By AI AI
ญี่ปุ่นเตือน! ประเทศแถบอาเซียนให้ระวังการก่อการร้าย! ดัน #การก่อการร้ายแบบพลีชีพ ติดเทรนทวิตเตอร์ในไทยวันนี้!!
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา ทางด้านสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้ทำการส่งอีเมลแจ้งเตือนให้พลเมืองของตัวเอง ที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ให้ระมัดระวังการก่อการร้าย ด้วยวิธีระเบิดพลีชีพในสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกัน โดยเฉพาะ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ โบราณสถาน ตลาดนัด หรือ ห้างสรรพสินค้า โดยเน้นย้ำให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ ถ้าหากหลีกเลี่ยงสถานที่เหล่านี้ได้ ควรหลีกเลี่ยง หรือ ถ้าหากว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ควรใช้เวลาให้น้อยที่สุด และถ้าต้องเผชิญกับเหตุการณ์ก่อการร้าย ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐอย่างเคร่งครัด
ภายหลังจากที่อีเมลได้ถูกส่งแจ้งเตือน ก็มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งในประเทศไทย ได้ออกมาเตือนพร้อมทั้งเผยแพร่ข้อความทางอีเมล โดยกล่าวอ้างว่าเพื่อนของเขาได้รับมา พร้อมทั้งตั้งคำถามไปยังรัฐบาลประเทศไทยว่าเตรียมพร้อมรับมือ หรือ ทราบข่าวนี้แล้วหรือยัง เพราะเป็นห่วงที่ทางรัฐบาลไทยยังนิ่งเฉยต่อข่าวที่ออกมานี้
จนกระทั่งในวันจันทร์ที่ 13 กันยายน นายธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้อกมายืนยันถึงข่าวที่ทางญี่ปุ่นส่งเมลหาพลเรือนของเขา และเตือนถึงภัยก่อการร้ายว่า “ทางเราได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยแล้ว ได้รับการยืนยันว่า อีเมลเตือนเหตุก่อการร้ายมาจากกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นจริง ซึ่งกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถบอกที่มาหรือแหล่งข่าวของอีเมลฉบับนี้ได้ และทางสถานทูตเองก็ไม่มีข้อมูลมากกว่านี้”
พร้อมทั้งกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ไม่ใช่แค่ประเทศเราประเทศเดียวที่ทางการญี่ปุ่นส่งเมลเตือนถึงพลเมืองของเขา แต่ยังรวมถึงประเทศอื่น อีก 5 ประเทศ ในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เมียนมาร์ สิงคโปร์ และ อินโดนีเซีย ที่ได้รับการเตือนนี้เช่นกัน
ทางด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาชี้แจงว่า การประกาศเตือนดังกล่าวเป็นการเตือนตามรอบปกติ แต่ก็ได้ประสานงานกับหน่วยความมั่นคง รวมถึงหน่วยงานด้านข่าวทั้งในและต่างประเทศแล้วเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้เพิ่มเติม แต่ยังไม่พบว่ามีสิ่งใดชี้ชัดว่าจะเกิดเหตุก่อการร้ายขึ้น และเน้นย้ำว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ก็ต้องหาข้อมูลเพื่อดำเนินการต่อไป
พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้พูดทิ้งท้ายไว้ว่า ขณะนี้ได้สั่งการกำชับให้เจ้าหน้าที่ ทั้ง ตำรวจนครบาล ตำรวจภูธร และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้เข้มงวดกวดขัน และพยายามตรวจตราบุคคลที่เข้าออกประเทศ พร้อมทั้งเฝ้าติดตามกลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาพำนักยังประเทศไทย และเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นมากขึ้น
ในวันเดียวกัน ทางด้านประเทศมาเลเซีย นาย นอร์มาห์ อิซฮัก ผู้บัญชาการสำนักงานต่อต้านการก่อการร้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทางการมาเลเซียได้ทำการตรวจสอบและเชื่อว่าไม่มีข้อมูลใดบ่งชี้ว่าการก่อการร้ายนี้ จะเกิดขึ้นที่มาเลเซีย และคาดว่า การออกมาเตือนของทางการญี่ปุ่นต่อพลเมืองของตนเองนั้น
น่าจะเกี่ยวกับการครบรอบเหตุกาณ์ 9/11 ที่เครื่องบินพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซนเตอร์ ในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตาม ทางการมาเลเซียก็จะไม่ลดระดับการป้องกันการก่อการร้าย พร้อมทั้งเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ เพิ่มความระมัดระวังและตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น
วันอังคารที่ 14 กันยายน ทางด้าน สำนักงานความมั่นคงภายในของสิงคโปร์ (IDS) ได้ออกมากล่าวว่า ในตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลและสิ่งใดที่บ่งชี้ได้ว่าการก่อการร้ายจะเกิดขึ้นที่สิงคโปร์ แต่ก็ยังไม่ลดความระมัดระวังและการป้องกันภายใน อีกทั้งยังกำชับไปยังเจ้าหน้าที่ให้เฝ้าจับตากลุ่มบุคคลที่มาจากต่างประเทศ เพราะสิงคโปร์ เคยเกิดเหตุการณ์ไม่สงบที่กลุ่มก่อการร้ายเตรียมการที่จะใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล ยิงใส่สิงคโปร์ในวันชาติ
แต่แผนการณ์นี้ก็ล้มเหลว ด้วยความสามารถของหน่วยข่าวกรองสิงคโปร์นำมาซึ่งการบุกโจมตี กวาดล้าง กลุ่มก่อการร้าย ในปี 2559 ที่เกาะแห่งหนึ่งในอินโดนีเซีย เหตุการณ์ครั้งนั้น นำมาซึ่งการสูญเสียของกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม และนำไปสู่การกวาดล้าง ที่นำโดย อินโอนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ต่อไป
วันพุธที่ 15 กันยายน ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ลีโอโพลโด ลาโรยา รองผู้บัญชาการหน่วยพิทักษ์ชายฝั่งฟิลิปปินส์ (PCG) ก็ออกมากล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุให้ต้องตื่นตระหนก แต่ก็ต้องไม่ประมาท และขอให้ประชาชนทุกคนติดต่อหน่วยงานรัฐทันที หากเกิดเหตุการณ์ หรือ พบบุคคลต้องสงสัยที่มีพฤติกรรมไม่ปกติ ซึ่งระหว่างนี้กองกำลังของ PCG ก็จะยกระดับมาตรการคุมเข้มบริเวณชายฝั่ง และเขตติดต่อทางทะเล เพื่อเตรียมรับมือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน ทางด้าน อินโดนีเซีย ได้ยกระดับการป้องกันภัยก่อการร้ายถึงขีดสุด เพราะมีผลมาจากประสบการณ์ที่เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายเกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะเหตุกาณ์ระเบิดพลีชีพที่บาหลี ที่พรากชีวิตคนอินโดและชาวต่างชาติไปหลายคน รวมถึงเหตุการณ์กราดยิงในหลายพื้นที่ จนอินโดฯ ยกให้เป็น ‘ฤดูแห่งความหวาดกลัว’
ขณะนี้ ทางการอินโดนีเซียได้ทำการปราบปรามและจับกุมผู้ที่มีส่วนร่วมกระทำผิดที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายนี้แล้วกว่า 188 คน ในจำนวนนี้ไม่มีรายงานว่ามีความเกี่ยวข้องกับการเตือนของทางการญี่ปุ่นแต่อย่างใด
จนกระทั่งในวันพฤหัสบดี ที่ 16 กันยายน นี่เอง กระแสเกี่ยวกับ การก่อร้ายแบบพลีชีพ ได้ทะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งในเทรนทวิตประเทศไทย เป็นการแสดงออกถึงการตื่นตัวของคนไทยที่มีต่อ กระแสการก่อการร้าย พร้อมทั้งพยายามกดดันไปทางรัฐบาลปรเทศไทย ให้ช่วยหาทางและเฝ้าระวัง เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของประชาชนในชาติ และแสดงออกถึงความปลอดภัยของชาติให้ต่างชาติได้รับรู้ ก่อนที่จะเปิดประเทศในเดือนหน้าที่จะถึงนี้
ส่วนทางด้านประเทศเมียนมาร์ที่เป็นหนึ่งในหกประเทศที่ได้รับคำเตือน ก็ยังไม่มีรายงานออกมาจากฝั่งของรัฐบาลประเทศเมียนมาร์ถึงท่าทีของคำเตือนนี้แต่อย่างใด
ท่ามกลางการระบาดของไวรัส covid-19 และ สถานการณ์บ้านเมือง ก็ซ้ำเติมคนไทยจนแย่อยู่แล้ว ก็หวังว่า เหตุการณ์การก่อร้ายนี่จะไม่เกิดขึ้นที่ประเทศไทย เพราะแค่นี้ก็บอบช้ำกันเกินจะทน.…#การก่อการร้ายแบบพลีชีพ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ QuotesAboutSmile และ Keywordsfun
