ปง อัศวินิกุล ผู้สร้างเสียงหนังที่ยังมีลมหายใจ
ศิลปินแห่งชาติผู้สร้างเสียงหนังที่ยังมีลมหายใจ แม้วัย 91 ปีแล้ว สิ่งที่ ปง อัศวินิกุล ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง ผู้กำกับระบบเสียงสร้างสรรค์และบันทึกเสียงภาพยนตร์ปี 2563 ยังจำได้ไม่ลืมคือโอกาสก้าวแรกที่ได้รับจากผู้กำกับชั้นครูอย่างรัตน์ เปสตันยี ให้เป็นผู้เรียนรู้อุปกรณ์การทำเสียงจากชาวต่างชาติ หลังจากเริ่มงานก่อนหน้าด้วยการเป็นผู้ช่วยกล้องให้รัตน์ เปสตันยี
ผลงานการบันทึกเสียง ตัดต่อเสียงและผสมเสียงเรื่องแรกของ ปง อัศวินิกุล คือหนังอมตะอย่าง สันติวีณา ที่ส่งเข้าประกวดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติแห่งเอเชียแปซิฟิกครั้งแรก หลังจากนั้นได้ฝากผลงานไว้อีกมากมาย ทั้งชั่วฟ้าดินสลาย, น้ำตาลไม่หวาน, โรงแรมนรก, มาจนถึงหนังไทยยุคหลังเรื่องดังๆ ทั้ง 2499 อันธพาลครองเมือง, นางนาคและรักออกแบบไม่ได้
ความสามารถของปง อัศวินิกุล ยังการันตีได้จากหลายรางวัลที่ได้รับทั้งรางวัลสำเภาทอง สาขาผู้บันทึกเสียงยอดเยี่ยมปี 2500 ซึ่งปง อัศวินิกุลเป็นคนแรกที่ได้รางวัลนี้ รางวัลพระราชทานตุ๊กตาทองปี 2530 และรางวัลต่างๆ จากเวทีสุพรรณหงส์และชมรมวิจารณ์บันเทิง นอกจากนี้ยังได้การยอมรับในระดับสากลด้วยการเป็นผู้ทำเสียงให้กับหนังต่างประเทศหลายเรื่องเช่น Terminator 3, Taken, Jungle Book 2 และ Brother Bear ซึ่งเป็นคนจัดการได้ศึกษาดูงานห้องบันทึกเสียงฮ่องกงและดิสนีย์และนำมาปรับปรุงจนห้องบันทึกเสียงรามอินทราได้มาตรฐานสากล
แม้ทุกวันนี้ปง อัศวินิกุล จะวางมือจากการทำหนังไปแล้ว หากเทคนิคการทำงานยังถูกส่งมาให้ต่อให้ลูกอย่างสุนิตย์ อัศวินิกุล ที่ได้เรียนรู้การทำงานจากคุณพ่อมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น จึงมีเพียงการตัดต่อผสมเสียงและใส่เอฟเฟคเท่านั้น หากหลายครั้งสุนิตย์ยังทำหน้าที่ตัดต่อภาพยนตร์เองอีกด้วย สุนิตย์เล่าว่ายุครุ่งเรืองที่สุดของห้องบันทึกเสียงรามอินทราคือช่วงที่ต่างชาติหันมาทำงานเสียงภาพยนตร์ในไทยแทนที่ฮ่องกง ซึ่งเดิมทีเป็นแหล่งสำคัญของเอเชีย ทั้งจากจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย Hollywood รวมถึงไต้หวัน หากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาหนังไต้หวันเริ่มมีเข้ามาน้อยลงซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมของไต้หวัน
ด้วยคอนเน็คชั่นในฐานะคนทำหนังฟิล์ม มาตั้งแต่ปี 2494 ปง อัศวินิกุล ยังเป็นขุมกำลังสำคัญที่ช่วยหอภาพยนตร์องค์การมหาชนตามหาฟิล์มเก่าหนังไทยที่หลงเหลืออยู่ในแล็ปต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งที่พร้อมส่งคืนและถูกทิ้งให้หายไปตามกาลเวลา อย่างไรก็ตามผู้เขียนแนะนำว่าให้เราหันมาบริโภคหนังไทยกันมากขึ้น เพื่อที่จะได้ทำให้วงการหนังไทยอยู่ต่อ และก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Keywordsfun และ quotesaboutsmile