซื้อยาไม่ได้ ” ไอ้อ๊อฟได้หันมาคุยกะไอ้แว่นแล้วบอกมันถึงเหตุผลต่างๆ พร้อมกับยื่นยาให้ผมอีก 2 เม็ดเป็น 4 เม็ด นี่แหละครับผลของการมีเพื่อน เพราะคุณไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ในคุกหรอกครับ เราต้องมีเพื่อนฝูงไว้เพื่อพึ่งพาอาศัยกัน เวลาเรามีหรือไม่มีก็ตาม เผื่อเราเดือดร้อนจะได้ช่วยเหลือกันได้ เพราะคำว่าน้ำใจซึ่งกันและกันในคุก มันยิ่งใหญ่มากครับ
“ขอบคุณมากเลยอ๊อฟไม่ได้มึงช่วยมันคงแย่ เดี๋ยวไงกูหาซื้อได้เมื่อไหร่ จะเอามาคืนมึงแล้วกัน ” ผมได้ขอบคุณมันถึงน้ำใจที่มันได้มีให้ ” มึงไม่ต้องมาคืนกูหรอก เรื่องเล็กน้อยน่าไอ้ใหญ่..ทำเหมือนกับกูไม่ใช่เพื่อนมึง มึงไม่ใช่เพื่อนกูไปได้ กูนอนละ ” พูดจบไอ้อ๊อฟก็ได้ทิ้งตัวลงนอนหลับต่อ “แว่นลุกขึ้นมากินยาก่อนกินก่อน 2 เม็ด ” ผมเรียกไอ้แว่นให้ลุกขึ้นมากินยามันพยายามพยุงตัวขึ้นมา ผมดูอาการแล้วน่าจะหนักน่าดู
“ทีหน้าทีหลังมึงบอกกูก่อนขึ้นห้องนะว่าเป็นอะไรไหม ดีนะที่ไอ้อ๊อฟมันมียาไม่งั้นกูเช็ดตัวให้มึงทั้งคืนเป็นแน่ ” ผมพูดย้ำบอกกับมันอีกครั้ง “ครับพี่ใหญ่..ผมขอโทษทีครับพี่ ” มันขอโทษผมแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนต่อไป ผมดูนาฬิกาอีกทีนี่ก็ 3:00 นแล้ว ลมยังแรงอากาศยังหนาวมากอยู่เลย
ผมมองไปยังท้ายบล็อกที่แทกซี่นั่งกันอยู่ แต่ละคนเอาผ้าห่มมาคุมกันทุกคน และผมก็ได้มองสังเกตลงไปด้านล่างก็เห็นหลายคนอยู่ที่เริ่มเป็นไข้กันแล้ว ‘สุดแล้วแต่เวรแต่กรรมแล้วกันวะ’ ผมได้แต่นึกเห็นใจอยู่ในใจ…แล้วผมก็ทิ้งตัวลงนอนคลุมโปงต่อ บรรยากาศแบบนี้ช่างทำให้นึกถึงบ้านเสียจริงๆ แล้วนิทราแห่งความหนาวเหน็บก็ผ่านไป…
นี่เพียงแค่วันแรกและคืนแรกเท่านั้น เช้านี้มันต้องมีอะไรที่หนักกว่าวันนี้เป็นแน่ จะเป็นยังไงนั้นติดตามตอนต่อไปครับ..สวัสดี…( โปรดติดตามตอนต่อไป) ” หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ “# คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่50
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun