คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่30
บทที่30 การเลื่อนชั้นและออฟชั้นนักโทษ
“ความพอดี คือ รากฐานแห่งความสำเร็จ “
**กว่าจะตั้งสติและดึงความรู้สึกตัวเอง กลับมาสู่ปัจุบันได้ เล่นเราซะแย่ไปเป็นเดือน อีกทั้งรูปร่างหน้าตาที่หม่นหมอง โทรมลงไปอย่างมาก หาความเป็นสง่าราศีแทบไม่เจอ หลังจากที่ออกศาล ผมไม่ได้ดูแลตัวเองเลย ปล่อยให้ไอ้แว่นน้องชายที่แสนดีในนี้เป็นคนคอยดูแล เพราะเอาเข้าจริงๆ ถ้าผมไม่มีมันคอยดูแลในช่วงนั้น ผมคงแย่ คงได้เจ็บไข้ล้มหมอนนอนเสื่อเป็นแน่ ต้องยกความดีความชอบให้ไอ้แว่นไปเต็มๆ และอาการที่ผมเป็นในคุกเขาเรียกกันว่า อาการของคนหลุดหรือ รั่ว นั่นเอง มันน่ากลัวนะครับ อาการของคนที่เป็นแบบนี้ ถ้าปล่อยไว้นานวัน โดยที่เราไม่หาทางแก้ไข หรือปรับอารมณ์ให้เป็นปรกติ โดยเร็วแล้วละก็ มันจะกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวเราไปตลอดเวลาอาการของคนหลุดหรือรั่ว ในคุกนั้นมีด้วยกันหลายแบบ อย่างผมเข้าเรียกซึมจุ๊บ บางคนก็มักจะพูดคนเดียว หัวเราะอยู่คนเดียว บางคนนี่จะไม่พูดไม่สุงสิงกับใครเลย สั่งให้ทำอะไรทำนะครับ แต่ทำถูกหรือผิดไม่รู้ คือกูทำอย่างเดียวจนเสร็จ
อาการเหล่านี้มันมีหลายรูปแบบครับ บางคนแกล้งทำก็มี เพื่อไม่ให้ใครมายุ่งวุ่นวาย แต่ผมบอกได้เลยว่าใครแกล้งทำเนี้ยคิดผิด เพราะอะไรนะเหรอ ก็ไอ้พวกที่หลุดหรือรั่วมันคือเป้าหมายในการโดนแหย่โดนแกล้งมากที่สุด แต่คนพวกนี้จะมีเหมือนกันอยู่อย่างนึง นั่นคือพวกเขาไม่มีพิษมีภัยกับใครและมักจะโดนกระทำซะมากกว่า ส่วนเหตุผลหลักๆเลยที่ทำให้เกิดขึ้น ก็เพราะไม่มีใครมาเยี่ยมกับรับความจริงไม่ได้นั้นเอง…**
หลังจากที่อาบน้ำ และได้บอกไอ้แว่นเรื่องจำแนกวันพรุ่งนี้เสร็จ เหลือเวลาอีกเกือบครึ่ง ช.ม ถึงได้เวลากินข้าว เพราะต้องรอพี่เล็กกับพวกในบ้านที่อยู่บนโรงงาน3เลิกกันก่อน ถึงจะมากินข้าวพร้อมกัน ผมกับไอ้แว่นนั้นตอนนี้ยังอยู่กองกลางเข้าใหม่อยู่เลย พรุ่งนี้หลังจากจำแนกแล้ว ถึงจะได้รู้ว่า เราจะต้องมีหน้าทีทำอะไรหรือป่าว รึว่าจะอยู่ที่เดิม ทำให้ที่ผ่านมาผมกับไอ้แว่น วันๆนึงแทบไม่มีอะไรทำ นั่งๆนอนๆให้หมดวันไปไวๆ ถ้าถามผมว่าเบื่อไหมผมบอกได้เลยว่าเบื่อมากๆ ผมกับไอ้แว่นก็เลยเดินกันไปร้านพี่หล้าเพื่อหาอะไรกินกัน ฆ่าเวลาก็ได้ขนมเลย์มา1ห่อ กับน้ำอัดลมเย็น1ขวดในราคาบุหรี่1ซอง(60)
“พี่ใหญ่ ไอ้การจำแนกเนี้ยพี่รู้ป่ะว่าต้องทำไงบ้างและที่เราออก ออกไปเพื่ออะไร “ ไอ้แว่นถามผมในสิ่งที่มันอยากรู้และผมก็อธิบายให้มันฟัง(ตามที่ผมเล่าไปเมื่อตอนที่แล้ว) “แต่มึงกับกูคงยังไม่ได้ไปทำงาน ร้านค้าสงเคราะห์กับโรงครัวหรอก เพราะโทษเกิน3ปีให้กูเดานะมึงกับกูไม่ได้ไปไหนหรอกอยู่ที่เดิม และกูจะบอกมึงนะไอ้แว่น หลังจากจำแนกพรุ่งนี้แล้ว ถ้ากูมีชื่อย้ายแดนแต่มึงไม่มี มึงต้องอยู่กับพี่เล็กนะ ห้ามย้ายไปไหนและมึงต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ ทำตามหน้าที่ของเรา อย่าให้ใครมองเราเป็น เบ๊ มึงรู้ใช่ไหม และก็ความมีน้ำใจเราให้ได้มันคือสิ่งที่ดี แต่อย่าให้จนเราแย่ มึงต้องคิดไว้เสมอว่า มึงหาเงินเองไม่ได้ มึงต้องขอคนข้างนอกใช้ มึงต้องสงสารเขาให้มากๆ และอีกเรื่องนึงกูขอให้มึงจำไว้นะว่า อย่าไปกู้หนี้ยืมสินใครเด็ดขาดหรือใครให้มึงไปค้ำประกันก็อย่าไปค้ำให้เขาถึงจะเป็นพวกในบ้านก็อย่าไป มึงเขาใจที่กูบอกนะ เพราะถ้าถึงเวลาแล้วกูจะไม่มีเวลาบอกมึง และที่กูบอกกูสอนมึง เพราะกูเห็นว่ามึงคือน้องชายของกู ในคุกมันอยู่ยากแต่ถ้ามึงอยู่เป็นทำอย่างที่กูบอกคิดให้เยอะๆนะมึงจะอยู่ได้ ”
ผมได้พูดในสิ่งที่อยากบอกกับไอ้แว่นหมดแล้ว และผมคิดว่าได้ทำในฐานะพี่ชายควรจะทำหมดแล้ว เพราะผมรู้ว่าในคุกมันไม่มีอะไรแน่นอน ผมคิดว่ายังไง ตัวผมจะต้องโดนย้าย ไปอยู่แดนเด็ดขาดแน่นอน แล้วผมก็จะไปอย่างไม่ลังเลเลย เพราะว่า แดนโน้น มันเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของผม ผมคิดว่าผมสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่จะอยู่แบบนี้ ในแดนนี้ และที่ผมรีบบอกไอ้แว่นก่อน เพราะว่าผมกลัวว่ามันไม่มีชื่อย้ายเหมือนผม แต่ถ้ามันมีชื่อย้ายพร้อมกับผมก็ว่ากันอีกเรื่อง
พอไอ้แว่นได้ฟังในสิ่งที่ผมบอกกับมัน สีหน้าของมัน ดูวิตกกังวลเป็นอย่างมาก แต่มันก็รับปากกับผม ว่ามันจะทำตามที่ผมบอกทุกอย่าง ผมยิ้มให้กับมันและตบหัวมันแบบ หยอก หยอก ไป 1 ที ก่อนจะพูดว่า “มึงไม่ต้องทำสีหน้าแบบนั้นเลยนะ มึงอย่าเพิ่งคิดมาก ไม่แน่มึงอาจมีชื่อย้ายเหมือนกูก็ได้ ที่กูพูดกูเผื่อไว้เฉยๆ” มันถึงยิ้มได้และมันก็เลยพูดกับผมอีกว่า “ไม่แน่พี่กับผมอาจไม่ได้ย้ายกันไปไหนก็ได้ จริงไหม ไปกินข้าวดีกว่าพี่เดี๋ยวผมต้องเตรียมข้าว เตรียมจานอีกเดี๋ยวไม่ทัน ” ไอ้แว่นบอกกับผม
มันมีหน้าที่ในบ้านคือเตรียมจาน กับตักข้าวไว้รอพวกในบ้าน เพราะว่าในแดนนี้ พวกที่มีบ้านกินเป็นบ้านต้องไปเอาจานชามเอาเอง จากพวกพี่เลี้ยงที่มีหน้าที่แจกจาน ชาม ส่วนข้าว กับ แกงหลวง เขาจะแจกให้ 3บ้านต่อข้าว1หม้อ แกง1หม้อ ดังนั้นก็จะมี บ้านพี่เล็ก บ้านพี่ไก๋ บ้านพี่อุ้ย 3บ้าน อ.เมืองกับยอดแกงหลวงที่ได้ ผมก็เลยช่วยมันอีกแรงนึง เพราะมัวแต่คุยกันเพลินจนเกือบลืมหน้าที่ของมันไป
จัดกับข้าวเสร็จไม่นานนัก พี่เล็กและเด็กในบ้านก็มากันพร้อมหน้าทุกคน พี่เล็กดูจะแปลกใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผม มันคงดูเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นละมั้ง แกจึงยิ้มๆแล้วพูดออกมาว่า “เป็นไงล่ะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้แล้วรึ กว่าจะหายบ้าได้ พี่นึกว่าต้องรับยาประจำ มาให้เอ็งกินซะแล้ว ไอ้ห่าทำตัวหลุดรั่ว เสียชื่อหมด”
พอผมได้ฟัง ผมก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้มให้แก เพราะว่าสิ่งที่แกพูด มันถูกทั้งหมดอยู่แล้ว แล้วพวกเราทั้งหมด ก็นั่งล้อมวงกินข้าวกันตามปกติ มีพูดคุยกันบ้างเล็กน้อย พวกเราใช้เวลากินกันได้ไม่นาน เพราะว่า ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันทำภารกิจส่วนตัว ก่อนถึงเวลาที่จะขึ้นห้อง ซึ่งในเวลาที่เหลือ ช่วงนี้ผมกับไอ้แว่นนั้นไม่มีภารกิจส่วนตัวอะไรที่ต้องทำแล้ว นอกจากรอเวลาขึ้นห้องอย่างเดียว ก็เลยจุดบุหรี่สูบคนละมวนกับมัน แล้วก็พากันเดินเล่นไปคุยกับพวกบ้านนู้นบ้านนี้ทีเพื่อฆ่าเวลา ที่ยังเหลืออยู่มากก่อนขึ้นห้อง
จู่ๆไอ้แว่นมันก็ถามผมขึ้นมาถึงเรื่องการพาสชั้น(เลื่อนชั้น) ว่าที่เรา2คนตัดสินกันต้นเดือนสิงหานั้น ถ้าถึงเดือนธันวาคมที่ต้องมีการเลื่อนชั้นของนักโทษนั่น ตัวมันจะได้เลื่อนชั้นด้วยรึป่าว รึว่ามันอยู่ชั้นกลางเหมือนเดิม เพราะเราตัดสินกันเดือนสิงหาคม มันได้เลยการพาสชั้นที่ทำกันตอนเดือนกรกฎาคม ไม่กี่วันเอง ที่มันถามผมเพราะว่าปีหน้าราวๆกลางปี จะมีการพระราชทานอภัยโทษของในหลวงรัชกาลที่9
“พี่ใหญ่ว่า ผมจะได้เลื่อนชั้นเดือนธันวาคมรึป่าว ” ผมก็เลยอธิบายถึงความน่าจะเป็น ในการเลื่อนชั้นของมัน “กูว่านะมึงน่าจะได้เลื่อนชั้นให้มึงเป็นชั้นดีตอนเดือนธันวาคมนะ เพราะตอนกูติดรอบแรกตอนปี 48 และ49 จะมีอภัยเหมือนกับที่จะเกิดขึ้นปีหน้านี้ ตัวกูก็เกมกรกฎาตัดสินสิงหา เหมือนครั้งนี้ กูก็ได้เลื่อนชั้น และครั้งนี้สำหรับมึง ในความคิดกู มึงคงได้เหมือนกัน” บอกมันเสร็จ มันก็ถามผมอีกว่า “แล้วพี่ละได้รึป่าว”
ผมได้ยินคำถามของมันแล้ว เลยยิ้มขึ้นมาแบบเซ็งและบอกมันว่า “กูอะเหรอ หมดสิทธ์ได้อะไรทั้งนั้น กูโดนแดง ต้องออฟชั้นอยู่ชั้นเลวปีครึ่งถึงจะปลดออฟกูเป็นชั้นกลาง และกูต้องรออีกปีครึ่ง ถึงจะชั้นเยี่ยมก่อน ถึงจะได้รับอภัยโทษ เหมือนคนอื่นเขา เอาง่ายๆกูต้องติดถึง3ปีก่อน แต่ถ้ามีอภัยก่อน3ปีกูจะไม่ได้อภัยเลย เนี้ยแหละโทษของพวกที่ติดคุก2-3รอบอย่างกู ส่วนมึงพึ่งรอบแรกมึงได้สิทธ์ทุกอย่างทั้งอภัยโทษ พักโทษมึงก็ทำได้ และวันลดอีก มึงอ่ะกลับบ้านก่อนกูแน่นอน” หลังจากพูดเสร็จ ผมและไอ้แว่นก็เดินไปที่ตู้ล็อคเกอร์เก็บของ เพื่อกินนมกันคนละกล่อง และสูบบุหรี่อีกคนละมวน ก่อนที่จะมีเสียงนกหวีดเป่าขึ้นมาเป็นสัญญาณบอกเวลาขึ้นเรือนนอนได้แล้ว และแล้วหนึ่งวันในคุกก็ได้หมดลง
เมื่อเช้าของวันจำแนกมาถึง ไอ้แว่นลงจากห้องปุ๊บ มันก็รีบตรงดิ่งไปร้านตัดผม เพื่อที่ให้ช่างเจ๋งตัดผมให้กับมัน เพราะได้นัดกับช่างเจ๋งไว้ก่อนแล้วเมื่อวานก่อนขึ้นห้อง พร้อมกับจ่ายค่าตัดผมเป็นที่เรียบร้อยก่อนแล้ว ส่วนผมก็เข้าส้วมถ่ายหนักเพื่อไว้เลยเพราะวันนี้ใช้เวลาทั้งวันแน่ๆและที่หน้าฝ่ายห้องน้ำนักโทษมันอยู่ไกล ถ้าปวดขี้ตอนนั้นมันเข้าลำบาก และผมก็มาอาบน้ำชำระร่างกาย ยังไม่เสร็จดี ไอ้แว่นก็ตัดผมเสร็จและเดินมาอาบน้ำด้วยกัน
หลังจากเราทำธุระส่วนตัวเสร็จ กินกาแฟแล้วก็มาเข้าแถวเคารพธงชาติเรียบร้อย เราสองคนก็มากินข้าวเช้ากันก่อนเลย จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดหลวงกันให้เรียบร้อย เพื่อรอเวลา9โมงเช้า เพื่อที่จะพร้อมกันที่หน้าประตูแดน รอออกไปจำแนกที่ฝ่ายควบคุมกลางต่อไป
ที่ฝ่ายควบคุมกลาง วันนี้มีนักโทษมาจำแนกลักษณะผู้ต้องขังทั้งสิน 150คน เฉพาะแดนที่ผมอยู่ 100คน และแดนเด็ดขาดชายอีกแดนในเรือนจำแห่งนี้อีก50คน จำแนกขนาดนี้เข้าแดนอีกที คงจะกินข้าวเย็นพอดี นักโทษมากันครบทั้ง2แดนแล้ว ทีนี้เด็กหน้าฝ่ายก็นำกระดาษรายชื่อทั้งหมดมาเช็คชื่อ เพื่อเรียงอันดับรายชื่อจาก 1ถึง150 จุดประสงค์ก็เพื่อตอนเข้าห้องไปจำแนก ลำดับหมายเลขจะได้ตรงกับชื่อตัวเองในใบรายชื่อที่เจ้าหน้าที่ถืออยู่ด้วย ผมมีชื่ออยู่ลำดับที่88 ส่วนไอ้แว่น90 แต่คนที่คั่นกลางเป็นเด็กที่มาจากแดนเด็ดขาด ซึ่งในตอนแรกที่เห็นหน้ามันผมว่าหน้าคุ้นๆแต่นึกไม่ออกว่าชื่ออะไร จนมันเอยปากทักผมนั้นแหละผมถึงนึกออก
“พี่ใหญ่ หวัดดีครับ จำผมได้เปล่าเนี้ย ผมติ๊กลพบุรี ที่กินอยู่บ้านพี่ต้นหลังคุกไง” ผมก็ทำหน้างงอยู่ “คนที่เตะหน้าไอ้หนึ่งถัง โจทย์พี่ไง ” พอมันพูดเท่านี้ ภาพจำในวันนั้นก็พุดขึ้นมาในหัวของผมทันที “อ๋อ… จำได้แล้วไอ้ติ๊ก มึงเป็นไงบ้างแล้วนี้มึงยังไม่ออกอีกรึ หรือรอบใหม่ และพวกไอ้ต้นเป็นไงบ้าง และไอ้บอยดำละเป็นไง สบายดีกันป่าวว่ะ ” ผมทักทายและถามถึงความเป็นอยู่ของพวกเพื่อนๆอ.เมือง ที่อยู่อีกแดนนึงด้วยความคิดถึง
“ผมสบายดีพี่ ผมยังไม่ได้ปล่อยเลย แต่ก็ใกล้แล้วครับ ปล่อยอภัยปีหน้าชุดแรกต่ำปีแน่นอน ถ้ามันมีอย่างที่เข้าลือกันนะพี่ ส่วนพวกพี่บอยดำ พี่ต้น เขาสบายดีเหมือนเดิมครับพี่ พี่ต้นเป็นหัวหน้าห้อง2/5อยู่เหมือนเดิม ส่วนพี่บอยดำเป็นรองและก็เป็นหัวหน้าโรงงาน2 เหมือนเดิม พวกเขายังคุยเรื่องพี่กันเลยตอนพี่เกมเข้ามาแรกๆ และยังบ่นกันอยู่เลยว่าทำไมพี่ยังไม่ย้ายแดนมาสักที “ ผมได้ฟังแล้วจึงบอกให้มันไปบอกพวกๆ อ.เมืองด้วยว่า “กูไปแน่ไม่ต้องห่วงหลังจำแนกเนี้ยแหละ มีล็อตย้ายแดนเมื่อไหรกูลงชื่อไปแน่ แต่ถ้าให้ดี เดี๋ยวก่อนเลิกมึงเอาชื่อกูกับน้องกูคนนี่ไปให้ไอ้บอยนะ และกูฝากบอกมันว่า ให้ชัวร์ก็ให้ลูกพี่ ทำเรื่องดึงตัวไปทำงานเลยไวดี ”
หลังจากนั้นผมก็คุยกับไอ้ติ๊กอีกหลายเรื่อง โดยมีไอ้แว่นนั่งฟังไปก็หัวเราะไปกับเรื่องเราสมัยก่อนที่เคยผ่านมาของผม จึงทำให้บรรยากาศในการรอจำแนกไม่น่าเบื่อและทำให้เวลามันผ่านไปไวโดยที่ไม่รู้ตัวมารู้สึกตัวอีกที ก็ได้เวลาพักกลางวันของเจ้าหน้าที่ และตอนนี้ก็จำแนกไปแล้ว82คน เหลือแค่5คนก็จะถึงคิวของผมสักที “ไม่น่าเกินบ่ายโมง20ถึงคิวผมสักที ” ผมบอกตัวเองในใจ… (โปรดติดตามตอนต่อไป) “หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ ”
คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่30 การเลื่อนชั้นและออฟชั้นนักโทษ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ Foong-Trending