By AI AI
ประเภทผู้ใช้คำสาป (จูจุทสึนอกรีต)
ประเภทผู้ใช้คำสาป (จูจุทสึนอกรีต) นั้นมีมาแต่โบราณก่อนที่ จะถือกำเนิดโรงเรียนจูจุทสึนั้นเหล่าผู้ใช้คำสาปในยุคแรกๆนั้น ต่างใช้คำสาปไปกับการหาผลประโยชน์เข้าตัวเองอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนเช่นในการใช้คำสาปต่อสู่กันในสงครามต่าง ๆ ที่มีมากมายในอดีตแคว้นต่าง ๆ ล้วนมีเหล่าผู้ใช้คำสาปในการครอบครองทำงาน โดยการสาปแช่งฝ่ายตรงข้ามบ้างหล่ะ ใช้คำสาปในการต่อสู้กันบ้างหรือใช้เพื่อในการเป็นมือสังหาร อย่างประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเคยบันทึกถึงพิธีกรรมต่าง ๆ มากมายยกตัวอย่างเช่น อุชิ โนะ โคะคุไมริ” (丑刻参り) คือชื่อของ “พิธีกรรมสาปแช่ง” ที่เกิดจากความเชื่อโบราณของคนญี่ปุ่น มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ (ค.ศ.1603 – 1868) เป็นพิธีที่ใช้สาปส่งคนที่ไม่ชอบ คนที่เกลียด คนที่เป็นศัตรู หรือคนที่มีความเคียดแค้นเป็นการส่วนตัว ให้พวกเขาทรมานหรือถึงกับชีวิต
โดยใช้หุ่นฟาง ตะปู และค้อน ในการใช้คำสาปนั้น จะเห็นได้ว่าเหล่าคำสาปมีมาแต่ก่อนแล้ว หลังจากที่พวกเขาเหล่านี้ใช้คำสาปในการต่อสู้กันมาเป็นเวลานาน คำสาปเหล่านั้นได้หลอมรวมกันเกิด จ้าวแห่งคำสาป เรียวเมง สุคุนะ ขึ้นมา เรียวเมง สุคุนะ นั้นประวัติความเป็นมาไม่แน่ชัดแต่จากการบันทึกไว้เรียวเมง สุคุนะ นั้นเกิดมาจากการรวมตัวกันของคำสาปแง่ลบจำนวนมาก หรืออาจจะเกิดมาจากตัวผู้ใช้อาคมเองก็ได้ แต่หลังจากเหตุการณ์เรียวเมง สุคุนะ อุบัติขึ้น ทำให้มีผู้คนและผู้ใช้คำสาปต้องเสียชีวิต ล้มตาย กันไปเป็นจำนวนมาก
เหล่าผู้ใช้คำสาปที่เหลือ ต้องรวมตัวกันขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับ เรียวเมง สุคุนะ การต่อสู้ใช้เวลานานและเกิดการสูญเสียมากจนในที่สุดเหล่าผู้ใช้คำสาปในยุคนั้นสามารถปราบเรียวเมง สุคุนะ ลงได้แต่พวกเขาก้ไม่สามารถทำลายสุคุนะได้ ทำได้แค่เพียงตัดแยกชิ้นส่วนออกมาและปิดผนึกไว้ หลังจากเหตุการนั้นเหล่าผู้ใช้คำสาปที่ได้ร่วมตัวกันได้ตกลงและเห็นพ้องต้องกันว่าถึงเวลาที่พวกเราจะร่วมมือกันสร้างกฎระเบียบและการอยู่ร่วมกันของเหล่าผู้ใช้คำสาป หรือก็คือการก่อตั้งกลุ่มจูจุทสึขึ้นมา เพื่อให้เหล่าคนผู้ใช้คำสาปได้มีกลุ่มที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือช่วยกันฝึกฝนเหล่าจูจุทสึในรุ่นต่อ ๆ ไปให้ดีขึ้น
อีกทั้งยังช่วยจัดการและแบ่งงานหน้าที่ในการปฎิบัติงานที่เห็นว่าสมควรและถูกต้องให้แก่เหล่าจูจุทสึทุกคนต่อไป และแน่นอนกลุ่มที่เห็นต่างก็ต้องมี ในพวกเขาก็มีคนที่ไม่เห็นด้วยถึงการรวมกลุ่มกันเพราะเหมือนกับว่าผลประโยชน์ที่เขาเคยได้รับนั้นทำไมเขาต้องแชให้กับคนอื่นด้วย และในเหล่าผู้ใช้คำสาปบางคนก็ไม่ลงลอยกัน เกิดการแข่งขันชิงดีเด่นกันอยู่เสมอ
ผู้ใช้คำสาปที่ใช้คำสาปเพื่อตัวเองไม่เคารพกฎของจูจุทสึจะถูกตรีตราว่าเป็น “จูจุทสึนอกรีต” และจะถูกจับกุมดำเนินการตามโทษที่พวกเขาได้ทำไป สูงสุดคือประหารชีวิตในทันที ถึงแม้จะมีบทลงโทษมาใช้แต่ก็ไม่ทำให้จูจุทสึนอกรีตพวกนี้หวั่นเกรงกลัวไม่ พวกเขายังรวมกลุ่มกันตั้งเป็นองกรณ์ของเขาที่จะทำงานในที่มืดของพวกเขาต่อไป จนมาถึงในยุคปัจจุบัน องกรณ์ของพวกเขาก็ยังมีอยู่โดยใช้ชื่อเป็น “เว็บไซต์ผู้ใช้คำสาป”
โดยในเว็บไซต์ของพวกเขาจะมีการว่าจ้างงานกันแบบผิดกฎหมาย (กฎหมายในโลกของจูจุทสึ) ต่าง ๆ มีตั้งแต่การสาปแช่งให้ล้มป่วย ให้กิจการธุรกิจล่มจมล้มละลาย จนถึงการฆาตกรรม โดยงานที่เกี่ยวกับการฆาตกรรมหรือล่าค่าหัวจะเป็นงานยอดฮิตที่จูจุทสึนอกรีตเหล่านี้โปรดปรานเป็นพิเศษ เพราะเป็นงานที่เงินดีท้าทายและเป็นการพิสูจน์ตัวเองให้กลุ่มตัวเองเห็นถึงความแข็งแกร่ง จนเป็นอีกหนึ่งการโปรโมทย์ที่ให้ผลลัพที่ดี เพราะเขาจะเป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ในการว่าจ้างนั้นหมายถึงเงินทองที่ไหลมาเทมาอีกด้วย.. แน่นอนศัตรูที่คอยขัดขวางธุรกิจของพวกเขาก็ต้องเป็นกลุ่มคนจากโรงเรียนจูจุทสึที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ไหนแต่ไร
วันเวลาผ่านไปการต่อสู้ของพวกเขาก็มีมากันตลอด แทบจะไม่ต่างจากคำสาปที่เหล่าจูจุทสึต้องคอยจัดการ ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ แล้วแต่ตามสถานการที่พวกเขาต้องเจอ จนมาถึงการกำเนิดของเด็กคนหนึ่งนั่นคือ โกะโจ ซาตารุ เด็กที่เกิดมาพร้อมดวงตาและพรสวรรค์วิเศษ การเกิดของ โกะโจ นั้นทำให้สมดุลของโลกจูจุทสึเปลี่ยนไปโดยอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือเขาแข็งแกร่งเกินไป ตั้งแต่ โกะโจ ยังเด็กเขาก็ถูกตั้งค่าหัวในกลุ่มจูจุทสึนอกรีต ให้จับตายได้ทันทีแต่ก็ไม่มีใครจัดการเขาได้เหล่า จูจุทสึนอกรีต ที่รับงานนี้ถ้าไม่ตายก็กลัวจนต้องหนีหายไปนั้นเอง….
นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเพราะการมีอยู่ของ โกะโจ ซาโตรุ นั้นทำให้พวกเขาไม่สามารถทำงานที่พวกเขารักได้เลยแถมในบางครั้งถ้าพวกเขาไม่เลิกก็อาจจะถูกตามล่าหรือถูกกำจัดได้และยิ่งมีข่าวที่ออกมาว่า โกะโจ ซาโตรุสามารถจัดการ เซนอิน โทจิ นักฆ่าคำสาปอันดับต้น ๆ ของวงการได้แล้วยิ่งเพิ่มความหน้ากลัวให้เขาทวีคูณยิ่งขึ้นไปอีก
ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงการล่มสลายขององกรณ์ของพวกเขาได้เลยจนพวกเขาได้พบกับ เกะโท สุกุรุ อดีตนักเรียนจูจุทสึ โตเกียวที่ยื่นข้อเสนอและบอกถึงวิธีการจัดการกับโกะโจ ข้อเสนอและวิธีของเกะโท นั้นเปรียบเสมือนแสงสว่างที่ปรายอุโมงที่พวกเขาเฝ้ารอและค้นหามานาน จึงไม่มีเหตุใดที่จะปฎิเสธข้อเสนอนี้พวกเขาจึงเข้าร่วมกับเกะโทเพราะต้องการที่จะทวงโลกอิสระของพวกเขากลับคืนมา!
กลุ่มจูจุทสึนอกรีตนั้นมีอยู่หลายคน แต่คนที่มีความสามารถเด่น ๆ จนถูกจัดอันดับให้ขึ้นในเว็บไซต์ผู้ใช้คำสาปมีดังต่อไปนี้
ประเภทผู้ใช้คำสาป (จูจุทสึนอกรีต)
เซนอิน โทจิ (Zenin Toji) หรือ ฟุชิกุโระ โทจิ (Fushiguro Toji)
เซนอิน โทจิ นั้นเกิดในตระกูล เซนอิน(1ใน3ตระกูลใหญ่)ตระกูลที่ทรงอิทธิพลในโลกจูจุทสึ โทจินั้นเกิดโดยไม่มีพลังคำสาปเลยหมายถึงเขาไม่สามารถมองเห็นคำสาปได้เลยเขาจึงถูกจัดให้อยู่ในตระกูลเป็นแบบชนชั้น2ที่ไม่มีพลังอาคม(คุณไสย)นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่สุดถึงแม้ เขาจะไม่มีพลังคำสาป แต่เขากลับมีพลังร่างกายที่เป็นเลิศบวกกับความสามารถพิเศษในการตอบสนองที่รวดเร็วที่เกินกว่ามนุษย์ปกติจะมีได้
โทจินั้นเชี่ยวชาญการใช้อาวุญคุณไสย ในการต่อสู้เขาสามารถใช้อาวุธได้ทุกชนิดและยังใช้อาวุธชนิดๆนั้น ๆ ได้อย่างช่ำชองเหนือกว่าคนที่มีพลังคำสาปมากกว่าซะอีก แต่นั้นก็ไม่เพียงพอต่อตระกูลเซนอินเพราะเขาไม่มีพลังคำสาปเลย จึงไม่มีค่าพอที่จะแบกนามของตระกูลเซนอินไว้ได้ เขาเลยเดินออกมาจากตระกูลและหาเลี้ยงตัวเองด้วยการเป็น “นักฆ่าคำสาป” ที่รับงานล่าค่าหัวหรือในบางกรณีเขาก็ต้องปะทะกับเหล่าผู้ใช้คำสาปจูจุทสึมืออาชีพ
แต่นั่นกับไม่ใช่ปัญหาของเขาเลยถึงแม้เขาจะมองไม่เห็นคำสาปแต่เขาก็ยังใช้วิญญาณคำสาปช่วยในการมองเห็น และสามารถจัดเก็บอาวุธคุณไสยไว้ในตัววิญญาณต้องสาปได้ โทจิมีการใช้อาวุธในการต่อสู้ที่พลิกแพลงตามสถานการณ์แถมยังเปลี่ยนไปใช้อาวุธสมัยใหม่ได้เพื่อผลลัพที่ดี ไม่ว่าจะภารกิจไหนชื่อของเขาจะจัดอันดับไว้อยู่ต้นๆในองกรณ์ ที่ผู้ว่าจ้างจะต้องเลือกเขามาทำงานเสมอ
อาวุธคุณไสยที่โทจิมักใช้ในการต่อสู้
-ดาบคำสาป คาตานะ เล่มยักที่เคลือบด้วยพลังคำสาปชั้นสูงที่สามารถจะตัดและทำลายเหล่าคำสาปได้
-กริซ(มีดสั้น)ที่ชื่อว่าปลายหอกจากสวรรค์เป็นอาวุธคำสาปที่พลังมากและยังมีอีกชื่อคือมีดสังหารจูจุทสึความสามารถของกริซเล่มนี้นั้นจะไปปิดพลังคำสาปของผู้ที่ถูกกริซเล่มนี้แทงจะไม่สามารถใช้พลังคำสาปได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
เซนอิน โทจิ หรือ ฟุชิกุโระ โทจิ นั้นเขามีลูกชายอยู่หนึ่งคนคือ ฟุชิกุโระ เมกุมิ ตอนที่เมกุมิเกิดโทจิได้เห็นแล้วว่าเมกุมินั่นเป็นเด็กที่มีพลังคำสาปมีพรสวรรค์ตั้งแต่เกิด เขาเลยได้ทำการขายเมกุมิให้กับตระกูลเซนอินเพราะมีความเชื่อที่ว่าถ้าเมกุมิได้ไปอยู่ในตระกูลเซนอินเขาจะกลายเป็นจูจุทสึที่ยิ่งใหญ่และมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและชื่อเมกุมิที่เขาตั้งให้ ก็แปลว่า “พรที่ได้รับมา” นั่นเอง
อาวาซากะ (Awasaka)
อาวาซากะเป็นชายสูงอายุที่มีกล้ามเนื้อมัดใหญ่หน้าตาของเขาดูดุดัน อาวาซากะมีนิสัยที่ค่อนข้างขี้เล่นหลงไหลในการต่อสู้มาก ในอดีตเขาเคยเป็นหนึ่งในนักฆ่าที่มีชื่อเสียงในวงการผู้ใช้คำสาปนอกรีตมีฝีมือการต่อสู้ที่สูงแต่สิ่งที่เขาชื่นชอบมากที่สุดในการต่อสู้คือการจับเหยื่อมาทรมาน ชำแหละเหยื่อก่อนที่เขาจะฆ่าเหยื่อ(แจ็คเดอะริปเปอ)
อาวาซากะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการใช้อาวุธคุณไสยถึงจะไม่เทียบเท่า เซนอิน โทจิ แต่ความสามารถของเขาก็จัดอยู่ในระดับสูง โดยอาวุธที่เขาใช้คือ มีดสั้นคุณไสย(tanto)พร้อมคำสาปที่เป็นเอกลักาณ์ของเขานั่นคือ “คำสาปผกผัน” ที่จะสามารถกลับพลังคำสาปของเขากับเป้าหมายได้จากสูงไปต่ำ จาก ต่ำไปสูง จึงทำให้การต่อสู้แบบ1-1กับอาวาซากะ เป็นเรื่องที่ยากมาก
เขาเคยได้รับมอบหมายงานในการฆ่าโกะโจ ซาโตรุ ในวัยเด็กแต่ก็ล้มเหลวทั้งที่เขายังไม่ได้ทันลงมือเขากับสัมผัสพลังที่ออกมาจากโกะโจได้ว่ามีพลังที่มหาศาลจนเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย เขาเลยได้ถอนตัวออกจากวงการในเวลานั้นนับเป็นเวลาที่ยากลำบากเพราะเขาไม่สามารถที่จะทำงานที่เขารักได้ จน กระทั่งได้เจอกับ เกะโท สุกุรุ ที่มาว่าจ้างและบอกถึงแผนการในการจัดการกับ โกะโจ นั่นทำให้อาวาซากะพบหนทางที่จะทวงคืนโลกเดิมของเขากับมา เขาจึงรับงานนี้อย่างไม่ลังเลเลย
-พลังคำสาปการผกผันอาวาซากะเมื่อบวกกับเทคนิคการใช้มีดสั้น(tanto)ของเขาแล้วจัดเป็นการต่อสู้ที่น่ากลัวมาก
ข้อมูลเพิ่มเติม
อาวาซากะมีเทคนิคคำสาปคือการผกผันที่เป็นเทคนิคคำสาปที่ยอดเยี่ยมนขณะที่เปิดใช้งานเทคนิคนี้การโจมตีจะอ่อนแอลงเมื่อแข็งแกร่งขึ้นในขณะที่การโจมตีที่อ่อนแอจะแข็งแกร่งขึ้น แต่เทคนิคนี้ก็มีขีดจำกัดอยู่พลังผู้ใช้จัดการกับคำสาปได้แต่กับพลังธรรมดาที่ไม่มีคำสาปเทคนิคนี้จะไม่ได้ผลทันที
โองามิ (Ogami)
โองามิเป็นหญิงชราที่ตัวเล็ก มีนิสสัยที่สุขุมรอบคอบควบคุมอารมณ์และมีสมาธิในการใช้อาคมได้ดี ไม่ว่าจะถูกรบกวนเธอก็จะทำพิธีของเธอจนเสร็จ ในอดีตโองามิเคยเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงในวงการผู้ใช้คำสาปนอกรีต ความสามารถของเธอคือการลอบฆ่าเป้าหมายไม่ว่าจะภารกิจใดเธอก็สามารถจะลอบฆ่าเป้าหมายนั้นได้เสมอเทคนิคในการใช้คำสาปของเธอก็จัดว่าเป็นเทคนิคที่แข็งอันดับต้นๆในโลก จูจุทสึ
พลังคำสาปของเธอคือ การเรียกวิญญาณคำสาปในการเข้าทรงโดยเธอจะทำพิธีบทสวดเรียกวิญญาณคนตาย เธอจะเรียกมาแต่ร่างกายของคนนั้นเมื่อเข้ามาในร่างเธอร่างกายเธอจะเปลี่ยนเป็นคนที่ตายไปแล้วเพื่อช่วยให้เธอใช้ร่างกายนั้นในการทำงานลอบสังหารได้ดีและในบางกรณีการอัญเชิญวิญญาณคนที่ตายก็สามารถที่เธอจะดึงพลังของร่างกายนั้นมาใช้ได้อีกด้วย เธอยังเคยได้รับมอบหมายงานในการตามฆ่า โกะโจ ซาโตรุ ในวัยเด็ก
แต่เธอก็ล้มเหลวแบบเดียวกับอาวาซากะ คือเธอสัมผัสพลังอันมหาศาลที่ออกมาจากโกะโจ ซาโตรุได้ จึงทำให้เธอรู้ตัวดีว่าเธอไม่สามารถที่จะทำอันตรายแก่โกะโจได้เลย แค่จะเข้าให้ถึงตัวก็แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว เธอจึงถอนตัวออกจากองกรณ์และใช้ชีวิตของเธอไปแบบปกติ(น่าจะรับงานเป็นคนทรงทั่วไป)
แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกมีความสุขเลยในการใช้ชีวิตแบบนี้ สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือการใช้ชีวิตแบบนักฆ่าการได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเหยื่อก่อนตายคือความสุขที่สุดของเธอ(ซาดิส)แต่ในตอนนี้เธอไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้อีกแล้ว จนกระทั่งเธอได้ถูกว่าจ้างโดย เกะโท สุกุรุ ที่บอกถึงแผนการในการจัดการโกะโจ ซาโตรุนั่นอาจจะเป็นความหวังเดียวที่เธอจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมของเธอจึงไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะปฎิเสธคำเชิญนั้นได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
โองามินั้นมีหลานชายอยู่คนทีมีความสามารถเป็นร่างทรงที่ดีไม่ต่างจากตัวเธอ เธอมักจะทำงานคู่กับหลานชายและงานเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จเสมอจนกระทั่งเธอได้เชิญวิญญาณร่างกายของเซนอิน โทจิ มาเพื่อต่อสู้ ถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในช่วงชีวิตของการเป็นผู้ใช้คำสาปตลอดมาของเธอเลย..
จูโซ คูมิยะ(Juzo Kumiya)
จูโซ คูมิยะ เป็นผู้ชายวัยกลางคนที่มีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ มีศีรษะหนาและมีรอยสักสีเข้มที่ปิดตาและดั้งจมูกของเขาไว้ เขามีนิสัยที่ก้าวร้าวและมีความคิดเป็นตัวของตัวเองไม่ชอบทำตามคำสั่งใครปรารถนาเพียงที่จะฆ่าคนเพื่อเอาร่างไปทำผลงานศิลปะ เขาจึงไม่ค่อยสนใจวิญญาณต้องสาปเนื่องจากวิญญาณที่ถูกสาปจะไม่ทิ้งร่างไว้ข้างหลังเมื่อพวกมันถูกจัดการแล้ว จูโซจึงไม่สนใจพวกมันเลย จูโซเป็นผุ้ใช้คำสาปที่มีฝีมือดีเขาใช้อาวุธคุณไสยเป็นขวานและบวกกับความกล้าบ้าบิ่น เขาจึงเป็นผู้ใช้คำสาปที่มีฝีมือที่อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนจูจุทสึเกียวโต ยังบอกว่าเก่งแต่ไม่เท่ากับคำสาปพิเศษ ถึงจะเก่งมีฝีมือแต่ก็แพ้ให้กับโกะโจ ซาโตรุอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลเพิ่มเติม
จูโซ คุมิยะ ชื่นชอบการสะสมร่างกายมนุษย์(โรคจิต)และเขายังใช้ร่างกายเหล่านั้นในการทำผลงานศิลปะต่างๆของเขา เขามีทัศนคติในการแบ่งมนุษย์ออกเป็นสิ่งของ เช่นเห็นผู้ชายคนนี้เขาจะนึกถึงตู้เสื้อผ้า เห็นผู้หญิงคนนั้นเขาก็จะนึกถึงราวตากผ้า เป็นต้น
ชิเกโมะ ฮารุตะ (Shigemo Haruta )
ชิเกโมะ ฮารุตะ เป็นผู้ชายวัยรุ่นตัวผอมผิวสีซีด ไว้ผมยาวประไหล่มีนิสัยชอบทรมานและรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าตัวเอง(ซาดิส)อยู่เสมอ เขามีความคิดที่ว่า ผู้ที่อ่อนแอมักจะต้องเป็นเหยื่อให้ผู้แข็งแกร่งเสมอ ฮารุตะเป็นผู้ใช้คำสาปที่มีความสามารถเขาใช้อาวุธคุณไสยเป็นมือที่ถือดาบเป็นผลงานการสร้างของจูโซ อาวุธคุณไสยของฮารุตะนั้นใช้ต่อสู้ได้พลิกแพลงได้หลากหลายราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง แถมยังติดตามเหยื่อของฮารุตะไปตลอด
แต่สิ่งที่ทำให้ฮารุตะจัดเป็นผู้ใช้คำสาปที่แข็งแกร่งคือ เทคนิคคำสาปที่ฮารุตะเรียก ว่า ปฎิหาริย์ โดยฮารุตะจะเก็บสิ่งที่เรียกว่าปฎิหาริย์ในชีวิตของเขาไว้(น่าจะเป็นความโชคดีที่เขาเจอ)เก็บสะสมและทำให้เป็นสัญลักษณ์อยู่ใต้ดวงตา โดยพลังปฎิหาริย์นั้นจะแสดงออกมาตอนที่ฮารุตะมีอันตรายถึงชีวิตทำให้เขารอดจากอันตรายนั้นมาได้และขีดใต้ดวงตาของเขาก็จะหายไปนั่นเอง
ข้อมูลเพิ่มเติม
ชิเกโมะ ฮารุตะนั้น นับถือในผลงานศิลปะในการสร้างของ จูโซ มากเขายึดถือว่าผลงานต่างๆของจูโซคือผลงานศิลปะชิ้นเอกที่โลกสมควรได้รับและใครที่ได้เปลี่ยนมาเป็นศิลปะนี้ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุด(บ้าทั้งคู่)
