อิสราเอล-ปาเลสไตน์ การประทะเดือด ที่อาจจะก่อให้เกิดสงคราม!!
เป็นเวลากว่าหลายวันที่ การปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารอิสราเอล(IDF) กับกลุ่มกองกำลังฮามาสในปาเลสไตน์ ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ หรือ หยุดยิงแต่อย่างใด แต่กับมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ฝ่ายฮามาสได้ประกาศแล้วว่า พวกเขาจะต้องทวงคืนเยรูซาเลมตะวันออก กลับคืนมาจากอิสราเอล และได้กระทำการโจมตีอย่างหนักด้วยจรวดมิสซายมากถึงกว่า220ลูก และยังบอกอีกว่าอาจจะยิงเข้าถล่มอิสราเองต่อจากนี้อีกกว่า1000ลูก
ถึงแม้ว่าในขณะนี้ทางอิสราเอลจะตอบโต้กลับด้วยการส่งฝูงบินทิ้งระเบิดทำลายเป้าหมาย ที่คาดว่าน่าจะเป็นฐานบัญชาการของกลุ่มฮามาส ส่งผลให้ในขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตจากการถล่มจากอิสราเอล สูงมากถึง 119 คน ในกลุ่มคนนี้สำนักข่าวท้องถิ่นในปาเลสไตน์ได้บอกว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นพลเรือนและมีเด็กอยู่ในจำนวนนี้มากกว่าหลายสิบคน ส่วนทางด้านอิาราเอลที่ถูกโจมตีด้วยจรวดของกลุ่มฮามาส ถึงแม้จะมีระบบป้องกันภัยทางอากาศ (Iron Dome) ที่ขึ้นชื่อว่าสามารถป้องกันการโจมตีจากทางอากาศได้สูงมากถึง 95% ก็ยังส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 8 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ใหญ่ 7 คน และเด็กอีก 1 คน และการสูญเสียนี้อิสราเอลก็ประกาศแล้วว่า พวกเขาจะต้องตอบโต้คืนอย่างสาสม ยิ่งโหมกระหน่ำให้ไฟสงครามที่กำลังก่อตัวนี่ โหมหนักมากยิ่งขึ้นอีก จนขนาดที่ในตอนนี้ทางด้านสหประชาชาติ(UN) กำลังขอร้องให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้าเข้าพูดคุยเจรจากัน แต่ในเวลานี่ก็ยังไม่เป็นผล เพราะต่างฝ่ายก็อ้างว่าตนเองถูกกระทำก่อน
ย้อนไปเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์การปราบปรามจากตำรวจอิสราเอล ในบริเวณสถานที่ศักดิ์สทธิ์บนเนินเขาในเยรูซาเลมตะวันออก สถานที่นี้ได้รับการสักการะทั้งจากชาวมุสลิมซึ่งเรียกว่า ฮาราม อัล-ชารีฟ และชาวยิวซึ่งเรียกว่าเนินพระวิหาร (Temple Mount) กลุ่มชาวปาเลสไตน์เรียกร้องให้อิสราเอลนำตำรวจออกจากบริเวณดังกล่าว และจากเขตชีค จาร์ราห์ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงและเป็นเขตที่มีชาวอาหรับอาศัยอยู่จำนวนมาก แต่คำขอดั่งกล่าวกับไม่เป็นผล ทางด้านตำรวจอิสราเอล ได้ใช้กฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยทางด้านโรคติดต่อ(covid-19) มาบังคับใช้ที่ไม่ให้จัดงานหรือการชุมนุมมากว่า 5 คนขึ้นไป ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจ จนเกิดเป็นการจับกุม และสลายการชุมนุมของผู้คนที่มาจัดพิธีทางศาสนา เพราะในช่วงนี้เป็นเดือนศักดิ์สทธิ์ของชาวมุสลิม หรือ รอมฎอน ด้วยการกระทำนี่ของตำรวจอิสราเอล สร้างความไม่พอใจ แก่ชาวมุสลิมเป็นอย่างมาก รวมทั้งทางตำรวจและทหารยังเข้ามาขับไล่ครอบครัวของชาวปาเลสไตน์อีก 4 ครอบครัว ออกจากบ้านของพวกเขาในเยรูซาเลมตะวันออก ก็ยิ่งส่งผลให้เกิดการต่อต้านจากชาวปาเลสไตน์เพิ่มมากขึ้น
จนกระทั่งในวัน 11 พฤษภาคม ได้เกิดการต่อต้าน ร่วมถึงการประท้วงในหลายเมืองจากชาวอาหรับเอง ในวันนั้น มีข่าวแจ้งมาเป็นอย่างมากว่า มีชาวยิวจำนวนมาก ต่างถูกทำร้ายโดยคนปาเลสไตน์ที่ฉนวนกาซา และในเวลาต่อมายังได้ถูกกลุ่มกองกำลังฮามาสใช้จรวดยิงถล่มใส่อิสราเอล ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ทางด้านรัฐมนตรีความมั่นคงของอิสราเอลจึงออกคำสั่ง ให้ทหารเข้าควบคุมสถานการณ์โดยด่วน เพราะหวั่นผลกระทบออกไปเป็นวงกว้าง การที่ทหารเข้ามาตรึงกำลังในฉนวนกาซาก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดัน และนำไปสู่ความตรึงเครียดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งในเวลาต่อมา ได้มีการตอบโต้จากทางอิสราเอล โดยการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด เข้าถล่มฐานที่มั่นของกลุ่มกองกำลังฮามาสที่อาคาร อัล-ชารูก ในกาซาซิตี้ พังถล่มลงมา
ในเหตุการณ์นี้ได้สังหารทหารกองกำลังฮามาส ไปได้หลายนาย แต่ในจำนวนนี้ก็รวมถึง ผู้หญิงและเด็กอยู่ด้วย จึงทำให้สถานการณ์กลับทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
จนเมื่อวันพุธ ที่ 12 พฤษภาคม ก็เกิดเหตุการณ์ประทะกันที่รุนแรงมากที่สุดในครั้งที่ผ่านมา สมาชิกกลุ่มติดอาวุธในกาซาระบุว่า ได้ยิงจรวด 130 ลูกเข้าไปในอิสราเอล เพื่อตอบโต้การจู่โจมทางอากาศของอิสราเอลที่ทำให้อาคารอัล-ชารูก ในกาซาซิตี้ พังถล่มลงมา
อาคารแห่งนี้ ซึ่งเป็นอาคารสูงเป็นอันดับ 3 ในกาซาและพังถล่มลงจากการโจมตีทางอากาศในสัปดาห์นี้ เป็นที่ตั้งของ อัล-อักซา ทีวี สถานีโทรทัศน์ที่ดำเนินการโดยกลุ่มฮามาส
การโจมตีนี้อิสราเอลได้อ้างว่า พวกเขาได้ทำการสังหารผู้อาวุโสของฮามาสไปหลายคน อีกทั้งยังทำลายฐานยิงจรวดของกำลังไปอีกหลายจุด
ทางด้านกลุ่มฮามาสก็ได้ออกมาประนามถึงการโจมตีของอิสราเอลว่า ไร้มนุษย์ธรรม ที่การโจมตีได้มุ่งเป้าหวังสังหารพลเรือนปาเลสไตน์ด้วย ส่วนทางอิสราเอลก็ได้ออกมาตอบโต้ว่า พวกเขาสังหารผู้ก่อการร้าย และได้ประกาศเตือนภัยให้ประชาชนหลบหนีแล้ว
ทางด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สมาชิก 5 คน ของครอบครัวหนึ่งเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศเมื่อวันอังคาร รวมถึงพี่น้องผู้ชาย 2 คน
“เรากำลังหัวเราะและเล่นสนุกกันอยู่เลยตอนที่จู่ ๆ พวกเขาก็เริ่มทิ้งระเบิดใส่เรา ไฟลุกท่วมทุกสิ่งอย่างรอบตัวเรา” อิบราฮิม วัย 14 ปี ร่ำไห้เล่าเหตุการณ์ที่ทำให้ญาติทั้งสองคนของเขาต้องเสียชีวิตในเขตกาซา
กองกำลังป้องกันอิสราเอล ระบุว่า ชาวอิสราเอลหลายล้านคนต้องเข้าไปพักพิงในหลุมหลบภัยเมื่อคืนวันพุธ หลังจากมีเสียงสัญญาณเตือนจรวดดังขึ้นทั่วประเทศ
แอนนา อาห์รอนไฮม์ ผู้สื่อข่าวด้านความมั่นคงและกลาโหมของเยรูซาเลมโพสต์ ได้เล่าถึงการใช้ชีวิตในศูนย์หลบภัยช่วงคืนวันอังคาร (11 พ.ค.) พร้อมกับลูกวัย 5 เดือนของเธอ
“การได้ยินเสียงการยิงสกัดหลายร้อยลูก และเสียงจรวดตกลงมาใกล้เรา มันน่ากลัวมาก” เธอบอกกับบีบีซี
เด็กที่เสียชีวิตในเมืองซเดอรอตมีชื่อว่า อีโด อาวีกัลป์ อายุ 6 ขวบ เขาติดอยู่ในจุดที่มีการโจมตีอาคารที่พักอาศัย
จนมาถึงช่วงเช้าวันที่ 13 พฤษภาคม กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ระบุว่า มีจรวดถูกยิงจากฝั่งกาซาเข้ามาในหลายเมืองของอิสราเอลแล้วราว 1,500 ลูก นับตั้งแต่ความขัดแย้งได้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
กระทรวงสาธารณสุขซึ่งฮามาสเป็นผู้ดูแลในกาซา ระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้วมากกว่า 400 คน นับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งรอบนี้ขึ้น นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 67 คน
นายเนทันยาฮู ระบุว่า รัฐบาลจะใช้พละกำลังทุกอย่างที่มีเพื่อปกป้องอิสราเอลจากศัตรูภายนอกและผู้ก่อจลาจลภายในประเทศ
แต่ทางการปาเลสไตน์ ประณาม “การรุกรานทางทหาร” ของอิสราเอลทางทวิตเตอร์ว่า ทำให้ “ประชากรสองล้านคนที่มีชีวิตอย่างยากลำบากอยู่แล้วต้องหวาดกลัว”
สำหรับสถานการณ์ ในวันที่ 14 พฤษภาคม ทางด้านอิสราเอลได้ออกมาประกาศว่า พวกเขาได้ส่งกองกำลังทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน ในการจัดการกับเครือข่ายกองกำลังอุโมงค์ใต้ดินของกลุ่มฮามาส แต่ไม่ได้ระบุว่าได้ทำการจับกุม หรือ สังหารกองกำลังฮามาส บอกแวค่เพียงพวกเขาไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในเขตของกาซา และยังกล่าวอีกว่ากลุ่มฮามาสยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยิง พวกเขายังยิงจรวดเข้ามาถล่มอย่างต่อเนื่อง นับได้แล้วในวันที่ผ่านมากว่า 220 ลูก
สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะยุติลง แต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมที่หยุดยิง หรือ เจรจาแต่อย่างไร และยิ่งปล่อยนานมากไปเท่าไหร่สถานการณ์ก็ยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะแต่ละฝ่ายต่างอ้างว่าตนเป็นผู้ถูกกระทำ และการประทะกันครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาแล้วในปี 2014 แต่ครั้งนั้นก็ยุติลงได้ในเวลาไม่นานนัก และความสูญเสียก็ยังไม่มากเท่านี้ ส่วนครั้งนี้ แค่ไม่กี่วันความสูญเสียก็มีแต่จะมากยิ่งขึ้น!!
สงครามไม่เคยนำความรู้สึกดีมาให้ จะมีแต่เพียงความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นมาเท่านั้น และผู้ที่ต้องทนรับกรรมไม่ใช่ใครเลย ถ้าไม่ใช่พลเรือนของทั้งสองฝ่าย การต่อสู้กันในครั้งนี้ ไม่เคยมีใครถูกหรือผิด ต่างคนก็เคยผ่านการสูญเสียกันมาแทบทั้งสิ้น อิสราเอลเองก็ไม่อยากสูญเสียแผ่นดินที่พวกเขาอยู่ เขามีบทเรียนมาแล้วจากสงคราม 6 วันของอาหรับ ที่ทำให้เขาไม่เคยที่จะยอมอ่อนข้อ หรือ แสดงความอ่อนแออกมา เพราะอาจเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขาอยู่รอดต่อไปได้ ส่วนปาเลสไตน์พวกเขาสู้เพื่อที่จะได้ดินแดนบ้านเกิดของคนของเขาคืน พวกเขาก็น่าส่งสารไม่แพ้กัน เพราะฉะนั้นสงคราม ของทั้งสอง คงจะบอกไม่ได้ว่าใครคิดถูก หรือ ผิด จะเห็นได้เพียงว่า ใครกัน..ที่สูญเสียเท่าไหร่….
อิสราเอล-ปาเลสไตน์ การประทะเดือด ที่อาจจะก่อให้เกิดสงคราม!!
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending