มหาศึกคนชนเทพ ไฮม์ดัล (Heimdall)
ไฮม์ดัล หรือ เฮมดัล(ตามการออกเสียงภาษนอร์สเก่า) เป็นหนึ่งในเทพของตำนานชาวนอร์ส(สแกนดิเนเวีย) มีหน้าที่เป็นผู้ดูแลสะพานสายรุ้งไบฟอร์ส ที่ถอดยาวมุ่งสู่แอสการ์ด แต่หน้าที่หลักเลยของเทพไฮม์ดัล คือ การได้รับเกียรติให้เป็นผู้เป่าแตร “กัลลาฮอร์น” เริ่มต้นมหาศึกแร็คนาร็อค สำหรับไฮม์ดัลแล้ว การเป่าแตรนี้ ถือว่าเป็นเกียรติและตัวเขาเองก็รอที่จะเป่ามันมาเนิ่นนานแล้ว..
ประวัติ ตามตำนาน เทพของชาวนอร์ส(สแกนดิเนเวีย
เทพไฮม์ดัล หรือ เฮมดัล เขาคือหนึ่งในเทพที่ยิ่งใหญ่ของชาวนอร์ส มีหน้าที่คอยดูแลสะพานสายรุ้งไบฟอร์สที่มุ่งหน้าสู่แอสการ์ด และยังเป็นผู้ที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยในแอสการ์ด ตามตำนานกล่าวกันว่า ไม่มีสิ่งใดสามารถรอดพ้นการเพ่งมอง หรือ การรับรู้ของไฮม์ดัลได้เลย ไม่เว้นแม้แต่เทพโลกิจอมปั่นป่วน ก็มิอาจสามารถหลบหนีการตรวจจับจากเทพไฮม์ดัลได้
การกำเนิดของเทพไฮม์ดัลค่อนข้างคลุมเคลือ แต่ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด ก็คือ เรื่องราวในบทกวีเอ็ดด้า ที่กล่าวเอาไว้ว่า ไฮม์ดัล เป็นบุตรของเทพโอดินกับนางยักษ์ทั้ง 9 แห่งฟองคลื่น ในตอนที่เทพโอดินได้กำราบพวกยักษ์น้ำแข็ง “ยเมียร์” ลง แล้วอยู่ในขั้นตอนการสร้างโลก
พระองค์ได้บังเอิญเดินเล่นเรียบชายหาด และมาพบเข้ากับนางยักษ์ทั้ง 9 ที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่ ด้วยความที่นางยักษ์ทั้ง 9 นั้นมีผิวพรรณและหน้าตาที่งดงาม จนมหาองค์เทพ อดรนทนไม่ไหว จึงได้เข้าไปเกี้ยวพาราสีพวกนาง และเสนอให้พวกนางมาเป็นภรรยาของตน ด้วยในตอนนั้นเทพโอดินถือว่าเป็นเทพหนุ่มที่หน้าตาดี และเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ จึงทำให้นางยักษ์ทั้ง 9 เกิดจิตพิศวาสหลงไหลในตัวของมหาเทพ ทำให้พวกนางตกลงปลง ใจที่จะร่วมหลับนอน และกลายเป็นภรรยาของมหาเทพโอดิน
แต่ไม่ว่าด้วยเพราะเหตุใด หรือ พลังที่เทพโอดินสำแดงออกมาในขณะร่วมรัก นั้นมีมากหรือยังไง พวกนางทั้ง 9 จึงจำเป็นต้องรวมร่างกันเพื่อสนองตัณหาของมหาเทพ หลังจากนั้น พวกนางทั้ง 9 ที่รวมร่างกัน ก็ให้กำเนิดบุตรชาย และตั้งชื่อให้แก่เขาว่า “ไฮม์ดัล” ในเวลาต่อมาหลังจากให้กำเนิดบุตรเสร็จ พวกนางก็แยกร่างกับมามี 9 ตน ดั่งเดิม
เมื่อไฮม์ดัลถือกำเนิด พระองค์ทรงได้รับความรัก ความทะนุถนอมจากนางยักษ์ทั้ง 9 แม่ของตน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ก็ต้องเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอาหารจากท้องทะเลเองก็ดี หรือ บนบก พืชพรรณธัญญาหารที่วิเศษต่างถูกนำมาให้ไฮม์ดัลได้รับประทานก่อนเสมอ จนเวลาร่วงเลยไป จากเด็กน้อยก็เริ่มเติบใหญ่ขึ้นจนกลายชายหนุ่มที่แข็งแรง และมีหน้าตาอันหล่อเหลา เปรียบเหมือนบิดาของตน เทพโอดิน หลังจากนั้น ไฮม์ดัลก็บอกลาแม่ทั้ง 9 ตน เพื่อออกเดินทางขึ้นสู่สรวงสวรรค์ติดตามบิดาของตนต่อไป
การขึ้นไปพบกับเทพโอดินผู้เป็นบิดาของตนนั้น ก็ประจวบเหมาะกับที่ในตอนนี้ ได้มีการสร้างสะพานสายรุ้งไบฟอร์สเพื่อเชื่อมโยงแอสการ์ดกับโลกทั้ง 9 เสร็จสิ้นพอดี ด้วยพลังของสะพานจะทำให้พวกเขาสามารถเคลื่อนที่ไปยังโลกเหล่านี้ได้เร็วอย่างใจนึก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยกับปัญหาที่จะต้องคอยระมัดระวัง เพราะสะพานนี้ก็ยังสามารถนำพวกยักษ์ ศัตรูคู่อาฆาตของชาวแอสการ์ด เดินทางมายังแอสการ์ดได้อย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน จึงจำเป็นที่จะต้องคัดสรรหานักรบผู้กล้าที่จะมารับหน้าที่ เป็นอารักษ์คุ้มครองสะพานสายรุ้งนี้ โดยผู้ที่ต้องดูแลจะต้องเป็นเทพที่มีพลังสูง และจำเป็นจะต้องมี หูตาที่ไว เพื่อสดับฟังเสียง และเพ่งเล็งจนเห็นถึงภัยอันตรายได้ก่อนที่จะเข้ามาถึงตัว ซึ่งบุคคลที่มีพลังที่เหมาะสมกับการเป็นอารักษ์นี้ ในแอสการ์ดนั้น หาได้ยากยิ่ง
แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า “ข้าขออาสาเป็นอารักษ์ คุ้มครองสะพานแห่งนี้เอง” สิ้นเสียงอาสา เทพทุกองค์ในบริเวณนั้น ต่างหันไปตามทิศทางของเสียง จนได้มาพบเข้ากับชายหนุ่มที่มีหน้าตาอันหล่อเหลา ชายหนุ่มคนนั้น ได้แนะนำตัวให้แก่ทุกคนว่าชื่อ ไฮม์ดัล บุตรแห่งโอดิน ซึ่งสร้างความแตกตื่นให้กับทุกคนที่อยู่ตรงบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก ยังไม่ทันที่จะหายตื่นตระหนก ไฮม์ดัลก็ได้แสดงพลังที่ตนมีด้วยการ ใช้สายตาของตนกวาดตามองทั้งทางสะพานสายรุ้งเอง หรือแม้แต่ตัวเมืองแอสการ์ด
โดยให้เทพต่าง ๆ ถามเขาว่ามีสิ่งใดอยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งเทพที่ถามก็ต้องตกใจ เมื่อไฮม์ดัลสามารถระบุตำแหน่งสิ่งต่าง ๆ รวมถึงยังสามารถได้ยินเสียงผู้คนที่กำลังเดินอยู่ในเมือง หรือ แม้แต่เสียงลมที่กระทบเข้ากันกับต้นหญ้า ก็ยังหนีไม่พ้นการได้ยินของไฮม์ดัล และสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นพลังที่น่าตกใจ คือ ไฮม์ดัลได้รับพลังที่สืบทอดมาจากแม่ทั้ง 9 ของตน จึงทำให้ตัวเขาไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการนอนมากเหมือนคนอื่นๆ กล่าวคือ เพียงเขาหลับตาลงเป็นเวลาเล็กน้อย ก็เหมือนกับตัวเขาพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว
ด้วยพลังนี้เอง เทพทุกองค์จึงต้องการมอบหน้าที่นี้ให้แก่เขากันแทบทั้งนั้น ไม่นานเทพโอดินก็มาพบและทราบถึงเรื่องราวต่าง ๆ ก็รู้สึกปลื้มปิติที่ได้พบกับหน้าลูกอีกตนหนึ่งของพระองค์ เท่านั้นยังไม่พอ บุตรตนนี้ยังมีพลังวิเศษที่จำเป็นต่อแอสการ์ดอีก พระองค์จึงได้แต่งตั้ง รวมถึงรับรองให้ไฮม์ดัล ขึ้นมาเป็นเทพในแอสการ์ดอย่างเต็มตัว อีกทั้งยังได้ มอบหน้าที่ในการเป็นอารักษ์คุ้มครองสะพานสายรุ้ง และมอบหน้าที่การจัดการทุกอย่างตามที่เห็นสมควร ในเวลาต่อมา เทพไฮม์ดัลจึงเปรียบเสมือนเทพผู้พิทักษ์แห่งแอสการ์ดไปโดยปริยาย
ทุกคนในแอสการ์ดจึงได้ร่วมกันสร้างวัง “ไฮมินบียอร์ด” ขึ้นมาบนสะพานสายรุ้งเพื่อให้เทพไฮม์ดัลใช้เป็นที่อยู่อาศัย และสถานที่นี่เอง จะทำให้พระองค์สามารถมองเห็นบริเวณโดยรอบได้อย่างง่ายดายขึ้น อีกทั้งยังมีม้านามว่า “โกลด์ทัฟท์” ที่ถือว่าเป็นม้าวิเศษ ที่จะนำพาพระองค์เคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้อย่างรวดเร็วดั่งใจนึก เทพไฮม์ดัลจึงได้รับความนับถือให้เป็นเทพแห่งการปกป้องและความยุติธรรม นอกจากหน้าตาอันหล่อเหลาแล้ว พระองค์ยังมีจิตใจที่โอบอ้อมอารี ใจดีเป็นมิตรต่อทุกคน จึงไม่แปลกที่ในเวลาไม่นานเทพไฮม์ดัลจะได้รับความนิยม และความนับถือจากทุกคนในแอสการ์ด
ด้วยการที่พระองค์ถูกนับถือให้เป็นเทพแห่งความยุติธรรมแล้ว จึงไม่แปลกที่พระองค์จะรู้สึกไม่ดี ต่อเทพโลกิซักเท่าไหร่ เพราะวีรกรรมและการกระทำต่างๆ ที่โลกิทำนั้น ช่างสวนทางต่อแนวทางที่พระองค์ปฎิบัติ บ่อยครั้งจึงทำให้พระองค์มีปากเสียงกับเทพโลกิอยู่เสมอ แน่นอน เทพโลกิเองก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเทพไฮม์ดัลเสียเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่เทพไฮม์ดัลมาอยู่ ความสนุกในการกลั่นแกล้งคนของเขาก็ลดน้อยลงไป กล่าวคือ ไม่ว่าโลกิจะทำอะไรก็ไม่สามารถลอดพ้นสายตาจากไฮม์ดัลได้เลย ความตึงเครียดของทั้งสองจึงเริ่มก่อตัว นานวันไปก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
หนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการแตกหักของทั้งสอง อันจะเกิดมาจากการที่ ในคืนหนึ่งโลกิได้แอบเข้าไปยังห้องนอนของเฟรย่า เพื่อที่จะไปขโมยเอาสร้อยประจำตัว ไบรซิงกาเมน ของเฟรย่าไป เพราะโลกิรู้สึกสนใจสร้อยเส้นนี้มานานแล้ว โลกิจึงได้แปลงร่างเป็นแมวแล้วแอบเข้าไปยังห้องนอน จนสามารถขโมยเอาสร้อยมาได้สำเร็จ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาพ้นออกจากประตูปราสาท เขาก็ได้เจอกับเทพไฮม์ดัลมายืนประจันหน้ารอเขาอยู่ก่อนแล้ว
ซึ่งแน่นอน เทพไฮม์ดัลปล่อยผ่านการกระทำนี้ของโลกิไปไม่ได้ ทั้งคู่จึงได้เข้าต่อสู้กัน การต่อสู้ของทั้งคู่เป็นไปอย่างดุเดือด โลกิได้ใช้พลังถนัดของตน นั้นคือการแปลงร่างเป็นสิ่งต่างๆ เข้าสู้กับไฮม์ดัลทั้งกลายร่างเป็นไฟ หรือกลายเป็นหมึขาวตัวใหญ่ยักษ์ โดยโลกิแทบจะมั่นใจในฝีมือของตน ว่าไฮม์ดัลไม่สามารถสู้กับพลังแปลงกายตนได้อย่างแน่นอน แต่กลับกัน ด้วยการที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่า เทพไฮม์ดัลมีแม่เป็นยักษ์ทั้ง 9 และหนึ่งในยักษ์ทั้ง9 นี้ มีอยู่นางหนึ่งที่มีพลังการแปลงกายอยู่ในตัว จึงทำให้พลังนี้ถ่ายทอดมาสู้ไฮม์ดัลได้ในที่สุด เทพไฮม์ดัลจึงได้แปลงกายเป็นหมีขาวที่ตัวใหญ่กว่าเข้าต่อสู้กับโลกิ การแปลงกายของไฮม์ดัลสร้างความตื่นตระหนกให้แก่เทพโลกิเป็นอย่างมาก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ไฮม์ดัลปกปิดพลังนี้ที่ตนมีอยู่มาตลอด
เมื่อทุกอย่างเริ่มไม่เป็นไปตามแผน โลกิได้ใช้พลังทุกอย่างที่มีเข้าสู้กับไฮม์ดัล แต่ด้วยพลังที่ตนมีก็ยังไม่สามารถสู้ได้ โลกิจึงเลือกที่จะหนี ด้วยการแปลงร่างเป็นแมวน้ำและกระโดดลงน้ำ หวังที่จะว่ายหนีไป แต่ไฮม์ดัลก็ไม่ยอมให้โลกิหนีไปไหนได้ พระองค์ได้แปลงเป็นแมวน้ำและรีบติดตามโลกิไป เกิดเป็นการต่อสู้อีกครั้งที่ใต้น้ำ การต่อสู้ครั้งนี้จบลง ด้วยการที่ไฮม์ดัลสามารถแย่งเอาสร้อยคอของเฟรย่ากลับคืนมาได้สำเร็จ
จากนั้นไฮม์ดัลก็กลับคืนสู่ร่างเดิม ทางด้านโลกิเองก็เช่นกัน ที่บัดนี้กลับเป็นร่างเดิมยืนจ้องมองมาที่ไฮม์ดัลอย่างเขม็ง ไฮม์ดัลเองก็มองโลกิตอบด้วยเช่นกัน แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ ทั้งคู่จึงไม่ได้ทำอะไรต่อ แม้แต่จะโต้เถียงกันอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา ก็ไม่มีแรงเหลือแล้วที่จะทำ ทั้งคู่จึงทำได้เพียงหันหลังเดินกลับไป ไฮม์ดัลก็ได้นำสร้อยมาคืนให้แก่เฟรย่าสำเร็จ ส่วนโลกิก็เก็บงำความแค้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และรอวันที่จะต้องเอาคืนไฮม์ดัลอย่างสาสม
ในเวลาต่อมาทั้งคู่จึงกลายเป็นศัตรูคู่แค้น ที่จ้องแต่จะทำลายอีกฝ่ายลงให้ได้ และเมื่อศึกแร็คนาร็อคอุบัติขึ้น เทพไฮม์ดัลก็ได้เข้าร่วมในศึกครั้งนี้ การต่อสู้ครั้งนี้นอกจากจะเป็นศึกสุดท้ายระหว่างเทพและปีศาจ ยังเป็นศึกที่ไฮม์ดัล ได้ต่อสู้กับคู่แค้น คู่อาฆาต อย่างโลกิอีกด้วย ตามตำนานได้กล่าวถึงการต่อสู้ของทั้งคู่เอาไว้ว่า ผลการต่อสู้นั้นจบลงด้วยความตายของพวกเขาทั้งคู่
อันจะเห็นได้ว่า เมื่อดีและชั่วต่อสู้กัน ผลของทุกอย่างก็กับกลายเป็นโมฆะ ทุกสิ่งทุกอย่าง ต่างตายลงไป เสมือนการล้างหน้ากระดานหมากรุก แรคน่า หรือ แร็คนาร็อค ความหมายของมันจึงเปรียบได้กับการสิ้นสุด และเมื่อสิ้นสุดแล้ว ความสมดุลก็จะกลับมาอีกครั้ง มีสวรรค์และนรก โดยมีโลกมนุษย์อยู่ตรงกลาง แล้วชีวิตก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง….
เรื่องราวในอนิเมะมหาศึกคนชนเทพ
ในส่วนของอนิเมะมหาศึกคนชนเทพ ก็ได้หยิบยกนำเอาประวัติของเทพไฮม์ดัล (Heimdall) นำมาดีไซน์สร้างตัวละครขึ้นมาใหม่ ใช้เป็นหนึ่งในตัวละครของเรื่อง โดยที่เทพไฮม์ดัล จะปรากฎตัวออกมาในลุคของชายตัวเล็ก ที่ส่วมหน้ากากเอาไว้ ให้ความรู้สึกดูลึกลับ มาพร้อมกับแตรคู่ใจ “กัลลาฮอร์น” และได้รับเกียรติให้เป็นโฆษกประจำสนาม มีหน้าที่คอยพากย์การต่อสู้ ร่วมทั้งประกาศว่าใครคือผู้ชนะ สำหรับหน้าที่นี้ ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดที่ เทพไฮม์ดัลได้รับมา เพราะเขานั้น ปราถนาที่จะได้เป่าแตร เริ่มศึกแร็คนาร็อก มาอย่างเนิ่นนานแล้ว
ในวันที่บรุนฮิลด์ เสนอให้ใช้กฎแร็คนาร็อก ตัวเขาในตอนนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น ที่กฎนี้กำลังจะถูกใช้ เพราะตัวเขานัน ต่างนับวันเฝ้ารอถึงวันนี้มาอย่างเนิ่นนานมากแล้ว ในเวลาต่อมาเทพซูส เทพสูงสุดได้ประกาศรับรองให้ใช้กฎนี้ ส่งผลให้เวลานั้น ไฮม์ดัลรู้สึกปลื้มปิติอย่างหาที่สุดไม่ได้ สำหรับตัวเขา คงจะไม่มีสิ่งใดวิเศษที่สุด มากกว่าการได้เป็นผู้เป่าแตรเริ่มศึกครั้งนี้อีกแล้ว
พลังของไฮม์ดัลนั้นยังเป็นปริศนา เพราะตัวของเขาไม่ได้ลงต่อสู้ แต่จากประสบการณ์ที่สามารถตัดสิน และหลบการโจมตีในการแข่งขันได้แทบทุกครั้ง ไม่แน่ว่า แท้จริง ไฮม์ดัลอาจจะมีพลังบางอย่างซุกซ่อนอยู่ก็อาจจะเป็นได้ ไม่แน่จริงพี่แกคงไม่ยืนพากย์จนการต่อสู้จบหลอกจริงไหม….
(เทพไฮม์ดัล ไม่ได้เป็นตัวแทนในการลงแข่งในศึกครั้ง แต่กับได้รับเลือกให้เป็นโฆษก พากย์การแข่งขัน ชนิดเกาะติดการแข่ง ดูๆไปก็เหมือนตัวเองได้ลงแข่งเหมือนกันน้า)
มหาศึกคนชนเทพ ไฮม์ดัล (Record of Ragnarok)
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun