อาการแพ้ สัญญาณเตือนของความอันตราย
สวัสดีค่ะทุกคน เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนแล้วนะคะ ช่วงนี้อากาศร้อนเป็นพิเศษ หลายๆคนเกิดอากาศแพ้ ผื่นคัน วันนี้จึงจะมาแนะนำเกี่ยวกับอาการ ลมพิษ และผื่นคัน รวมถึง อาการแพ้ ต่างๆ ค่ะ หากใครเกิดอาการเหล่านี้ เตรียมตัวรับมือกับอาการเหล่านี้ได้เลยค่ะ
ลมพิษคืออะไร?
ลมพิษเป็นอาการแพ้ทางผิวหนัง ซึ่งเซลล์ในร่างกายอจะปล่อยฮีสตามีนและสารประกอบอักเสบอื่นๆ สารประกอบเหล่านี้ทำให้เส้นเลือดเล็กๆ ในบริเวณนั้นไหลเวียน และทำให้เกิดรอยนูนขึ้นบนผิวหนังซึ่งมีลักษณะคล้ายวงกลม อาจมีผื่นแดงเล็กน้อย และมีอาการคัน ผื่นคันนั้นจะอยู่ 2-3 วัน หรือน้อยกว่านั้น นอกจากนี้ยังอาจไหม้หรือแสบได้ อาจจะมีอาการแพ้อื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หายใจไม่ออก หรือหายใจลำบาก ริมฝีปากบวม และอาจเกิดการฟกช้ำได้ ถ้าหากเกิดอาการเหล่านี้ จะเรียกว่าอาการแพ้อย่างรุนแรง จำเป็นจำต้องพบแพทย์ทันที
ร่างกายของเรามีระบบภูมิคุ้มกันที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันสารอันตรายที่เข้าสู่เลือดหรืออวัยวะของเรา เมื่อสารเคมีหรือเชื้อโรคที่เป็นอันตรายเข้าสู่ร่างกายของเรา ระบบภูมิคุ้มกันจะทำปฏิกิริยาผ่านระบบโปรตีนในพลาสมาที่เรียกว่าอิมมูโนโกลบูลิน – โปรตีนเหล่านี้จะป้องกันตัวเอง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก ในระหว่างกระบวนการนี้เซลล์จะปล่อยฮีสตามีนและสารอื่นๆ ออกมาทำให้เกิดอาการแพ้ที่พบเห็นกัน เช่น อาการคันบวม ลมพิษ หรือไอในปอด หากเกิดอาการแพ้รุนแรงอาจทำให้กล้ามเนื้อกระตุกและจะทำให้ระบบทางเดินหายใจแคบลงและหายใจลำบากมากยิ่งขึ้น
ระดับของอาการแพ้มีด้วยกัน 3 ระดับ
- อาการแพ้น้อย มีอาการคัน และเกิดผื่นแดงแสบร้อน
- อาการแพ้ปานกลาง เยื่อบุตาอักเสบ เยื่อจมูกอักเสบ หายใจติดขัด
- อาการแพ้รุนแรง อาจเกิดอาการของทุกระดับร่วมกัน และอาจร้ายแรงจนถึงอาการช็อก หมดสติได้
ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการแพ้ส่วนมาก คือ หญ้า พืชผลต่างๆ เกสรดอกไม้ แมลงกัดต่อย วัตถุเจือปนในอาหารและอาหารบางชนิด ยา สารเคมีต่างๆที่พบในอากาศและน้ำ ฝุ่น ขนสัตว์ เป็นต้น
การรักษาอาการแพ้ ผู้ป่วยควรมียาแก้แพ้ติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อนำมาใช้ได้ทันทีที่เริ่มมีอาการ หากอาการไม่ทุเลาลง ซึ่งอาการแพ้บางครั้งอาจเกิดเป็นเวลานานจนอาจจะทำให้ผู้ป่วยช็อก หรือหายใจไม่ออกได้ ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเพื่อให้แพทย์ดูแลและเลือกสั่งยาที่จะใช้รักษาได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงทีที่สุด การพบแพทย์ผิวหนังสามารถป้องกันความรุนแรงของการเกิดโรคต่อไป
วิธีป้องกันอาการแพ้อย่างง่ายๆ คือหมั่นสังเกตุตนเองว่า เกิดอาการแพ้เมื่อทำสิ่งใด ตัวอย่างเช่นหากเกิดอาการแพ้เมื่อทานอาหารทะเล ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการทานอาหารทะเลเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ได้อีก อย่าลืมที่จะดูแลสุขภาพให้แข็งแรงโดยการออกกำลังกายเป็นประจำ ทานอาหารครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว สิ่งเหล่านี้จะทำให้มีภูมิคุ้มกันมากขึ้น และสามารถกำจัดสารพิษออกจากร่างกายได้
การทดสอบอาการแพ้
การทดสอบอาการแพ้มี 2 วิธี คือ การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังโดยวิธีสะกิด (skin prick testing) และการเจาะเลือดตรวจ (serum specific IgE)
หรือวิธีการง่ายๆ คือสังเกตุตนเองว่าเกิดอาการแพ้เวลาทาน หรือสัมผัสกับสิ่งใด เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงอาการแพ้เหล่านี้
สุดท้ายนี้ก็อยากจะฝากไว้ว่า ผู้ป่วยจะต้องตระหนักถึงอันตรายของอาการแพ้ และทราบวิธีปฏิบัติตัวซึ่งจะต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยบางคนเมื่อทราบถึงสาเหตุของอาการแพ้แล้ว อย่าลืมที่จะหลีกเลี่ยงสาเหตุของอาการแพ้เหล่านั้น เพราะอาการแพ้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้นะคะ ทางผู้เขียนหวังว่าข้อมูลดังกล่าวนี้จะสามารถเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อย ขอบคุณสำหรับการเข้ามาอ่านจนจบนะคะ แล้วเจอกันบทความถัดไปค่ะ
สามารถอ่านบทความสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ :
ปวดคอ ปวดหลัง ปัญหาเรื้อรังที่ต้องดูแลรักษา
เลือกทาน “อาหารว่าง” อย่างไรไม่ให้อ้วน
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ quotesaboutsmile