อาหารเสริม คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานนอกเหนือจากการทานอาหารมื้อหลักตามปกติ โดยมีส่วนประกอบของวิตามิน เกลือแร่ และสารอาหารต่างๆ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่ยา จึงไม่มีผลในการรักษาโรคโดยตรง เหมาะกับการใช้สำหรับบุคคลทั่วไปที่ทานเพื่อต้องการดูแลสุขภาพ ไม่เหมาะกับผู้ป่วย
เพราะว่าการใช้ชีวิตที่เร่งรีบและไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง เป็นสาเหตุทำให้ใครหลายคนละเลยเรื่องอาหารการกิน จนต้องพึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อทดแทนสารอาหารที่รับประทานไม่เพียงพอในแต่ละวัน ทำให้วิตามินและอาหารเสริมเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของหลายคนมากขึ้น สังเกตได้จากมีวิตามิน และอาหารเสริมออกมาจำหน่ายมากมายหลากหลายยี่ห้อในท้องตลาด
วิตามิน และ อาหารเสริม มีสรรพคุณในการช่วยดูแลบำรุงแตกต่างกันไป เช่น บำรุงสมอง บำรุงระบบประสาท บำรุงเล็บและผม บางตัวช่วยเสริมธาตุอาหารที่ร่างกายขาดไป
ฟังดูแล้วดูเหมือนจะมีแต่ประโยชน์ แต่นอกจากช่วยบำรุงแล้ว วิตามินและอาหารเสริมเหล่านี้ยังส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้ เพราะถ้าหากกินแบบไม่ถูกวิธี ก็สามารถเป็นโทษต่อร่างกายได้เช่นกัน
ทำให้ตับทำงานหนักขึ้น หากผลิตวิตามินและอาหารเสริมมาแบบไม่ได้มาตรฐาน แน่นอนก็คือจะต้องมีสารเคมีปะปนมาด้วย ซึ่งหากกินวิตามินและอาหารเสริมเหล่านี้มากๆ ก็จะทำให้ร่างกายได้รับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว ปล่อยไว้นาน ตับก็จะยิ่งทำงานหนักขึ้น เพราะต้องกรองสารอาหารที่จำเป็น ไปพร้อมๆกับกำจัดของเสียสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้ตับและไตเสื่อมไวขึ้นนั่นเอง
ทำให้โรคประจำตัวกำเริบ การรับประทานอาหารเสริมโดยขาดความรู้ อาจทำให้ก่อเกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะกับคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เพราะว่าอาหารเสริมบางชนิดไม่ถูกกับโรคบางโรค เช่น วิตามินซี ที่มีผลกระทบทำให้เลือดแข็งตัวช้า และยังเร่งให้เม็ดเลือดแดงแตกได้ง่าย จึงเป็นอันตรายกับผู้ป่วยในกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือดแดง โสม ที่ไม่เหมาะกับคนเป็นโรคความดันโลหิตสูง เพราะทำให้เส้นเลือดบีบตัวแรงขึ้น น้ำมันปลา ที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน หรืออาหารเสริมแบบชงละลายน้ำในปริมาณมากและอาหารโซเดียมสูง ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจ เพราะทำให้ประสิทธิภาพของหัวใจด้านขวาทำงานด้อยลง อาจเกิดอาการขาบวมได้
ต้องทานอาหารเสริมตามคำแนะนำที่ฉลากข้างผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด เพราะว่าอาหารเสริมแต่ละชนิดมีวิธีการทานไม่เหมือนกัน ดังนั้นควรอ่านฉลากบรรจุภัณฑ์อย่างละเอียดก่อนทานเสมอ หากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ เพราะวิตามินบางอย่างแพทย์ไม่แนะนำให้รับประทาน
หากต้องการรับประทานวิตามิน ให้เลือกวิตามินที่ละลายในน้ำได้ดี เช่น วิตามินซี วิตามินบี หรือโฟเลต เพราะร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่าย ไม่มีการสะสมตกค้าง จึงไม่ทำให้ตับหรือไตต้องทำงานหนักมากเกินไป
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถรับประทานได้เลย เพราะถ้าหากทานแบบถูกวิธี ก็สามารถทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ quotesaboutsmile