Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 83

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 83

บทที่ 83 งานคือเงิน เงินคืองาน

“เมื่อเราพลาดและเราล้ม จงอย่าจมอยู่กับความเจ็บปวดและท้อแท้นานจนเกินไป พยายามลุกและตั้งสติให้ไว เพราะว่าเวลามันไม่ได้หยุดเดินในตอนที่เราล้มลง”

** ก็อยากจะบอกว่าสวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ยังติดตามอ่านกันอยู่ เหลือมากน้อยแค่ไหนผมก็คงไม่ทราบได้ แต่ผมหวังว่าคงจะมีเหลือสักคนสองคนก็ยังดี ยังอยากเขียนอยู่และก็อยากจะเขียนต่อจนจบ เพราะผมหวังไว้ว่าเรื่องราวต่าง ๆเหล่านี้ จะเป็นข้อคิดที่ดีที่เพื่อนจะนำมาปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวันที่แสนจะอยู่ยากขึ้นในทุกวัน…ด้วยรักจากใจ **

มันเป็นเช้าวันใหม่ที่บรรยากาศช่างเย็นสบายดีอีกหนึ่งวัน ผ่านการหยุดพักผ่อนที่ยาวเกือบจะอาทิตย์นึงเต็ม ๆ แต่การหยุดยาวครั้งนี้ของผมมันเหมือนแทบจะไม่ใช่การหยุดพักผ่อนอย่างคนปรกติทั่วไปนัก มันมีเรื่องราวมากมายเข้ามาไม่เว้นวัน ผมนั่งนึกย้อนดูว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ก่อนที่กาแฟตอนเช้าพร้อมขนมปังจะมาเสริฟโดยไอ้กอล์ฟเด็กบ้านไอ้คมเกลอของผม เพราะว่าตอนนี้ไอ้แว่นไม่สามารถจะทำหน้าที่นี้ได้อีกพักใหญ่เลยล่ะ… 

ผมนึกย้อนเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วง5-6วันที่ผ่านเข้ามาแล้วก็แทบจะไม่เชื่อตัวเองเลยว่า ” กูรอดมาได้ยังไง ” มีเรื่องกับไอ้อาร์ตหน้าลายพ่อบ้านใหญ่ และเรื่องที่ไอ้แว่นต้องมาแขนหักเพื่อช่วยผมอีก(วันนี้ผมต้องออกเยี่ยมญาติพร้อมมันเป็นแน่) และผ่านมาเมื่อวานนี้เองกับโจท์เก่าเจ้าเดิม แถมไปสร้างปัญหากับ ผบ.แดนแรกรับขาโหดเข้าไปอีก ชีวิตกู..จะสงบสุขไหมเนี้ย ผมคิดในใจและก็อดที่จะอมยิ้มให้กับเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้จริง ๆ

“พี่ใหญ่นั้งอมยิ้มอะไรหรอพี่ ผมมองดูพี่เป็นแบบนี้อยู่นานแล้ว..กาแฟเขาก็เอามาว่างให้พี่พักนึงได้แล้วมั้ง” ไอ้แว่นน้องเลิฟร้องทักผมขึ้นมา จนผมหลุดออกจากความคิดที่ผมคิดอยู่

“เออ..มึงอย่ารู้เลยว่ากูยิ้มเรื่องอะไร เอ๊า..กาแฟมาแล้วมึงก็กินสิครับรอเหี้ยไรอยู่หรอ..” ผมได้พูดติดตลกๆ ตอบไอ้แว่นไป ส่วนตัวไอ้แว่นก็ยิ้มรับคำด่าของผมไว้อย่างเต็มใจ

เราสองคนต่างคนต่างเงียบไม่มีแม้คำพูดใด ๆ ออกจากปากเราทั้งสองคน นั่งมองดูบรรยากาศความวุ่นวายเร่งรีบของนักโทษภายในแดน มันช่างเป็นความวุ่นวายที่ดูลงตัวอย่างบอกไม่ถูก คุณผู้อ่านคงสงสัยใช่ไหมครับ ‘ วุ่นวาย แต่ ลงตัว ‘ อย่างงไปเลยครับ เพราะเรื่องแปลกในคุกมีให้เห็นอีกเยอะ 

รู้สึกว่าปีใหม่ปี 59 นี้คงจะดีกับตัวผมเป็นแน่ และที่สำคัญเลยคืออภัยโทษปีนี้มีแน่นอน “ปีนี้หนาวนานดีนะครับพี่ใหญ่” ไอ้แว่นเปิดประเด็นขึ้นมาทำลายความเงียบที่มันชักจะอึดอัดทุกที 

“พี่ล่ะโครตชอบอากาศแบบนี้มาก ๆ เลยไอ้แว่น ” ผมหันมาพูดและยิ้มให้กับไอ้แว่น และเราก็นั่งจิบกาแฟไปคุยกันไปต่อ จนกระทั่งเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นภายในแดน 

น.ช… … พบรองผบ.แดนที่หน้าประตูแดนตอนนี้ด่วนด้วยครับ สิ้นเสียงประกาศจากหน้าประตูแดน ผมคิดได้โดยทันทีว่า…งานเข้ากูแน่นอนไอ้xxเอ๋ย.. ผมรีบลุกและเดินไปหน้าประตูแดนอย่างไว โดยไม่ได้พูดบอกอะไรให้ไอ้แว่นมันเข้าใจเลย รีบเดินไปด้วย ในหัวก็คิดหาทางหนีที่ไล่ไปด้วยว่าเอาไงดี 

ผมเดินยังไม่ถึงหน้าประตูแดนดีเลยเสียงตะโกนที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นให้ได้ยิน “ไอ้เสือ!! มึงรีบๆเดินเข้ามานี้ มาใกล้ ๆ แข้งนี่มา” เป็นคำพูดที่เด็ดขาดแน่นอนสำหรับป๋าเวียงลูกพี่ของผม ผมเองก็สะดุ้งตกใจในท่าทีที่แสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา รวมถึงอารมณ์ของแกเอง ซึ่งถ้าให้เดามันคงไม่เป็นผลดีแน่ ๆ สำหรับผม ผมตีหน้าเศร้าค่อย ๆ เดินก้มหน้าอย่างคนที่สำนึกผิดเข้าไปหาแก และที่ต้องทำเช่นนั้นเพื่อว่าแกเห็นแล้วนึกสงสารขึ้นมาบ้าง

เพราะว่ารู้กันอยู่โดยทั่วหน้ากันว่าป๋าเวียงนั้น แข้งแกหนักขนาดไหน ใครโดนเตะไม่หลับไม่ใช่แก และที่ผมก้มหน้าไม่ใช่ว่าผมสำนึกผิดอะไรหรอกครับ เพียงแต่สังเกตว่าแกจะออกอาวุธไหมจะได้บังถูก!

“ไอ้ใหญ่ป๋าบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามีปัญหาอีก มึงมารอบนี้เดินแรงจริงนะ ป๋าไม่อยากจะทำอะไรเอ็ง แต่ดูเหมือนว่าเอ็งจะไม่เคารพป๋าจริง ๆ แล้ว” จบประโยคที่แกพูด ผมรู้สึกเหมือนว่ามีใครเอาไม้หน้าสามมาตีหัวผมอย่างแรงมันเจ็บและจุกจนบอกไม่ถูกกับคำพูดที่แกพูดกับผม ถ้าแบบนี้ผมให้แกเตะซะยังดีกว่า ผมไม่รอช้าผมยกมือไหว้พร้อมกับพูดว่า 

“ผมขอโทษครับป๋า ผมนับถือป๋าเหมือนกับพ่อของผมคนนึงผมไม่เคยที่จะไม่เคารพและไม่ฟังอะไรที่ป๋าบอกเลย เพียงแต่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ผมไม่ได้เป็นคนหาเรื่องแต่เรื่องมาหาผมเองทั้งนั้น. ผมจะหลบ จะหลีก ก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่ออกอาวุธ พวกแม่งก็มองเราโบ๋ ผมป้องกันตัวทั้งนั้นป๋า “

ผมได้พูดอธิบายให้ป๋าฟังด้วยใจที่สั่นเทา ผมไม่ได้กลัวเจ็บตัวหรอกครับ แต่ผมกลัวคนที่ผมเคารพจะเสียความรู้สึกกับผมมากกว่า แท้จริงแล้วคนในคุกมันอ่อนไหว เรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกมาก ๆ ครับ ก็ไม่รู้มันเกิดขึ้นได้ยังไง ทั้งที่อยู่ข้างนอกก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย

“ป๋าเองก็พอจะรู้ ว่านิสัยเอ็งมันเป็นยังไง ไอ้ใหญ่ เอ็งไม่ใช่คนเก่งมะเลกเกเร เที่ยวหาเรื่องไปทั่วซะที่ไหน ถ้ามึงไม่เหลืออดจริง ๆ มึงคงไม่ทำ แต่นายคนอื่นเขาไม่ได้รู้นิสัยเอ็งอย่างป๋านี่ และยิ่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำด้วยแล้ว เขาจะไปรู้อะไรรู้ได้ก็แค่ในกระดาษที่เขียนบันทึกส่งไปก็เท่านั้น  แกไม่มารับรู้หรอกว่าใครถูกหรือใครผิด อ่านจบแกก็เซ็นกำกับ รับรู้รับทราบ แกจะจำแค่เพียงชื่อของมึง และพอมันมีชื่อมึงเข้ามาบ่อย ๆ มึงจะกลายเป็นตัวปัญหาของเขาโดยปริยาย แล้วถ้าเกิดมึงโดนสั่งให้ย้ายด่วน ป๋าเองก็คงช่วยอะไรไม่ได้นะไอ้ใหญ่ “

จบประโยค..ก็ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปากลูกพี่ของผมอีกเขาเพียงแค่บอกให้ผมออกไปได้แล้ว ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ยกมือไหว้แล้วลุกเดินออกไป ตอนนี้หัวสมองของผมมันดูสับสนไปหมด มันคิดอะไรไม่ออก อยู่ ๆ มันก็ตันเอาดื้อ ๆ ในใจมันโหวงเหวงรู้สึกเหมือนราวกับว่าเรื่องนี้ผมคงไม่รอดไม้กระบองเป็นแน่

พอผมเดินมาถึงซุ้ม ผมเลือกที่จะไม่พูดคุยกับใครรวมถึงไอ้แว่น เพราะว่าอารมณ์ของผมในตอนนี้มันยังไม่พร้อมที่จะคุยกับใคร ไอ้แว่นมันดูมีทีท่ารับรู้ได้ในความรู้สึกที่ในตอนนี้ตัวผมเป็นอยู่ มันจึงเลือกที่จะไม่ถามอะไร แต่มันก็ยังคอยอยู่ข้างผม เพื่อให้ผมรู้สึกว่าถ้าไม่มีใครอยู่ข้างผมแล้ว ก็ยังมีมันอีกหนึ่งคนที่ยังอยู่เคียงข้างไม่ทิ้งกันไป

แถมตัวนี้แว่นเองยังคอยเข้าไปขวางบรรดาพวกเพื่อนผม คนรู้จักผม ที่อยากจะรู้หรือเสือกเรื่องของคนอื่นนั่นเอง ไอ้แว่นคอยบอกว่าอย่าเพิ่งมากวนผมตอนนี้ ผมอารมณ์ไม่ดีอยู่ เดี๋ยวค่อยมาถามวันหลัง และไอ้แว่นเองมันก็เป็นงานมันจะให้แต่คนที่ผมนับถือเข้ามาคุยกับผมเท่านั้นในตอนนี้

หลังจากเคารพธงชาติเสร็จก็เริ่มเช็คยอดห้องแล้วก็แยกย้ายกันขึ้นโรงงาน หรือตามจุดต่าง ๆ ของตัวเองต่อไป แต่ดูเหมือนว่าฟ้ายังปราณีให้กับผมคนบาปคนนี้ เพราะว่าวันนี้แดนแรกรับยังไม่ได้ย้ายเข้ามาขึ้นกองงานใหม่ของผม จะย้ายมากันก็วันพุธ ซึ่งเหลือเวลาอีก 2 วัน ผมได้ยินดังนั้นในหัวสมองมันรู้สึกโล่งขึ้นมาหน่อย จะได้มีเวลาคิดวิเคราะห์แก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด จะเตรียมคำพูดเอาไว้พูดกับเจ้าหน้าที่ยังไงถ้าโดนสอบสวน จะต้องออกลูกไหนให้มันดูเจ็บน้อยที่สุด สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ผมจะบอกคุณผู้อ่านไว้เลยว่า ถ้าไม่มีประสบการณ์หรือพูดไม่เป็นบอกได้คำเดียวว่าตายอย่างเขียดคาเครื่องแน่นอน!

” ไอ้แว่นไปเอากาแฟที่ไอ้เจ๋งมาให้พี่แก้วนึงดิบอกมันขอเข้มๆ ” ไอ้แว่นมันดูดีใจที่เห็นผมได้พูดกับมัน มันรีบกุลีกุจอไปเอากาแฟที่ไอ้เจ๋งมาให้ผมอย่างไว พร้อมกับรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของมัน แต่ยังไม่ทันที่มันจะเอ่ยปากถามผมเสียงประกาศเยี่ยมญาติชื่อของมันและผมก็ได้ดังขึ้น…. เฮ้อ..’ คงได้เวลาคิดคำพูดกับแม่มันแล้วสิกู(ผมคิดในใจ)’…. โปรดติดตามตอนต่อไป ” หมีขาว ขั้ว โลกเหนือ “# คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 83

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun

What's your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0

You may also like

Story

ประวัติวันสงกรานต์ เทศกาลประเพณีที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน.

สงกรานต์เป็นเทศกาลปีใหม่ไทยแบบดั้งเดิมที่มีการเฉลิมฉลองทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งชาวต่างชาติจะรู้จักกันในชื่อว่า Water Festival หรือ เทศกาลแห่งน้ำ เพราะในวันนี้ผู้คนจะนิยมนำน้ำมาสาดใส่กันเพื่อคลายร้อนอย่างสนุกสนาน
Story

เปิดประวัติที่มาของสงครามนกอีมู สงครามสุดแปลกที่โลกนี้ต้องจดจำ

สงครามนกอีมู หรือที่เรียกว่าสงครามนกอีมูครั้งใหญ่ เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินการในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียในปี 2475 ปฏิบัติการนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมประชากรของนกอีมู ซึ่งก็ได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผลในภูมิภาคออสเตรเลีย
Story

เปิดประวัติที่มาของวัน “April Fool’s Day” หรือ “วันโกหก” วันสุดแสบแสนตลกของผู้คนทั่วโลก!

"วันโกหก" นักประวัติศาสตร์ได้เชื่อว่าวันนี้ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลฮิลาเรียของโรมันที่จัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม เพราะเทศกาลนี้ผู้คนจำนวนมากจะออกมาแต่งกายตลก ๆ พร้อมกับมีการละเล่นที่เรียกเสียงหัวเราะของผู้คน ซึ่งก็คล้ายคลึงกับวันโกหกเป็นอย่างมาก และในยุคต่อมาก็ได้มีบันทึกไว้ในหนังสือ

Comments are closed.

More in:Story

Story

เปิดประวัตินิทานของ “อีสป” ต้นตำรับนิทานคติสอนใจผู้เป็นตำนานของโลกแห่งนิทาน

นิทานของอีสปเป็นนิทานที่ถูกแต่งขึ้นโดยทาสชาวกรีกที่มีขื่อว่า อีสป (Aesop) ที่นักวิชาการต่างลงความเห็นว่าเขานั้นน่าจะเกิดอยู่ในช่วง 620 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นทาสโดยกำเนิดตามกฏหมายของชาวกรีก
Breaking News

ซีเซียม-137 คืออะไร? อันตรายมากแค่ไหน?

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวที่ถูกพูดถึงมากมาย เกี่ยวกับประเด็นท่อเก็บสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ที่ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 ก็ได้มีรายงานว่าพบวัตถุดังกล่าวแล้ว แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมากจากข่าวนี้
Story

คุก (อิสระภาพ ความหวัง กำลังใจ) บทที่ 84

ผมและไอ้แว่นได้ลงมาตั้งแถวรอเยี่ยมญาติอยู่หน้าองค์พระประจำแดน ซึ่งเป็นสถานที่รวมตัวสำหรับพวกที่มีชื่อเยี่ยมญาติในแต่ละรอบ ผมสังเกตเห็นไอ้แว่นมันดูลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะถามอะไรผม แต่มันก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถามสักที