ปธน.อัฟกานิสถานเผ่น! หลังจาก กลุ่มตาลีบันบุกเข้ายึดเมืองหลวงคาบูลสำเร็จ!!
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมานี่เอง ได้มีข่าวการเคลื่อนกำลังพลเข้าประชิดกรุงคาบูล ของกลุ่มตาลีบันจากทุกทิศทุกทาง มีเสียงการโจมตี ปะทะกัน ระหว่าง ทหารฝ่ายรัฐบาลอัฟกาฯ กับ กลุ่มตาลีบัน ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ ปธน. อัฟกานิสถาน นาย อัชราฟ กานี ได้ขอลี้ภัยไปต่างประเทศ เชื่อกันว่าลี้ภัยไปยังประเทศทาจิสถาน รวมถึงคนสนิท และ เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคน ได้เลือกที่จะติดตามหรือไม่ก็ละทิ้งกรุงคาบูลไปก่อนหน้านี้แล้ว
จนเข้าสู่วันที่ 16 ส.ค. สำนักข่าวท้องถิ่น ร่วมถึงสื่อข่าวต่างประเทศ ได้รายงานตรงกันว่า ปธน.อัชราฟ กานีของอัฟกานิสถาน ได้หนีออกจากกรุงคาบูลไปเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้ในเวลาต่อมา ทั้งทหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่ ต่างรีบหนีตายกันออกจากกรุงคาบูล จึงทำให้สถานการณ์ในกรุงคาบูลวิกฤตอย่างหนัก ทำให้ทั่วทุกที่ในเมืองเกิดความโกลาหล โดยเฉพาะสนามบินในกรุงคาบูล ที่ต่างอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่ต้องการจะหลบหนีออกจากประเทศ ส่วนมากจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานให้กับรัฐบาล โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก ที่มีจำนวนมากในกลุ่มผู้อพยพที่ต้องการออกจากประเทศ
ในเวลาเดียวกันนี่เอง ทางด้านโฆษกกลุ่มตาลีบัน นายมูฮัมหมัด นาอิม ได้ออกมาทวีตข้อความ รวมถึงประกาศชัยชนะ โดยมีภาพปรากฎในสื่อมากมาย ที่จะเห็นผู้นำกลุ่มตาลีบันนั่งอยู่ในห้องของปธน.อัฟกานิสถาน พร้อมทั้งเหล่านักรบที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา ทั้งนี้ ได้มีการประกาศให้ประชาชนชาวอัฟกันทั้งหลายอยู่ในความสงบ
กลุ่มตาลีบันไม่มีนโยบายที่จะทำอันตรายแก่ประชาชนชาวอัฟกันเป็นอันขาด รวมทั้งยืนยันว่าจะไม่มีการโจมตีสถานทูตของต่างชาติที่อยู่ในประเทศ และห้ามไม่ให้นักรบตาลีบันทำร้ายคนต่างชาติเป็นอันขาด พร้อมกับให้คำมั่นว่า จะรักษาความปลอดภัยทั่วทั้งอัฟกานิสถาน โดยย้ำว่าภารกิจของกลุ่มตาลีบันคือการรักษาความปลอดภัยในกรุงคาบูลและเมืองอื่นๆของประเทศเท่านั้น
ทางด้านสถานทูตสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศให้พลเรือนและกลุ่มที่ถูกเลือกให้ลี้ภัยไปยังสหรัฐฯ ให้เตรียมตัวและหลบอยู่ในที่อยู่อาศัย เพื่อรอการอพยพต่อไป ในเวลาไม่นาน ได้มีผู้บันทึกภาพเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯได้เข้ามาเพื่ออพยพเจ้าหน้าที่ และ พลเรือนอัฟกาฯที่ได้รับสิทธิ์ลี้ภัยไปยังสหรัฐฯ บินเข้าออกกรุงคาบูลอยู่หลายลำ ไม่ใช่เพียงสหรัฐฯเท่านั้นที่อพยพ แต่ยังรวมถึงหลายประเทศในยุโรปไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ ฝรั่งเศส ก็ได้เร่งอพยพเจ้าหน้าที่ของตนอย่างเป็นการเร่งด่วน ยกเว้นเพียงแต่ เจ้าหน้าที่ทูตของรัสเซีย ที่ให้คงอยู่และปฎิบัติหน้าที่ต่อไป
ในช่วงสายของวันเดียวกัน ทางด้าน อดีตปธน.อัฟกาฯ นายกานี ได้ออกมาทวีตข้อความว่า ที่เขาได้หลบหนีออกมาจากประเทศนั้น มีเหตุผลที่ไม่ต้องการให้ประชาชนชาวอัฟกันทุกคนต้องหลั่งเลือด และไม่อยากให้ความรุนแรงลุกลามไปมากกว่านี้ เขาจึงเลือกที่จะหนี เพื่อยุติความรุนแรง
ไม่นานหลังจากอดีตปธน.ได้ทวีตข้อความ ได้มีชาวอัฟกานิสถานจำนวนมาก เข้ามาต่อว่าอดีตปธน.คนนี้อย่างดุเดือด ว่าเขาเป็นไอ้ขี้ขลาดที่หนีเพื่อเอาตัวเองรอด โดยไม่สนใจชีวิตของประชาชนคนอื่นเลยว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งที่ ก่อนหน้านี้ เขาได้ออกมาประกาศให้ทุกคนเชื่อใจว่า กองทัพรัฐบาลจะไม่ยอมให้กลุ่มตาลีบันกลับมามีอำนาจเหมือนเก่า และเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งประชาชนอย่างเด็ดขาด! ซึ่งสวนทางจากการปฎิบัติของเขาอย่างชัดเจน
หลังจากนั้นได้มีอดีตเจ้าหน้าที่ของนายกานี ได้ออกมาแฉว่า นายกานีได้ยักยอกเงินที่ใช้ในการฟื้นฟูประเทศ ถ่ายโอนออกไปยังดูไบหมดแล้ว ซึ่งข่าวลือที่ออกมา สร้างความโกรธแค้นให้แก่ประชาชนชาวอัฟกันฯ ประจวบที่ตอนนี้กลุ่มตาลีบันบุกยึดเมืองได้แล้ว จึงได้มีภาพบ้านของอดีตปธน.ที่ภายในตกแต่ง ประดับ ประดาด้วยสิ่งของที่มีค่ามากมาย รวมถึงของใช้ที่ฟุ่มเฟือยอีกหลายอย่าง ซึ่งสวนทางกับการเป็นอยู่ของประชาชนชาวอัฟกัน
ต่อมาจึงมีประชาชนบางส่วนที่ออกมาต้อนรับการมาของกลุ่มตาลีบัน และแปรพักตร์เข้าร่วมกลุ่มตาลีบันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังโห่ไล่กลุ่มทหารของรัฐบาล จนเกิดเหตุประทะกัน ระห่างเจ้าหน้าที่และพลเรือน โดยพลเรือนกลุ่มหนึ่ง ได้ทำการเขวี้ยงหินไล่กลุ่มรถเจ้าหน้าที่รัฐบาล รวมถึงรถทหาร ให้ออกไปจากเมือง
ถึงแม้จะมีประชาชนที่ย้ายมาสนับสนุนกลุ่มตาลีบัน แต่ก็ยังมีประชาชนอีกจำนวนมาก ที่เลือกจะหนีออกจากประเทศ เพราะพวกเขากลัวระบบการปกครองของกลุ่มตาลีบัน ที่จำกัดสิทธิเสรีภาพ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ห้ามทำอะไรเลย นอกเสียจากงานในบ้านเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์นี้เคยเกิดกับพวกเธอมาแล้ว ในช่วงตาลีบันเรืองอำนาจ ระหว่างปี 1996-2001 นับเป็นฝันร้ายของผู้หญิงอัฟกาฯในยุคนั้น ส่งผลให้พวกเขาตอนนี้ ขอเลือกที่จะไปตายเอาดาบหน้ามากเสียอยู่ให้ตาลีบันปกครอง…
รูปเหตุการณ์ภายในกรุงคาบูล
#ปธน.อัฟกานิสถานเผ่น! หลังจากกลุ่มตาลีบันบุกเข้ายึดเมืองหลวงคาบูลสำเร็จ!!
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ quotesaboutsmile