Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 61

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 61

” ถ้าหากคิดว่าวันนี้เป็นสุดท้ายของชีวิตคุณ ก็จงยอมรับมันและจงคิดว่าชีวิตนี้ คุณทำมันดีที่สุดแล้ว “

** จะย่างเข้าสู่เดือนที่สองแล้ว ที่ผมต้องเจอกับปัญหาน้ำท่วมบ้านอยู่ในตอนนี้ ซึ่งระลอกที่สองมันจะดูหนักกว่าระลอกแรกอยู่พอสมควร ซึ่งในบางที่เปรียบเทียบได้เท่ากับปี 54 ไปแล้วในขณะนี้ จนในบางพื้นที่ถึงขนาดบอกว่าหนักกว่าปี 54 ไปแล้วด้วยซ้ำไป แต่สำหรับตัวผมนั้นบ้านที่ผมอยู่มันยังห่างไกลจากปี 54 อยู่มากพอสมควร 

แต่ผู้เขียนก็ไม่อาจจะวางใจอะไรได้ ก็ในเมื่อมีข่าวบอกมาว่าพายุอีกลูกตอนสิ้นเดือน ต.ค นี้มันจะหนักขนาดไหนนั้นก็ไม่อาจบอกได้ (นี่อารมณ์มันเหมือนกับตอนเล่นป๊อกเด้งเลย ที่เรามี 7เแต้ม แต่ลุ้นเจ้ามือว่าจะป๊อกรึป่าว.ฮา) อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิดคิดซะว่ามีคนอีกมากที่เขาเจอปัญหาหนักกว่าเราอีก ถ้าคิดแบบนี้ได้ชีวิตเราก็จะมีแต่ความสุข ไม่ต้องมามัวเป็นทุกข์กับสภาวะปัญหาที่เราต้องประสพพบเจอกันอยู่ในขณะนี้…**

และแล้ววันจู่โจมตรวจค้นก็ได้มาถึง เป็นอาทิตย์สุดท้ายจริงอย่างที่ป๋าเวียงเคยบอกเอาไว้ แต่ที่มันผิดคาดไปอย่างมากเลยก็คือ ชุดที่มาจู่โจมนั้น กลับกลายเป็นชุดดำจากกรมราชฑันณ์ บุกเข้ามาจู่โจมแบบสายฟ้าแล็ป จนไม่ทันตั้งตัวทั้งนักโทษและผู้คุมเองก็เช่นกัน จากที่คิดกันว่าจะเป็นแค่ตำรวจ ทหาร อย่างที่เคยเป็นมากันทุกปีของตอนเช้ามืดอย่างทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเป็นตอนกลางคืนในเวลา 20.00น. ที่ซึ่งบรรยากาศในตอนนั้นเริ่มหนาวมากขึ้นกว่าทุกคืนที่ผ่านมา..

“หมอบ!! หมอบ!! นอนคว่ำหน้าเอามือประสานท้ายทอยเอาไว้ทุกคน อย่าขยับไปไหนกันนะพวกมึง ถ้าไม่ยังอยากเจ็บตัว” เสียงรองเท้าคอมแบทวิ่งกระทบกับพื้นปูนขัดมันเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งตึกเรือนนอน พร้อมกับเสียงตะโกนดังก้องที่สั่งให้หมอบของบรรดาชุดดำนับสิบคนที่พร้อมกันประจำตามจุดต่าง ๆ ภายในของห้องนอนทุกห้องอย่างรวดเร็ว ซึ่งมากันที่ไรก็สร้างความระทึกใจให้กับพวกเราได้ทุกเสมอ ไม่มีนักโทษคนใดที่กล้าจะขัดคำสั่ง ของชุดดำที่สั่งออกไปเลยสักคน 

ทุกชีวิตในแดนเด็ดขาดชายแห่งนี้ ทุกคนต่างเงียบกริบไม่มีการพูดคุยใด ๆ กันเกิดเป็นเสียงให้ได้ยินเลย มีแต่เสียงลมหายใจของเราเท่านั้นที่พอจะได้ยินกัน..

“ทุกคนฟังให้ดี!! ใครมีของที่คิดว่าผิดกฎระเบียบทุกชนิด ให้เอามากองไว้หน้าห้องให้หมด ตอนนี้จะไม่มีความผิดใด ๆ กูให้เวลา 5 นาทีเท่านั้น แต่ถ้าหลังจากนี้เข้าไปค้นเจออยู่ที่ใครก็ตาม คนนั้นรับจบรับเจ็บไปตามระเบียบ อย่าลองของมันไม่คุ้มกันหรอก..เริ่มปฏิบัติได้ ” คนที่เดินพูดอยู่ในตอนนี้ถ้าให้ผมเดาน่าจะเป็นหัวหน้าชุดดำทั้งหมด ที่มาปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นในครั้งนี้ และสิ่งที่เขาพูดนั้นคือเรื่องจริง ถ้าเอาของที่ผิดกฎระเบียบนำมามอบในตอนนี้จะไม่มีความผิดใด ๆ 

ยังไม่ถึง5นาทีดีในแต่ละห้องต่างก็มีของที่ผิดกฎระเบียบวางกองไว้หน้าห้องแทบจะทุกห้องก็ว่าได้ รวมถึงห้อง2/5ที่ผมอยู่ ก็จะมี MP3หนึ่งเครื่อง(ของหัวหน้าห้อง) หนังสือโป๊ 3เล่ม(ของส่วนรวม) นอกนั้นก็จะเป็นบุหรี่และห่อยาเส้นรวมถึงไฟแช็คอีกด้วย ที่วางกองอยู่เต็มหน้าห้องไปหมดและพอครบกำหนด5นาทีตามที่ได้บอกเอาไว้ ก็มีเสียงของเจ้าหน้าที่ชุดดำคนนึงตะโกนสั่งมาว่า 

“ทั้งหมดลุกขึ้น เอามือประสานท้ายทอยเอาไว้เหมือนเดิม อย่าทำอะไรนอกเหนือจากที่กูสั่งถ้าไม่อยากเจ็บตัว ทั้งหมดตั้งแถวหน้ากระดานเรียงสิบ ปฏิบัติ!! ” ไม่ต้องรอให้ชุดดำสั่งย้ำให้เสียเวลาพวกเราทั้งหมดได้ปฎิบัติตามอย่างไว “ดีมากไวใช้ได้ ทั้งหมดนั่ง” พวกเราทั้งหมดนั้งขัดสมาธิเป็นที่เรียบร้อย แต่ถ้าใครเผลอนั้งยอง ๆ เข้าละก็..คอมแบทคู่งามขัดเป็นมัน จะบรรจงถีบเข้ายอดอกหงายหลังแน่นอน!! 

พวกเราก็ยังคงนั้งก้มหน้าเอามือประสานท้ายทอยเอาไว้ ตามไปด้วยการเดินตรวจค้นของชุดดำประมาณ5นาย ทั้งข้างล่างและบนเหล่าเต็ง ที่นอนแต่ละหลังโดนรื้อค้นกระจุยกระจาย หาสภาพเดิมไม่ได้เลย พวกชุดดำนั้นได้ใช้เวลาในการตรวจค้นอยู่นานพอสมควรกว่าจะเสร็จ และก็ไม่พบสิ่งของที่ผิดกฎหมายใด ๆ เพิ่มเติมอีกเลย..

หลังจากนั้นพวกเราก็ได้แต่นั่งรอเวลาที่จะต้องลงไปนั่งรวมกันที่กลางสนาม และตอนนี้ได้มีไฟสปอร์ตไลท์มาตั้งเอาไว้กลางสนามเพื่อให้แสงสว่างแก่เจ้าหน้าที่ชุดดำที่จะต้องทำการตรวจค้นตามบริเวณจุดต่าง ๆ ภายในแดนที่คิดเอาไว้ว่าน่าจะมีสิ่งของซุกซ้อนเอาไว้อยู่ ในตอนนี้แต่ละห้องได้ทยอยกันลงจากเรือนนอนเป็นห้องไล่เลียงกันไป จนในที่สุด ก็มาถึงห้อง2/5ของผม 

“พวกมึงทั้งหมดลุกและรีบวิ่งลงไปให้ไว และอย่าเสนอหน้าขึ้นมาให้เห็น” สิ้นคำพูดจากชุดดำ พวกเราทั้งห้องต่างรีบกุลีกุจอนวิ่งก้มหน้าเรียงเป็นแถวกันไปตามทาง โดยที่มีเจ้าหน้าที่ชุดดำคอยยืนเรียงรายกันไปตามจุดต่าง ๆตั้งแต่หน้าห้องถึงกระไดทางลง จนถึงจุดตรวจคนสุดท้ายที่จะให้พวกเราทั้งหมด แก้ผ้าแล้วก็ลุกนั้งจำนวน 10 ครั้ง ก่อนไปนั่งตามจุดที่ห้อง 2/5 ได้ไปนั่งกันอยู่แล้ว 

ผมนั่งต่อจากไอ้อ๊อฟและมีไอ้แว่นนั่งต่อจากผม พวกเราทั้งหมดมีเพียงกางเกงจับหมูกันเท่านั้นที่สวมใส่เอาไว้ บอกเลยว่าลมหนาวพัดมาแต่ละทีนั้น มันหนาวเข้าไปถึงกระดูกดำเลยทีเดียว “โครตหนาวเลยว่ะพี่ใหญ่…เยี่ยวก็ปวดทำไงดีพี่ขอเขาไปเยี่ยวได้รึป่าว” ไอ้แว่นมันถามกับผมด้วยเสียงที่สั่นเพราะความหนาว 

“อั้นไว้ก่อนไอ้แว่น มึงอยากโดนส้นตีนไง เดี๋ยวเขาให้นักโทษห้องละ 20คนออกไปตรวจเยี่ยว มึงค่อยออกไปตอนนั้นแล้วกัน” ผมได้บอกกับมันด้วยเสียงที่สั่น ๆ เพราะความหนาว พร้อมกับข้อเสนอที่ให้มันออกไปตรวจเยี่ยว เพื่อที่จะไปเยี่ยวแทน และไอ้แว่นก็ลุกเดินไปตามพวกที่ต้องตรวจเยี่ยวด้วยกัน ผมไม่ปวดก็เลยไม่ได้ลุกไปด้วย 

พวกเราก็ยังคงนั่งหนาวกันอยู่ที่เดิม มีเสียงพูดคุยกันน้อยมาก ๆ คงจะเป็นเพราะความหนาวที่ได้รับกันอยู่นั่นเอง ผมนั่งก้มหน้าเอามือกอดอกเอาไว้เพราะความหนาว จนไม่ทันได้สังเกตุเลยว่ามีใครคนหนึ่งได้มายืนอยู่ข้างผมในตอนนี้ “สั่นเป็นลูกหมาตกน้ำเลยนะ ไอ้เสือ” ผมสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย และก็รู้เลยว่าใครเรียกผม เพราะคำว่าไอ้เสือนั้นไม่มีใครเรียกผมนอกจาก ป๋าเวียง ลูกพี่ใหญ่ที่ผมเคารพและนับถือ “หวัดดีครับป๋า” ผมเงยหน้าขึ้นมาคุยกับป๋า 

” เรียบร้อยดีนะ ” ป๋าถามกับผม “ครับป๋า แต่ผิดคาดนะครับ ไหนเป็นชุดดำไปได้ ” ป๋าเวียงพยักหน้าตอบพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ พร้อมกับยื่นซองบุหรี่มาให้ผมหยิบสูบอีกด้วย ผมจึงหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบแก้หนาวอีกหนึ่งมวน “เอาไปทั้งซองเลยไอ้เสือ ให้พวก ๆ ไปสูบแก้หนาวกันด้วย” ป๋าเวียงได้บอกกับผม พร้อมทั้งโยนบุหรี่ลงมาบนตักของผม ในซองเหลือบุหรี่อยู่ประมาณครึ้งซองเห็นจะได้ ผมหยิบบุหรี่ออกมาอีกมวนเดียวเพื่อไว้ให้ไอ้แว่นมัน แล้วก็ยื่นให้ไอ้อ๊อฟมัน 

“อ๊อฟ เอาไปสูบแล้วแจกพวกเรากันด้วย” ผมบอกไอ้อ๊อฟมันแบบนั้น “ขอบคุณครับป๋า ” ไอ้อ๊อฟยกมือไหว้ป๋าอีกคน ก่อนที่มันจะแจกจ่ายบุหรี่ให้กับทุกคนในบ้าน พอได้สูบบุหรี่กันคนละนิดคนละหน่อย ก็สามารถแก้หนาวและลดอาการเสี่ยนลงได้ไม่น้อย ผมคุยกับป๋าเวียงอีกสักพักแกก็เดินจากไป สักครู่ไอ้แว่นก็เดินกลับมาจากการตรวจเยี่ยว กลับมานั่งที่เดิมของมันพร้อมกับผมเองที่ยื่นบุรี่มาให้มันสูบ 1 ม้วน ไอ้แว่นมันนั่งอัดบุหรี่แก้หนาวอย่างรวดเร็ว จนเหลือไม่ถึงครึ้งมวน แล้วก็ยื่นมาให้ผมสูบอีกครั้ง 

และการตรวจค้นของชุดดำก็ได้ดำเนินมาถึงเวลา 22.00น. สิ่งของที่ชุดดำตรวจยึดเพิ่มเติ่มนั้นก็จะเป็นจำพวกเหล็กแหลมที่แอบซุกซ้อนเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ ของแต่ละบ้านที่มีไว้ครอบครองกัน ชุดดำได้เอามาเทกองรวมกันไว้ประมาณ2ถังสี เห็นจะได้ เหล็กแหลมขนาดสั้นยาวต่างกันไป กองรวมกันไว้เป็นกองขนาดย่อม ๆ กันเลยทีเดียว อีกกองก็จะเป็นพวกหนังสือโป๊และก็อุปกรณ์เล่นการพนันต่าง ๆ ทั้งไพ่และไฮโลก็มีรวมอยู่ด้วย 

นอกจากสิ่งของที่ได้กล่าวมานั้นก็ไม่มีอะไรให้ค้นเจอได้อีก ไม่มีทั้งยาเสพติดและเงินสดให้พวกชุดดำได้ค้นเจอ มันได้สร้างความพึงพอใจเป็นอย่างมากให้กับผบ.แดน ที่ไม่มีสิ่งของร้ายแรงซุกซ่อนอยู่ในแดนเลย เพราะว่าไอ้สิ่งของที่ชุดดำได้ค้นเจอก่อนนั้น มันเป็นเพียงแค่สิ่งของธรรมดาทั่วไปที่ทุกเรือนจำนั้นมีกัน เหล็กแหลมนั้นมันอาจจะดูเป็นอาวุธและอุปกรณ์ที่ร้ายแรงในสายตาคนทั่วไป เพราะว่าสิ่งของเหล่านี้นั้นมันสามารถทำร้ายร่างกายกันจนถึงแก่ความตายได้ ถ้ามันแทง หรือ ไปโดนจุดสำคัญในร่างกายเข้า 

แต่ถ้ามองโดยมุมมองของผู้คุมนั้นมันดูผิวเผิน มันก็เป็นเพียงแค่สิ่งของผิดระเบียบวินัยเล็กน้อยก็แค่นั้น ต่างจากยาเสพติดให้โทษและเงินสดเป็นอย่างมาก เพราะว่าถ้าหากชุดดำจู่โจมตรวจค้นเจอเข้านั้น มันจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ชุดดำนั้นจะคิดและถือว่าการที่มียาเสพติดให้โทษรวมถึงเงินสดได้เข้ามาอยู่ในเรือนจำได้นั้น

ประการแรกที่สำคัญเลย มันก็จะมาจากเจ้าหน้าที่เสียเป็นส่วนใหญ่ที่ได้นำมันเข้ามาให้กับนักโทษ เพื่อแลกกับค่าจ้างที่พึงจะได้รับจากพวกนักโทษ เป็นจำนวนมากน้อยก็ตามแต่สิ่งของนั้น ๆ อีกทั้งข้อตกลงระหว่างนักโทษกับผู้คุมกันเองอีกด้วย มันจึงทำให้เหล็กแหลมและหนังสือโป๊ในสายตาของชุดดำเห็นเป็นเพียงแค่เรื่องธรรมดาจึงมองข้ามและไม่สนใจ

และแล้วการตรวจค้นจู่โจมของชุดดำ ก็สิ้นสุดลงในเวลาเกือบจะ 23:00 น บรรดานักโทษต่างทยอยเดินกันเป็นแถวขึ้นไปยังห้องนอน โดยที่ไม่ต้องเอามือประสานท้ายทอยหรือก้มหน้าวิ่ง เหมือนกับตอนแรกที่ลงมาแต่อย่างใด บรรยากาศในตอนนี้ช่างเหน็บหนาวซะเหลือเกิน หนาวจนไข่หดกันไปตามๆกัน 

เมื่อพวกเราถึงห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างก็หาที่นั่งเพื่อจะเช็คยอดห้องกันต่ออีกที ในตอนนี้นั้นสภาพห้องไม่ต่างอะไรจากห้องขยะดี ๆ นี่เอง ที่นอนเกือบจะทุกหลังโดนรื้อค้นกระจุยกระจาย สร้างความปวดหัวให้กับนักโทษทุกคน ที่จะต้องมานั่งหาผ้าปูที่นอนของตัวเองกันอีกและยิ่งผ้าห่มมันเป็นสีฟ้าเหมือนกันหมดอีก แต่มันก็ยังมีสิ่งดี ๆ ให้ได้เห็น เพราะยาเส้นกับบุหรี่และไฟแช็คชุดดำไม่ได้เอาลงไป 

พวกเขาต่างทิ้งเอาไว้ในห้องเพื่อให้พวกนักโทษได้เอาไว้สูบกันต่อ และหลังจากเช็คยอดเสร็จ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องค้นหาผ้าปูที่นอนของตัวเองและจัดแจงปูให้มันเรียบร้อยเหมือนเดิม เพื่อที่จะได้นอนกันต่อไป เพราะว่าตอนนี้นั้นแต่ละคนดูจะง่วงกันมากๆ รวมถึงผมก็ง่วงมากแล้วด้วย โชคยังดีที่ผมกับไอ้แว่นได้นอนกันบนเหล่าเต็งชั้นสอง ที่นอนมันจึงกระจายแค่บนชั้น 2 ไม่ได้รวมลงมาอยู่ข้างล่างแต่อย่างใด และเพียงไม่นานไอ้แว่นก็จัดการปูที่นอนของผมกับมันเป็นที่เรียบร้อย 

เราสองคนก็นั่งกัน พร้อมทั้งจุดบุหรี่สูบกันคนละมวน ก่อนที่จะกินนมกันอีกคนละ 1 กล่องและนอนหลับเพื่อที่จะได้ตื่นขึ้นมาสู้กับวันใหม่ ซึ่งมันจะเป็นวันสุดท้ายในการทำงาน ก่อนที่มันจะเป็นวันหยุดยาวของปีใหม่ และวันพรุ่งนี้ก็เป็นวันเยี่ยมญาติวันสุดท้ายของปีนี้ในแดนเด็ดขาดด้วยเช่นกัน ในใจของผมนั้นก็ได้แต่หวังไว้ว่าจะมีใครสักคนมาเยี่ยมผมให้หายคิดถึงได้บ้างก็ยังดี….และแล้วนิทรานี้ก็ได้ทำให้ผมหลับลง…( โปรดติดตามตอนต่อไป )” หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ ” # คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 61

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun

What's your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
1
Silly
0

You may also like

Story

ประวัติวันสงกรานต์ เทศกาลประเพณีที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน.

สงกรานต์เป็นเทศกาลปีใหม่ไทยแบบดั้งเดิมที่มีการเฉลิมฉลองทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งชาวต่างชาติจะรู้จักกันในชื่อว่า Water Festival หรือ เทศกาลแห่งน้ำ เพราะในวันนี้ผู้คนจะนิยมนำน้ำมาสาดใส่กันเพื่อคลายร้อนอย่างสนุกสนาน
Story

เปิดประวัติที่มาของสงครามนกอีมู สงครามสุดแปลกที่โลกนี้ต้องจดจำ

สงครามนกอีมู หรือที่เรียกว่าสงครามนกอีมูครั้งใหญ่ เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินการในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียในปี 2475 ปฏิบัติการนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมประชากรของนกอีมู ซึ่งก็ได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผลในภูมิภาคออสเตรเลีย
Story

เปิดประวัติที่มาของวัน “April Fool’s Day” หรือ “วันโกหก” วันสุดแสบแสนตลกของผู้คนทั่วโลก!

"วันโกหก" นักประวัติศาสตร์ได้เชื่อว่าวันนี้ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลฮิลาเรียของโรมันที่จัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เพราะเทศกาลนี้ผู้คนจำนวนมากจะออกมาแต่งกายตลก ๆ พร้อมกับมีการละเล่นที่เรียกเสียงหัวเราะของผู้คน ซึ่งก็คล้ายคลึงกับวันโกหกเป็นอย่างมาก และในยุคต่อมาก็ได้มีบันทึกไว้ในหนังสือ

Comments are closed.

More in:Story

Story

เปิดประวัตินิทานของ “อีสป” ต้นตำรับนิทานคติสอนใจผู้เป็นตำนานของโลกแห่งนิทาน

นิทานของอีสปเป็นนิทานที่ถูกแต่งขึ้นโดยทาสชาวกรีกที่มีขื่อว่า อีสป (Aesop) ที่นักวิชาการต่างลงความเห็นว่าเขานั้นน่าจะเกิดอยู่ในช่วง 620 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นทาสโดยกำเนิดตามกฏหมายของชาวกรีก
Breaking News

ซีเซียม-137 คืออะไร? อันตรายมากแค่ไหน?

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวที่ถูกพูดถึงมากมาย เกี่ยวกับประเด็นท่อเก็บสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ที่ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 ก็ได้มีรายงานว่าพบวัตถุดังกล่าวแล้ว แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมากจากข่าวนี้
Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 84

ผมและไอ้แว่นได้ลงมาตั้งแถวรอเยี่ยมญาติอยู่หน้าองค์พระประจำแดน ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวสำหรับพวกที่มีชื่อเยี่ยมญาติในแต่ละรอบ ผมสังเกตเห็นไอ้แว่นมันดูลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะถามอะไรผม แต่มันก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถามสักที