คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่59
บทที่59 การตรวจค้นจู่โจมก่อนวันหยุดยาว
“ที่ปรึกษาทำได้แค่ชี้ทาง ส่วนคนที่เดินไปตามทางนั้น คือตัวคุณเอง”
** สวัสดี..ทักทายพี่ๆ น้องๆ คุณผู้อ่านทุกท่าน หลังจากที่ผู้เขียนต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมบ้านเป็นเวลาประมาณเกือบ 3 อาทิตย์เต็ม ๆ แต่ในตอนนี้นั้นน้ำได้ลดลงแล้ว เกือบจะเข้าสู่ภาวะปกติซึ่งมันก็หมายความว่า นี่กูต้องเหนื่อยอีกแล้วหรือนี่! ไอ้ความรู้สึกในตอนที่ยกของหนีน้ำท่วม มันยังรู้สึกเหนื่อยอยู่เลย นี่กูต้องยกของลงอีกแล้วหรอ.. อีกไหนจะต้องทำความสะอาดบ้าน ซึ่งมันก็มีทั้งคราบตะไคร่ที่จับอยู่ตามผนัง(ถ้าบ้านใครน้ำเคยท่วมจะรู้ดี) อีกทั้งขยะและของที่เสียหาย และจากที่ผู้เขียนคาดคะเนดูแล้วน่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วันในการทำความสะอาดบ้านให้กลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิม
บอกตามตรงเหนื่อยนะ แต่ก็ไม่อยากเสียเงินจ้างคนมาทำความสะอาดเพราะเศรษฐกิจแบบนี้ จะหาเงินแต่ละทีก็สุดแสนจะลำบากเหลือเกิน ผู้เขียนก็เลยคิดเอาว่าการทำความสะอาดบ้าน มันก็เหมือนกับการออกกำลังกายแล้วกัน จะได้ลดความอ้วนไปในตัว
ลองมองย้อนไปตอนเป็นเด็กปี 38 ผู้เขียนรู้สึกมีความสุขในตอนนั้นที่น้ำท่วม ความรู้สึกที่อยากจะให้ท่วมนาน ๆ หลายเดือนยิ่งดี เพราะว่าตอนนั้นเรารู้สึกสนุกมากที่ได้เล่นน้ำ ไม่เหมือนกับในตอนนี้ ที่รู้สึกว่าน้ำจะท่วมทำไมวะ ไม่อยากให้น้ำท่วมเลย “กูเหนื่อย” รู้ไหม..ทำไมนะคนเราพอยิ่งโตคนเราก็ยิ่งเหนื่อยขึ้นจริงๆ **
กลางเดือน ธ.ค. เข้าไปแล้ว ที่บ้านของผมก็ยังไม่มีใครมาเยี่ยมเหมือนเดิม แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากแล้ว ก็เพราะว่าน้องชายแท้ ๆ ของผมได้เขียนจดหมายมาหาผม และน้องก็บอกผมว่าคนที่บ้านทุกคนสบายดี และก็ยังบอกให้ผมอดทนอีกหน่อยเดี๋ยวคงอีกไม่นานป๋าก็คงจะมาเยี่ยมผมเอง…พอผมได้อ่านจดหมายจากน้องชายเสร็จ ผมก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมากและคิดว่า “ต่อให้คนอื่นเป็นร้อยเป็นพันจะปลอบใจเรายังไง มันก็สู้คนในครอบครัวเพียงคนเดียวปลอบใจเราไม่ได้หรอก ” ผมอ่านจดหมายของน้องผมไป ผมก็ยิ้มไปด้วย จนไอ้แว่นเห็นมันก็เลยแซวผมไปว่า
“ผมชักจะส่งสัยซะแล้วว่าใช่จดหมายน้องชายพี่จริงๆรึเปล่า เล่นอ่านไปยิ้มไปไม่หุบแบบนี้ สาวที่ไหนเขียนมาอ่ะเปล่า ” ไอ้แว่นได้แซวผม ผมก็เลยย้อนบอกมันไปว่า “ก็น้องชายกูเขียนมานั้นแหละ กูยิ้มกูผิดตรงไหน ไปเยี่ยมญาติได้แล้วไป และบอกกับแม่มึงด้วยว่ากูคิดถึง และก็ขอบคุณที่แกทึ่ช่วยฝากเงินมาให้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ” ใช่แล้วครับ..แม่ไอ้แว่นเขาฝากเงินมาให้ผมตั้ง1500บาท
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ววันที่ไอ้แว่นไปเยี่ยมญาติ ผมได้ฝากให้ไอ้แว่นไปบอกกับแม่มันว่าไม่ต้องฝากเงินมาแล้วเพราะตอนนี้ไม่ได้ลำบากอะไร ตอนนี้ยังมีรายได้พอมีพอกินอยู่ แม่ไอ้แว่นเขาก็เลยฝากเงินเข้าชื่อผมแทน และก็บอกกับไอ้แว่นให้มาบอกกับผมว่าเป็นเงินสำรอง เพื่อเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
“ไอ้..แว่น แล้วบอกกับแม่ไปว่าไม่ต้องฝากเงินก็ได้ ตอนนี้เหลือกินเหลือใช้แล้ว ” ไอ้แว่นผยักหน้าตอบกลับมา ก่อนที่มันจะเดินลงจากโรงงาน2 เพื่อไปเยี่ยมญาติต่อไป และนับตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. จนถึงกลางเดือนนี้ ธุรกิจต่าง ๆ ของผมมันไปได้สวยเลยที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะบอลที่เปิด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมานั้น โต๊ะกินเรียบไม่มีเสียเลยสักโพย และตอนนี้ผมก็เปิดโพยเพิ่มเป็น10โพยแล้วอีกด้วย
ผมคิดว่าคงจะไม่เปิดเพิ่มอีกแล้ว เพราะว่าตอนนี้ผมเองก็ไม่มีตู้ล็อคเกอร์มากพอที่จะเก็บนมกับบุหรี่เพิ่มอีก เพราะว่าเมื่อวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา โต๊ะผมก็บวกเพิ่มมาอีกเกือบหมื่นบาท จนในตอนนี้นั้นผมต้องรีบหาแลกเป็นเงินสดเก็บไว้แทนบุหรี่กับนมแล้ว เพื่อที่ผมจะต้องดันเอาเงินสดออกไปและต้องฝากกลับมาเป็นเงินเข้าปองแทน เพราะคนในคุกทุกคนจะรู้กันอยู่แล้วว่า เวลานี้ใกล้สิ้นปีทีไรมันจะมีการจู่โจมครั้งใหญ่เกิดขึ้น สิ้นปีของปีนี้เลยจนไปถึงปีใหม่ที่จะถึง มันจะเป็นวันหยุดยาวของเรือนจำทุกเรือนจำ และในปีนี้มันก็หยุดยาวกันถึงเจ็ดวันเลยทีเดียว
มันจึงจำเป็นที่จะต้องมีการจู่โจม จากเจ้าหน้าที่เป็นประจำทุกปีเกิดขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องขยับขยายเอาของที่ผิดกฎต่าง ๆ ออกไปมันก็จะมีแค่พวกเงินสด ส่วนบุหรี่ผมเองก็มีเกินกฎระเบียบในเรือนจำ ถ้าขืนปล่อยเอาไว้จนถึงวันจู่โจมและถูกค้นเจอที่ซ่อนบุหรี่ขึ้นมาก็จะโดนยึดไปเปล่าๆ อุส่าหามาได้แต่กลับไม่ได้ใช้มันไม่สมควรให้เกิดขึ้นจริงไหมครับ และผมเองก็รู้ข่าวมาจากป๋าเวียงว่า จะมีการจู่โจมในอาทิตย์สุดท้ายของเดือนนี้
แต่ไม่รู้ว่าวันไหน ซึ่งผมเองนั้นก็จะมีเวลาให้เตรียมตัวอีกหนึ่งอาทิตย์ในการจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อย ผมเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจจึงได้ไปติดต่อขอแลกบุหรี่เป็นเงินสด ในอัตราแรกบุหรี่ 20 ซองต่อเงินสด 1000บาท ซึ่งผมจะขาดทุนไป200บาทต่อเงินสด1000บาท
สำหรับผมแล้วมันคือข้อตกลงที่โอเคนะครับผมรับได้ และผมก็คิดว่ามันไม่ได้ขาดทุนอะไร ซึ่งในตอนนี้ผมมีบุหรี่อยู่เกือบ300ซองหรืออาจมากกว่านั้น ส่วน คนที่ผมไปขอแลกบุหรี่ก็มีน้าชิดกับบังดุลย์ สองคนนี้ที่ผมนับถือ และแค่สองคนนี้ก็เกินพอแล้วครับ ไม่ต้องเรื่องมากอีกด้วย คุยไม่กี่คำก็รู้เรื่อง และบ่ายนี้ผมจะต้องเอาบุหรี่ที่จะแรกทั้งหมดไปให้แกทั้งสองคน
ในอีกสองสามวันไม่เกินนี้เงินสด15000บาท ก็จะมาถึงมือผมแน่นอนไม่ต้องห่วงอะไร รวมเงินสดที่ตัวผมมีอยู่ตอนนี้อีกร่วมเกือบ20000บาท แบบนี้จะไม่ให้ผมบอกว่าเหลือกินเหลือใช้ ก็จะหาว่าโกหกใช่ไหมครับ..
ขณะที่ผมกำลังรวบรวมบุหรี่อยู่นั้น ประจวบกับที่รอไอ้แว่นกลับมาจากเยี่ยมญาติด้วยก็มีเสียงที่คุ้นเคยทักผมมาว่า ” โอ้โห…เสี่ยบุหรี่บานเลยนะ” เสียงนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ้บอยดำ เพื่อนสนิทผมคนนึง “ก็ไม่มากเท่าเสี่ยบอยดำหัวหน้าโรงงาน2 ไปไม่ได้หรอกครับ ” ผมแซวตอบมันไป ส่วนมันก็ยิ้มๆ แต่ไม่พูดอะไรต่อแค่นี้ผมก็รู้แล้วครับว่ามันอยากจะพูดอะไรแต่มันไม่กล้าเอ่ย ผมก็เลยจัดการให้ซะเองเลย
“เอ้า..ไอ้บอยดำสด2000 มึงไปจัดการเรื่องของขวัญปีใหม่ของพี่เกรียติ ให้กูกับไอ้แว่นด้วยนะ และส่วนที่เหลือก็รู้อยู่ กูให้มึง” เงินนั้นพอมีเข้ามามันก็มีหมดไป เป็นเรื่องธรรมดา แต่มิตรภาพของคำว่าเพื่อนนั้น มันไม่มีหมดหรอกครับ ผมนั้นคิดแบบนี้เสมอ “ขอบใจมึงมากนะเพื่อน ส่วนเรื่องพี่เกียรติกูจะจัดการให้ ” ผมกับไอ้บอยดำต่างคนก็ต่างพยักหน้าแล้วยิ้มให้กัน ไม่ต้องมีคำพูดอะไรให้มากมายแค่นี้มันก็เพียงพอแล้วระหว่างเพื่อนกับเพื่อนคุยกัน
หลังจากนั้นไอ้แว่นก็เดินขึ้นมาจากการเยี่ยมญาติ “กลับมาแล้วหรอมึงและได้บอกกับแม่ไปรึเปล่า” ผมได้ทักถามมันไปตามปรกติ แต่แล้วก็มีเรื่องดราม่าที่เราไม่คาดคิด ว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วอย่างนี้ก็เกิดขึ้นจนได้ “โฮ้ๆ…ฮือๆ..มันไปแล้วพี่ ไปแล้ว… ” อยู่ดี ๆ ไอ้แว่นมันก็ร้องไห้โฮขึ้นมาจนผมเองก็ตกใจ ร่วมถึงคนที่อยู่แถวนั้นต่างก็หันมามองด้วยความสนใจอยากรู้อยากเห็น
“มึงจะมองควxอะไรกัน!! ทำงานกันไปไม่ต้องเสือกเรื่องคนอื่นกันหรอก” ไอ้บอยดำตะโกนด่าไอ้พวกที่สอดรู้สอดเห็นทั้งหลายจนแตกกระเจิง “ไอ้ใหญ่..จัดการให้มันเงียบดิ มึงเป็นเหี้ยไรเนี้ยไอ้แว่น ” ไอ้บอยดำบอกกับผมและถามไอ้แว่นในคราเดียว ไอ้แว่นมันก็ไม่มีทีท่าจะหยุดร้อง ผมเลยต้องพามันมาในห้องเก็บพัสดุ
“มานี่ไอ้แว่น กูรู้ว่าเรื่องอะไร ไม่ต้องสนใจมึงอยากจะร้องร้องให้พอใจ รึว่ามึงอยากจะระบายอะไรให้กูฟังเต็มที่เลยน้อง แต่มึงบ้าแค่ตอนนี้เท่านั้นนะ เชื่อพี่นะไอ้แว่น..ชีวิตเราต้องเดินต่อไป ยังไงเมียมึงก็ไม่กลับมาแล้ว” ผมพูดเพื่อจะให้สติกับมัน แต่กลับกลายเป็นจี้ใจดำมันเข้า ไอ้แว่นก็เลยร้องหนักเข้าไปอีก “โฮ้…ผมรู้แล้วพี่ แต่มันหยุดไม่ได้ ผมหยุดร้องไม่ได้ ฮือ..” มันพูดกับผมพร้อมน้ำตาที่อาบหน้าของมันอย่างไม่อาย
“เออ..กูรู้ และกูจะออกไปรอมึงอยู่ข้างนอกแล้วกัน คิดให้ได้ ร้องให้พอและออกมาหากูแล้วกัน กูรอมึงอยู่นะน้องพี่” ผมพูดบอกกับมันและเดินออกจากห้องไป เพื่อให้มันได้อยู่คนเดียวเพราะผมคิดว่ามันจะดีกว่า “ครับพี่ใหญ่” ไอ้แว่นพยักหน้าและตอบกลับมา ก่อนที่ผมจะปิดประตูห้องพัสดุออกไป
“เมียมันลื่นไปแล้วใช่ไหมว่ะไอ้ใหญ่” จากประสบการณ์ของไอ้บอยดำที่ผ่านมาไม่ต้องบอกว่าเรื่องอะไรมันก็เดาได้ถูก อย่างไม่ยากเย็น “เออ..ลื่นเรียบร้อย “ ผมบอกกับมัน ไอ้บอยดำก็พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรต่อ
ผมนั้นปล่อยให้ไอ้แว่น ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองจนกว่ามันจะพอใจ จนผมนั้นสูบบุหรี่หมดไปสองมวน กินกาแฟร้านไอ้เจ๋งไปอีกหนึ่งแก้ว จนในที่สุดประตูห้องพัสดุก็เปิดออกมา ไอ้แว่นก้าวออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ไม่มีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่เลย ผมเห็นดังนั้นเลยถามไอ้แว่นไปว่า
“หายบ้าแล้วไงมึง” ไอ้แว่นหันมายิ้มให้ผมแล้วบอกว่า “หายบ้าแล้วพี่ ผมคิดได้และทำใจได้แล้วครับ” ผมเองก็รู้สึกแปลกใจในคำพูดของมันไม่น้อย ที่เห็นว่ามันนั้นเข้มแข็งได้ถึงขนาดนี้
ถึงแม้อาการข้างในใจของมันนั้น ผมดูออกว่ามันยังเจ็บและเสียใจอยู่ แต่ตัวของไอ้แว่นมันเองที่พยามข่มใจเอาไว้ให้ดูว่ามันเป็นเหมือนปรกติ ผมก็เลยรีบตัดบทไม่อยากจะถามย้ำกับมันว่า “มันต้องอย่างนี้ซิว่ะ.. น้องชายกู ไปทำธุระของเรากันดีกว่า ” ผมเลือกพูดให้มันรู้สึกมีกำลังใจมากกว่าที่จะถามเรื่องที่มันผ่านไปแล้วแทนและผมกลับไอ้แว่นก็เดินถือลังบุหรี่160ซองไปที่บ้านน้าชิดต่อ
“น้าชิด.หวัดดีครับ” ผมกับไอ้แว่นร้องบอกน้าชิด “เอ้า!..เออๆหวัดดี มีอะไรกันละถึงได้มาหากัน ” น้าชิดถามกับผม “ก็เรื่องที่ผมคุยกับน้าชิดเมื่อวานไงครับ” ผมบอกกับน้าชิดพร้อมกับยื่นลังบุหรี่ให้กับแก “160ซองครับน้า ใหม่ๆไม่มีเก่า ผมคัดมาแล้ว น้าจัดการให้ผมก่อนวันพฤหัสนะครับ” น้าชิดรับลังบุหรี่จากผมก่อนพูดว่า
“ไม่มีปัญหา ไอ้หลานรัก หลังเที่ยงวันพุธเอ็งมารับตั๋ว(เงินสด)ที่น้าได้เลย” ได้ยินดังนั้นผมจึงยื่นสินน้ำใจเล็กน้อยที่เตรียมไว้ให้แก “นี่ครับน้า2ซอง เอาไว้สูบนะครับน้า ผมขอตัวไปหาบังดุลย์ก่อนนะครับ..หวัดดีครับ ” น้าชิดรับบุหรี่จากผมไป โดยที่แกไม่สามารถปฏิเสธได้เลย พร้อมกับคำพูดสไตล์นักเลงรุ่นเก่าว่า “ไอ้ใหญ่..หัวใจมึงนิใหญ่กว่าตับจริงๆ” ผมหันมายิ้มให้แก
ก่อนที่จะหันหลังเดินกอดคอไอ้แว่นออกมา “ไป..!ไอ้แว่นไปหาอะไรกินร้านไอ้คมกัน แดกกันให้อิ้มไปเลยนะเต็มที่ แล้วไปหาบังดุลย์กันต่อ ” ไม่มีเสียงตอบรับจากไอ้แว่น มีแต่การพยักหน้าตอบกลับมา ‘ จะให้มันลืมได้ง่ายๆได้ไง ขนาดตัวเราเองยังต้องใช้เวลาตั้งหลายวันกว่าจะหายรั่วได้ ‘ ผมนั้นนึกในใจ….( โปรดติดตามตอนต่อไป ) ” หมีขาว ชั่ว โลกเหนือ ” # คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่59
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun