นางเงือก กับเรื่องเล่าหลากหลายมุมมอง
“นางเงือก” อมนุษย์ชนิดหนึ่งตามความเชื่อในนิยายปรัมปราและเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ซึ่งในตำนานและเรื่องเล่าตามพื้นที่ต่างๆทั่วมุมโลกก็แตกต่างกันไป ซึ่งยังคงเป็นปริศนาที่ไม่สามารถระบุได้ว่า มีอยู่จริงหรือไม่ แต่ถึงแม้จะยังพิสูจน์ไม่ได้นั้น ก็ยังคงเป็นเรื่องที่มนุษย์ยังคงมีการพูดถึงอยู่เสมอ
เงือก เป็นอมนุษย์ชนิดหนึ่งตามความเชื่อ เป็นจินตนาการเกี่ยวกับสัตว์น้ำ โดยมากจะเล่ากันว่าเงือกนั้นเป็นสัตว์ครึ่งมนุษย์ มีส่วนครึ่งท่อนบนเป็นคน ส่วนครึ่งท่อนล่างเป็นปลา มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานเงือกมากมายทั้งตำนานที่ดีและไม่ดี แต่ทุกเรื่องราวนั้นมักมีส่วนที่เล่าคล้ายๆกันว่า นางเงือกมักจะปรากฏให้เห็นในยามค่ำคืนตามโขดหินเหนือผิวน้ำ หรือชายหาด ซึ่งมักจะมานั่งหวีสางผม และส่องกระจก ร้องบรรเลงเพลงในยามค่ำคืน
ตำนานเกี่ยวกับนางเงือกในประเทศต่างๆ
ในตำนานเทพของกรีก ต้นตระกูลเงือกคือ ไตรตอน ซึ่งเป็นลูกของ โพเซดอน เทพเจ้าแห่งท้องทะเล กับพรายน้ำสาวตนหนึ่ง ผู้คนมักจินตนาการว่าไตรตอนมีหางเป็นปลา ไว้หนวดเครายาว ทรงอำนาจในท้องทะเลเหมือนพ่อ ไตรตอนอาศัยอยู่ในปราสาททองคำที่ซ่อนตัวอยู่ก้นทะเล มีตรีศูล(ฉมวกสามง่าม)เป็นอาวุธ คอยเป่าแตรหอยสังข์เพื่อควบคุมทะเลให้สงบหรือบ้าคลั่ง ไตรตอนจึงมีสมญาว่า นักเป่าแตรแห่งท้องทะเล
ในประเทศยุโรปตอนเหนือ เงือกของยุโรปมีความน่ากลัว เป็นปิศาจลักษณะเดียวกับนิมฟ์จำพวกไซเรน, ไนแอด หรือลิมนาเดส ที่จะล่อลวงเหยื่อโดยเฉพาะชายหนุ่มให้ลงไปในน้ำแล้วสังหารทิ้ง ซึ่งเสียงของเงือกมีพลังดึงดูด สามารถชักพาให้ผู้ที่ได้ยินเสียงคล้อยตามได้ การที่เรือเดินทะเลต้องชนกับหินโสโครก และอับปปางลงลำแล้วลำเล่านั้น เป็นเพราะว่าถูกชักจูงให้เดินทางไปตามเสียงเพลงของเงือกนั่นเอง
ในประเทศญี่ปุ่น เงือกเป็นโยไกหรือปิศาจจำพวกพรายน้ำอย่างหนึ่งตามความเชื่อของศาสนาชินโต ศาสนาพื้นเมืองของญี่ปุ่น เงือกในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “นิงเงียว” (人魚, Nin-gyo) ความเชื่อหลักเกี่ยวกับการกินเนื้อเงือก คือ เมื่อในอดีต มีหญิงสาวคนหนึ่งได้ช่วยนางเงือกเอาไว้ที่ชายหาด นางเงือกซาบซึ้งบุญคุณของหญิงคนนั้น จึงให้กินเนื้อเงือกเป็นการตอบแทน แต่ทว่า อาถรรพณ์ของเนื้อเงือก จะทำให้ผู้ที่กินเข้าไปไม่แก่ไม่ตาย หญิงสาวผู้นั้นมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีวันแก่ตาย ได้เห็นผู้คนรอบข้างตายไปทีละคนจนทนไม่ได้ จึงบวชเป็นชีชื่อ แม่ชีเบคุนิ
ในประเทศไทย มีการกล่าวถึงเรื่องเล่าของเหล่านางเงือกอยู่ด้วยเหมือนกัน โดยนางเงือกไทยนั้นก็จะมีลักษณะเหมือนกับนางเงือกทั่วไป ที่เห็นชัดเจนจะเป็นเรื่องเล่าผ่านวรรณกรรม พระอภัยมณี ของสุนทรภู่ ที่กล่าวไว้ว่า ครอบครัวเงือกเป็นผู้พาพระอภัยมณีหนีจากนางผีเสื้อสมุทรมาที่เกาะแก้วพิสดาร ซึ่งนางเงือกผู้เป็นลูกได้พบรักกับพระอภัยมณี และให้กำเนิดบุตร อย่าง สุดสาคร ขึ้นมา ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครเอกของเรื่องราวดังกล่าว
มีการสร้างรูปปั้นนางเงือกขึ้น เช่น รูปปั้น “นางเงือกทอง” สัญลักษณ์อันโดดเด่นของแหลมสมิหลา จังหวัดสงขลา รูปปั้นนางเงือกกับพระอภัยมณี หาดนางรำ จังหวัดชลบุรี ถือเป็นหลักฐานที่แน่ชัดว่าเรื่องเล่าของนางเงือกจะเป็นเรื่องเล่าที่ยังคงไม่เสื่อมคลายไปจากประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันก็ได้กลายเป็นจุดที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่จะมาถ่ายรูป เป็นแลนมาร์คให้กับแหล่งท่องเที่ยวได้อีกด้วย
ความคิดเห็นจากชาวเน็ต
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าเรื่องราวการมีอยู่จริงของ นางเงือก/เงือก นั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันเสมอมา ฝั่งที่มองว่านางเงือกมีอยู่จริงนั้นให้เหตุผลว่า “มนุษย์สำรวจทะเลได้แค่ 5-7% เทียบเป็นอัตราส่วนต่อมหาสมุทรได้แค่ 1% จากมหาสมุทรทั้งหมด ยังมีอีกประมาณ 95% ที่ยังไม่ถูกค้นพบ ดังนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้” แต่อีกฝั่งที่บอกว่านางเงือกเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาเหตุผลใดมาเป็นแรงหนุนนั้นให้ความเห็นว่า “เป็นไปไม่ได้ที่ใต้น้ำจะมีสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับคน เพราะด้วยสรีระของมนุษย์นั้นได้รับวิวัฒนาการให้ชีวิตบนพื้นดิน ดังนั้นถ้าจะมีสิ่งใดอยู่ใต้น้ำ ก็ไม่สามารถจัดว่าเป็นมนุษย์ได้”
อ่านบทความเกี่ยวกับตำนานต่างๆเพิ่มเติมได้ที่ : QuotesAboutSmile และ Keywordsfun