คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่22
บทที่ 22 กำลังใจจากใครสักคน EP.3
“ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของชีวิต เราต้องตั้งสติเพื่อที่จะมองเห็นแสงสว่าง”
** อีกไม่กี่วันก็จะถึง วันชี้ชะตาตัดสินสำหรับผมผมต้องออกศาลเพื่อขึ้นศาลตัดสินคดีที่ผมได้ทำ คิดเอาไว้ว่าไม่น่าเกิน 4 ปีแน่นอนแถมพ่วงด้วยโทษคดีแดงอีกต่างหาก นั่นก็คือผมต้องเริ่มต้นจาก ชั้นเลว และค่อยๆไต่เต้าขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงชั้นเยี่ยมและก็หวังว่าคงจะ อภัยโทษ ผมได้กลับบ้านเร็วครับผมไม่ได้นอนคืนนี้เป็นคืนที่ 2 แล้ว คืนนี้ทำไมรู้สึกว่า มันนานมากกว่าคืนที่แล้วนะ ยิ่งเรานอนไม่หลับมัน ก็ยิ่งทำให้ผมคิดมากนอนคิด ไป ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องดีและเรื่องที่ไม่ดีแต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องไม่ดีซะมากกว่า พยายามข่มตาให้หลับลึกอยู่ในใจ ว่าเมื่อไหร่มันจะเช้าสักที
พัดลมเพดาน 3 ตัวในห้องขัง หมุนเร็ว ในเบอร์ที่แรงสุด มันก็ไม่สามารถทำให้เย็นขึ้นได้เลย อีกทั้งจำนวนนักโทษที่เบียดเสียด ยัดเยียด ยิ่งทำให้ความร้อนมันเพิ่มมากขึ้น ร้อนก็ร้อน นอนก็ไม่หลับ เมื่อไหร่มันจะเช้าสักทีว่ะ ทรมานชิบหาย ผมลุกขึ้นมานั่งบนที่นอน เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่ได้นับแล้ว แล้วผมก็เลยหันไปมองที่ไอ้แว่นมันก็นอนไม่หลับ เหมือนผมเช่นกัน ไอ้แว่นหันมาสบตากับผมพอดีมันก็เลยพูดกับผมว่า “พี่ใหญ่ขอบุหรี่สูบตัวสิครับ” ผมโยนบุหรี่ให้มัน แล้วก็จุดสูบของตัวเอง ผมกับไอ้แว่น นั่งสูบบุหรี่กันไป มองหน้ากันไป ไม่รู้จะพูดอะไรกัน ” คืนนี้ร้อนมากเลยนะพี่ เหนียวตัวไปหมด” ไอ้แว่นเปิดประเด็นพูดขึ้นมา เพื่อลดความเงียบที่ดูอึดอัดนี้ลงได้ ผมไม่ได้พูดตอบอะไรกลับไป นั่งอัดบุหรี่ ให้ควันมันเข้าไปในปอดให้มากที่สุด พอบุหรี่หมดม้วนผมก็เอนตัวลงนอนอีกครั้ง สองมือก่ายหน้าผากดั่งคนคิดมาก
คิดถึงวันข้างหน้า คิดถึงโทษที่จะได้รับ รอบนี้กว่าจะได้ปล่อยคงอีกหลายปี ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้เลยจริงๆ ไม่อยากเข้ามาติดคุกเลย คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่จัง ป่านนี้ท่านทั้งสอง จะเป็นอย่างไรบ้างนะ หวังว่าคงจะสบายดีกันนะ นึกถึงเพื่อนฝูงที่อยู่ด้วยกันข้างนอก ตอนอยู่ด้วยกัน รักกันชิบหาย ไปไหนไปกัน ถึงไหนถึงกัน แต่ตอนนี้กูติดคุกจะ 2 เดือนแล้ว แม้แต่เงาหมาสักตัว ยังไม่มีใครมาเยี่ยมกูเลย เนี้ยหรอที่เรียกกันว่าเพื่อนแท้ ยามสบายพวกเนี้ยล้อมหน้าล้อมหลัง ตอนเนี้ยกูลำบากไม่มีแม้ใครสักคน เหลียวแล
มันจริงอย่างที่ใครเคยบอกเอาไว้ มีเพื่อนมากเป็นสิบเป็นร้อย เทียบไม่ได้กับ การมีเพื่อนเพียงแค่คนเดียว ที่จะอยู่เคียงข้างเราในยามที่มีปัญหา ยามที่เราลำบาก คนแบบนี้แหละที่เรียกว่า เพื่อนแท้
คุณผู้อ่านลองนึกดูนะครับ ว่าคุณผู้อ่านมีเพื่อนแท้ อย่างที่ผมบอกไว้หรือเปล่า เวลาเรามีความสุขและเพื่อนๆต่างเข้ามารุมล้อมแสดงความยินดี เพื่อนประเภทนี้ คุณอย่าไปสนใจ และให้ความสำคัญมาก หรอกครับ เพื่อนแบบนี้ มันมีให้เห็นอยู่ ทั่วไป แต่ถ้าวันใดคุณมีความทุกข์เดือดร้อน และ เพื่อนคนไหนที่มาหาคุณเป็นคนแรก.. เพื่อนแบบนี้ล่ะครับที่คุณควรจะเก็บเอาไว้และควรให้ความสำคัญ, เพื่อนแบบนี้คือ มิตรแท้อย่างแท้จริง
และแล้วผมก็หลับไปตอนไหนไม่ทราบ แต่ความรู้สึกเหมือนกับผมหลับไปนาน ผมสะดุ้งตื่นขึ้น เมื่อได้ยินเสียงเรียกแถวจากยาม เรานักโทษต่างรีบกุลีกุจอน ลุกขึ้นเก็บที่นอน พร้อมกับเริ่มต้นเช้าวันใหม่ ของคนคุกกับสิ่งเดิมๆ ที่ต้องทำ ไม่มีอะไรที่ต้องฝันต้องหวัง ไม่มีอะไรที่ต้องคิด ไม่มีอะไรให้ต้องวางแผนชีวิต ว่าวันนี้เราจะทำอะไร ไม่มีอะไรให้คาดหวังทั้งนั้น
ในคุกสถานที่สี่เหลี่ยมแห่งนี้ ทุกคน ไม่ได้อยู่ได้ด้วยความฝัน แต่ทุกคน อยู่ด้วยความหวัง หวังว่าชีวิต มันจะดีขึ้น, อะไรมันต้องดีขึ้นเอง เหมือนกับที่คนภายนอกได้ตาหน้าไว้ว่า คนคุกอย่างเรานั้นไร้ค่า ถ้าเรามองกันตามความเป็นจริงแล้ว มันก็ถูกที่คนภายนอกได้ ดูถูกเอาไว้เพราะทุกวันนี้พวกเราก็ ดูไร้ค่าจริงๆ แย่งกันทุกอย่าง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม อาบน้ำก็แย่งกัน เวลากินข้าวก็แย่งกันกิน ความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ มันมีมากมายเหลือเกิน จนผมเชื่อว่า ในคุก ไม่มีคนดีสักคนหรอกครับ
ถ้าคุณเคยดูสารคดี เรื่องสัตว์ป่า มันสามารถเปรียบเทียบได้กับคนในคุกเลยนะครับ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่บน จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ใครที่อ่อนแอก็มักจะเป็นเหยื่อเสมอไป คุณไม่สามารถรับรู้ถึงเรื่องจริงในคุกได้หรอกครับ ถ้าคุณนั้นไม่ได้เข้าไปสัมผัสกับตัวเองอย่างผม ถ้าคุณเป็นเหมือนผม คุณจะเข้าใจและคุณจะมองคนบนโลกได้อย่างถ่องแท้ และทัศนคติของคุณจะเปลี่ยนไป
ถึงแม้ในคุกมันจะโหดร้าย และ ไอ้ความโหดร้ายมันก็มาจาก นักโทษกระทำกับนักโทษ ด้วยกันทั้งนั้น หาใช่สถานที่ไม่ แต่ถ้าเราลองมองในแง่ดี มันก็มีอยู่เช่นกัน สำหรับตัวผม ผมคิดว่าข้อดีก็คือ การมองคนการรู้ทันคน คือมึงไม่มีทางหลอกอะไรกูได้ ใครมาดี ใครมาร้าย เราจะดูออก และควรจะทำอย่างไรต่อไป แต่ถ้าจะเป็นการดีที่สุด” อย่าเข้ามาเลยดีที่สุด”
ในแต่ละวันในตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นปรกติเหมือนเดิมทุกอย่าง ตอนนี้ร่างกายของผมกลับมาเป็นปรกติเหมือนเดิม ไร้สารเสพติดในร่างกายอย่างถาวร วันนี้เป็นวันศุกร์ วันเยี่ยมญาติของแดนแรกรับ โอกาสสุดท้ายสำหรับผม ที่จะมีใครมาเยี่ยม
ก่อนที่วันจันทรหน้า ผมจะต้องออกศาลนอก เพื่อตัดสินโทษ และ โทษที่ผมจะได้รับนั้น ผมลุ้นอยู่ว่าถ้าโชคดีศาลไม่ฟ้องแดง(กระทำความผิดซ้ำ) ผมก็อยู่ที่3ปี แต่ถ้าฟ้องคดีแดงก็น่าจะอยู่ที่3ปี9เดือน และถ้าอย่างเหี้ยเลยก็4ปี6เดือน ซึ่งอย่างหลังสุดเปอร์เซนต์อยู่ที่50 50 ซึ่งในความรู้สึกของผมนั้น 3 ปี 9 กลับ 4 ปี 6 มันต่างกันมากเลยนะครับ 3 ปี 9 ยังพอทน แต่ถ้าโดน 4 ปี 6 ผมทนไม่ได้ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริงถึงผมทนไม่ได้ยังไง ก็ต้องรับให้ได้อยู่ดี และ เสียงเยี่ยมญาติรอบสุดท้ายของรอบเช้าก็ดังขึ้น
ผมตั้งใจฟังอย่างเต็มที่และแล้ว ก็ผ่านเลยไป ไม่มีชื่อของผมเหมือนเดิม “ไม่เป็นไรยังเหลือตอนบ่ายอีก”
ผมพูดบอกกับตัวเองในใจ ตอนนี้ผมต้องปลอบใจตัวเองอย่างหนัก เพื่อที่จะให้ จิตใจของผมไม่ให้ห่อเหี่ยวมากไปกว่านี้ เพราะว่าตอนนี้สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด คือกำลังใจจากพ่อและแม่ของผม การที่ผมอยากให้ท่านมานั้น ไม่ใช่ว่าผมเดือดร้อนหรือต้องการเงินเอาไว้ใช้ เพียงแค่ผม อยากจะเห็นหน้าพวกท่าน เพียงแค่ผมกลัว ว่าพวกท่านจะทิ้งผม ผมกลัวเหลือเกิน กลัวว่าพวกท่านจะไม่เอาผมแล้ว นี่ตัวผมจะต้องอยู่อย่างไม่มีญาติ แล้วใช่ไหม มันเจ็บปวดนะครับ ถ้าผมต้องอยู่อย่างนั้น ถ้าถามว่าผมไม่มีญาติ ผมจะอยู่ได้ไหม ผมจะลำบากมากไหม ตอบตรงนี้ได้เลยว่า ผมอยู่ได้ จะลำบากก็คงจะนิดหน่อย แต่ผมคงจะทำใจไม่ได้เพราะผมรู้อยู่เต็มอกว่า เรานั้นมีญาติ มีพ่อมีแม่มีพี่มีน้อง ไม่ใช่ว่าผมอยู่คนเดียวซะเมื่อไหร่
ยอมรับตามตรงว่าผมนั้นเครียดมาก เพียงแต่ไม่ได้บอกหรือแสดงอาการให้ใครเห็น ยังทำตัวสนุกสนานเหมือนเดิมทุกๆอย่าง จะมีก็แต่พี่เล็ก พี่ชายที่ผมนับถือ พี่เล็กจะคอยบอกผมทุกครั้งในวันเยี่ยมญาติ
ว่าเดี๋ยวก็มา เขาคงไม่ว่าง ไม่มีทางปล่อยเอ็งหรอก อย่าเครียดอย่าคิดมาก ขาดเหลืออะไรบอก มีปัญหาอะไรให้บอก ไม่ต้องรอให้ญาติมาเยี่ยมก็ได้ เอาที่พี่ได้ตลอดทั้งหมดนี้คือคำปลอบโยนของพี่ชายที่ผมนับถือ แกคงผ่านโลกมาเยอะ คงเข้าใจ แต่สำหรับลูกผู้ชายอย่างเราๆแล้ว เขาไม่พูดมากกันหรอกครับ
ผมปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับความคิด จนเวลา พักก็หมดลง และเสียงประกาศเยี่ยมญาติรอบบ่ายรอบแรกก็ดังขึ้น แต่มันก็ยังไม่มีชื่อผมเหมือนเดิม จาก 13:00 น เลยผ่านมาจนถึง 14:00 น เป็นการเยี่ยมญาติรอบที่เท่าไหร่แล้วผมก็ไม่ได้นับ แต่มันก็ยังไร้วี่แวว ที่จะมีชื่อผม ผมถอดใจเป็นอย่างมาก, และไม่คิดที่จะฟังชื่อเยี่ยมญาติอีก เพราะจนป่านนี้แล้ว ยังไม่มีใครมาเยี่ยม ผมเดาเอาเองได้เลยว่า ไม่มีใครมาในวันนี้แน่นอน.. ( โปรดติดตามตอนต่อไป ) ” หมีขาวขั้ว โลกเหนือ “
คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 22
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending