คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่9
บทที่. 9 ที่เดิม ไม่เหมือนเก่า
” ยามขึ้นอย่าหลง ยามลงอย่าท้อเพราะว่าท้อ มัน มีไว้ให้ลิงถือ..”
**เมื่อได้ทำการตรวจค้นอย่าง ระเอียดทั้งที่หน้าฝ่ายและในแดนเสร็จแล้ว ผมได้มานั้งสูบยาเส้นที่ข้างโรงเลี้ยงเพื่อ รอเวลาขึ้นห้อง และได้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดถึงเรื่องข้างนอก ว่า ตอนนี้เวลานี้ กูทำอะไรอยู่ ก่อนที่จะมี เสียงเรียก ดึงสติให้กลับมาสู้ความเป็นจริง**
พอได้เห็น สภาพประชากร ในห้องพิเศษของแดนแรกรับ ขนาดห้องที่ใหญุ่ กับดูเล็กลงไป เมื่อเทียบกับจำนวนคนในห้อง ผมได้หันไปมองป้ายหน้าห้องที่ได้บอกจำนวนคน ด้วยหมึกสีแดง 238คน ขนาดห้องแค่200คน ก็ เต็มกลืนแล้ว ” ดีนะกู ที่เจอบังยู ไม่งั้นกูจะมีที่นอนไหมเนี้ย ” ผมนึกโชคดีอยู่ในใจ” เป็นไงละแน่นขนาดไหน ต้องเห็นเองถึงเข้าใจ บอกแล้ว ”ใจร้อน นอน ที่แคบ ” บังยูพูดกับผม ก่อนที่เราจะนับยอดเช็คยอดตอนเข้าห้องต่อไป แถมแซวผมทิ้งท้ายอีก ” ใจร้อน นอนที่แคบ” หึ…หึ..ช่างสันหาคำมาพูดกันจริงๆ
หลังจากนับยอดห้องเสร็จแล้ว เด็กที่เข้ามาใหม่วันนี้ ก็ต้องมาทำประวัติเข้าใหม่อีก ผมซึ้งตอนนี้ง่วงไม่ไหวแล้วเลย ลุกเดินไปหาบังยูที่ปูที่นอน รอให้ผมไปนอนอย่างรู้ใจ. แก่เข้าใจหัวอกคนน็อค เพราะ ขาดยาเป็นอย่างดี แต่แล้ว ก็มีเสียงเบรคดังขึ้นมากระทบหู พาให้อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาอย่างเฉียบผลัน ” เฮ้ย!!มึงเดินไปไหน กุบอกให้มาทำประวัติ และ รอกุอบรมก่อน ” เด็กวัยรุ่นอายุประมาณ24-25 ที่ทำหน้าที่กรอกประวัติคนใหม่ มันคงเป็นลูกกระโปกของเสมียนห้อง ซึ่งตอนนี้นอนพิงกำแพงหน้าห้องมองดูอยู่ โดยมีกระโปกอีกข้างนั่งนวดขามันอยู่ ผมหันกับมาอย่างไว “ท่อดัง..หรอมึงอ่ะ..สัสมึงเรียกใครมึงกู” ผมปรี่เขาไปหา อย่างไว ด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด
เพราะความที่ง่วงอยู่เป็นทุนเดิม ไอ้เด็กเหี้ย..ท่อดัง มี สีหน้าเหวอ อย่างเห็นได้ชัด มันทิ้งสมุดห้องที่กำลังทำประวัติอยู่ แล้ว รีบกระโจนไปหาลูกพี่ของมันอย่างไว มันคงไม่เคยเจอ อะไรอย่างนี้ละมั่ง *ไอ้หนึ่ง* หัวหน้าห้อง และ พ่อบ้านใหญ่ ซึ่งมันเนี้ยแหละ ที่ยกบ้านตะลุมบอล กับ พี่เล็กที่แดนนู้น มาก่อน
ตอนนี้ได้ยืนอยู่ข้างๆผมมาก่อนตั้งนานแล้ว โดยที่ผมก็ไม่ได้สังเกตุ เอื้มมือคว้าไหลของผมไว้ทัน ก่อนที่อีกไม่ถึง3ก้าว ส้นตีนของผม คงจะได้ไป ประทับที่หน้ามันเป็นแน่” ใหญ่..ใหญ่! ใจเย็น เราขอ นะเด็กมันไม่รู้ อย่าถือสาเลย ” หัวหน้าห้องพูด แต่มือก็ยังรั้งผมเอาไว้
ผมจึงพูดออกมาว่า “ เราก็ไม่อยากจะอะไรมากหรอก เพื่อน เรานั้นอยู่ตรงหน้ามันแท้ๆ กลับไม่ทำให้ ไปทำไอ้คนข้างเราก่อน เหมือนแกล้งมองไม่เห็น กูอุสาไม่คิดอะไร แต่ อาการกูแย่ กูจะน็อค สัสมึงไม่เห็นหรอ” ผมหันไปพูดกับมัน ..เงียบ…มันไม่พูดอะไร ก้มหน้าอย่างเดียว แต่เท่าที่ผมมองคนที่มีอาการคงจะ ไม่พ้นเสมียนห้อง ลูกพี่ของมัน ที่ มองจ้องหน้าผมอยู่เป็นนาน ผมก็เลยมองหน้ามันกลับไป
แล้ว พูดด้วยน้ำเสียงที่ปรกติไปว่า ” มองหน้าผม ติดเรื่องอะไรกลับผมรึเปล่า สะกิดกูได้นะ เดี่ยวๆ กับมึงอ่ะ อย่ามองแบบนี้ แล้ว มาลักทำกูที่หลัง มันไม่ดี ลูกกระหรี่เขาทำกัน”
บอกตามตรง ผมไม่เคยรู้จักมันมาก่อนเลย (มารู้ที่หลังว่า ชื่อโลมา) เห็นแม่งสักคิ้วเป็นรูปปลาโลมา
และ อีกอย่าง ผมไม่ได้อยากจะแรงหรอกครับ แต่สถานการณ์พาไป คนมองเป็นร้อย เสียไม่ได้ ไอ้โลมาเสมียนห้องทำถ้าจะลุกขึ้น เพื่อติดเรื่อง แต่แล้วก็ต้อง หยุด เมื่อเสียง เสียงหนึ่ง ตะโกนสั่งให้หยุด ” โลมา มึง หยุดแล้วนั่งลง เดี๋ยวก็เรื่องยาวไม่จบสักที ” บังจู รุ่นใหญ่ทรงดี ที่ทุกคนในแดนเคารพ เกรงใจ พูดสั่งโลมา เสมียนห้อง แต่สุดท้ายก็เป็นไอ้หนึ่ง หัวหน้าห้อง ที่เป็นคนตัดสินใจทั้งหมด” ใหญ่ไปนอนเลยเพื่อน พรุ่งนี้ค่อยมาทำที่หลัง “ เอ๊า!!แยกย้าย จบ
กุจะพักผ่อน พอหัวหน้าห้องพูดจบ ผมเลยหันหลังกลับจะเดินไปที่นอน ก็ป๊ะหน้ากับบังยู ที่ยืนเป็นกองหนุนให้ผมตั้งแต่เมือไหรไม่รู้ ไม่มีคำพูดออกมาจากปากคนทั้งสอง แค่ มองตาก็รู้ใจ * เพื่อนแท้ ไม่ต้องพูดอะไรกันมากมาย ดูอย่างบังยู ผมเคยบอกก่อนแล้วว่า เป็นมิตรแท้ที่หน้าคบคนหนึ่ง * ผมยิ้มให้กับบัง ก่อน ทิ้งตัวลงนอน แล้ว ก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
แถว!! เสียงดังลั่นเป็นสัญญาณ ปลุก ให้ทุกคนตื่น
เก็บที่นอนแล้ว นั้งรอเจ้าหน้าที่มาเช็คยอด ก่อนออกจากห้อง.. ผมงง กับ ตัวเองที่หลับรวดเดียวยันเช้า ไม่รู้ตัวเลย สักนิดก็ไม่มี หันมองนาฬิกาหน้าห้อง ที่บอกเวลา ตี 5.45 น.ในขณะนี้ถ้าอยู่ข้างนอก คงยังไม่ได้นอน หรือ ถ้านอนก็คงไม่ตื่น ผมมองดูสภาพพวกคนใหม่ ที่รอจำแนก และ ที่เข้ามาใหม่ทั้งอาทิตย์นี้ มันมีมากเกินกว่าที่จะนอนกันพอ สำหรับสองแถว ที่ ในห้องนี้เตรียมไว้ให้ ” มันนอนกันพอได้ไงว่ะ ” ผมพูด ลอยๆออกไป แต่บังยู
แก่คงได้ยินและคิดว่าผมคุยกับแก ก็ เลยพูดขึ้นมาว่า ” นอนซ้อนทับๆกันไป ความง่วงมันทำให้นอนกันได้ ” ผมฟังที่บังพูด และ มองไปยังไอ้แว่น เด็กน้อยที่เข้ามาพร้อมผม ได้เห็นสีหน้า และ สภาพมันแล้ว ก็ พอเดาได้ว่า มันนั้นแทบไม่ได้นอนเลย ทำให้ผมนึกถึงว่า ถ้ามันยังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ถ้ายังเป็นแบบนี้ มันคงรอดอยาก คงจะแย่ ถ้ามีพวกก็ยังดี แต่ ถ้าตัวคนเดียวไม่มีใครรู้จัก มึงคาเชือกแน่นอน หลักการ การติดคุกมี ไม่กี่อย่าง หรอกครับ จง…ตื่นตัว แต่ อย่าตื่นเต้น อย่าแสดงความ อ่อนแอให้ใครรู้ อย่าเป็นหนี้ใครโดยไม่จำเป็น จงจำไว้ว่า ของ ฟรีไม่ได้มีในคุก ถ้าสามารถยึดหลักที่ผมได้กล่าวได้หมด รับรองคุณอยู่คุก ไหนๆได้ทั้งนั้น
6.15 น. ผู้คุมได้เดินมาเช็คยอด เสร็จ ก็ได้เปิดประตูห้องขัง ให้บรรดานักโทษในห้อง ออกมาทำธุระส่วนตัว ทุกคนต่างรีบเร่ง บ้างก็เข้าบล็อคขี้ ไปจองอ่างซักผ้า แล้ว ก็อาบน้ำ ก็ มีเย่อะในฐานะที่เป็นห้องแรกที่ได้ลงจากขังก่อนห้องอื่น ทำให้ไม่ต้องแย่งหรือ เบียดเสียดกัน ถึงแม้มันจะเป็นเวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ตาม มันก็มากพอที่จะทำอะไรเสร็จ ก่อนคนอื่น ส่วนนักโทษที่มีหน้าที่ ต้องรับผิดชอบ ทั้งหน้าประตู
ทั้งโรงเลี้ยง พวกออกหน้าฝ่าย ต่างก็เตรียมตัวทำงานกันก่อน คนอื่นๆ เด็กหน้าฝ่าย ไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัวนอกแดน พวกที่อยู่หน้าประตู ก็ต้องไปอยู่หน้าประตูแดนกันก่อน เพื่อ เตรียมชงกาแฟ ให้นายที่เข้าเวร ทำความสะอาด เก็บที่นอนของเจ้าหน้าที่ ที่เข้าเวรกลางคืน ให้เรียบร้อย ส่วนพวกที่อยู่โรงเลี้ยงนั้น ต้องรีบเตรียมถ้วยจาน ออกไปเอาข้าวเอาแกง อาหารเช้าของนักโทษทั้งแดน ที่โรงครัว เพื่อจัดเตรียม ให้พวกที่กินข้าวรอบแรก กินก่อน คือพวก แก่ ชรา พิการ ป่วย ก่อนเป็นชุดแรก และ เหลืออีก 2 ชุด ที่รอกิน รอบสอง เป็นพวกที่เข้ากินโรงเลี้ยงประจำ
ส่วนรอบสาม เรียกว่ารอบบ้าน จะกินกันหลังจาก เข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จเรียบร้อยก่อน ยามเช้านั้นเป็นอะไรที่ดูวุ่นวายที่สุด ยิ่งนักโทษมากเกินไป ปัญหาต่างๆมันก็มากตามไปด้วย วุ่นวายไม่มีวันหยุด ” ผมเองนั้น ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง นั้งมองดู ความวุ่นวายภายในแดน อย่างเงียบๆคนเดียว” เพื่อรอเวลา ที่ จะได้เจอกับ “เล็กลาย” อดีตหัวหน้าแก็ค สิบเบี้ย ที่ต้องโทษคดีฆ่าคนตาย ที่ไม่ได้เจอหน้ากันร่วม สิบ ปี…..”
( โปรดติดตาม ตอนต่อไป ) “หมีขาว ขั่ว โลกเหนือ”
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending